เมืองหลวงของพม่า
เมือง ดูไบ
10. Caño Cristales, แม่น้ำเปลี่ยนสี
Caño Cristales เป็นแม่น้ำที่ตั้งอยู่ใน Serrenia de la ในโคลอมเบีย มันไม่ใช่เพียงแค่แม่น้ำธรรมดาทั่วไป แต่ได้รับการขนานนามว่าเป็น "แม่น้ำที่สวยที่สุดในโลก." ระหว่างเดือนกันยายนและ พฤศจิกายน น้ำในแม่น้ำจะเปลี่ยนสี เป็นสีแดง, สีชมพู, สีฟ้าสีเขียวและสีเหลือง ซึ่งแท้จริงแล้วแม่น้ำมันไม่ได้เปลี่ยนสีเอง แต่มันมาจากพืชหลายชนิดที่เจริญเติบโตอยู่ใต้แม่น้ำนั่นเอง
9. Mount Sanqingshan ซานชิงซาน หุบเขาสวรรค์
ภูเขา Sanqingshan ตั้งอยู่ในประเทศจีน เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของลัทธิเต๋า และมักจะถูกเรียกว่า "สวนของพระเจ้า." พื้นที่ประกอบด้วยความหลากหลายที่น่าสนใจ และมีรูปทรงที่ดูผิดปรกติของเสาหินแกรนิต ป่า และก้อนหิน มันจะเปลี่ยนรูปแบบตามสภาพอากาศ ประมาณ 200 วันในแต่ละปี มันจะถูกปกคลุมไปด้วยหมอก ทำให้มันดูเหมือนเป็นลักษณะที่น่าฉงน ทำให้ผู้ที่เข้ามาชมจะพบกับความรู้สึกที่ลึกลับ
8. Fly Geyser น้ำพุร้อนไกเซอร์ น้ำพุร้อนลอยฟ้า
Fly Geyser ตั้งอยู่ในทะเลทรายเนวาดา ประเทศสหรัฐอเมริกา มันเป็นกองหินที่มีสีสันตามธรรมชาติ และปลายยอดทั้งสามยังพ่นน้ำตรงขึ้นไปในอากาศได้ ซึ่งสามารถพบได้เพียงไม่กี่แห่งในโลก จึงจัดได้ว่าเป็นปรากฏการณ์ทางธรรมมชาติ ที่หาดูได้ยากชนิดหนึ่ง ไกเซอร์มักจะตั้งอยู่ใกล้กับบริเวณภูเขาไฟที่ยังสามารถระเบิดได้อยู่และได้รับผลจากแม็กมาในบริเวณใกล้เคียงอีกด้วย
7. Aokighara, อะโอะกิงะฮะระ ป่าแห่งความตาย
ป่านี้ถูกค้นพบที่ฐานของภูเขาฟูจิ น่าจะเป็นป่ามีชื่อเสียงมากที่สุดในทั้งหมดของประเทศญี่ปุ่น มีพื้นที่ประมาณ 3,500 เฮกตาร์ ป่ากว้างทึบและมีต้นไม้แปลกตา โค้งงอบิดเบี้ยวดูน่าขนลุก จนผู้คนกล่าวขวัญกันว่ามันมีผีสิง และมีตำนานของผีปีศาจและวิญญาณที่ยังปกปักอยู่โดยรอบพื้นที่ ที่น่าเศร้าก็คือ ป่าแห่งนี้มีผู้คนนิยมมาฆ่าตัวตายเป็นอันดับสองของโลก ซึ่งมีผู้คนมากกว่า 500 คนที่มีความมุ่งมั่นเดินทางมาฆ่าตัวตายที่นั่น
6. The Bermuda Triangle สามเหลี่ยมเบอร์มิวดา
สามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า หรืออีกชื่อหนึ่งว่า “สามเหลี่ยมปีศาจ มันเป็นพื้นที่สามเหลี่ยมในมหาสมุทรแอตแลนติกระหว่าง เปอร์โตริโก รัฐฟลอริดา และเกาะเบอร์มิวดา มีชื่อเสียงมาจากการหายตัวไปอย่างอธิบายไม่ได้ ทั้งบรรดาเครื่องบิน เรือ และผู้คน โดยในปี พ.ศ. 2553 โจเซฟ โมนาแกน ได้เสนอว่า สาเหตุที่เรือจมและเครื่องบินตก เกิดจากแก๊สมีเทนที่ก่อตัวขึ้นบริเวณสามเหลี่ยมเบอร์มิวดา โดยแก๊สเหล่านี้จะลอยขึ้นสู่อากาศ ขยายตัวเป็นวงกว้างและก่อตัวเป็นฟองแก๊สขนาดใหญ่ เมื่อเครื่องบิน หรือเรือลำใดผ่านเข้าไปในบริเวณนั้น ก็จะเข้าไปสู่ฟองแก๊สมีเทนขนาดยักษ์ จนทำให้เรือเหล่านี้สูญเสียการควบคุม และจมลงในที่สุด
5. Moguicheng เมืองปิศาจ
Moguicheng เป็นทะเลทรายในภูมิภาคซินเจียงของจีน ชื่อแปลตามตัวอักษรหมายถึงเมืองซาตานหรือ เมืองปีศาจ ผู้คนแถบนั้นได้รายงานเหตุการณ์ประหลาดมากมาย บางคนยืนกรานว่า พวกเขาเคยได้ยินเสียงลึกลับที่ลอยอยู่บนสายลม ที่มีท่วงทำนองแปลก และ เสียงคล้ายการดีดสายกีตาร์เบาๆ บางครั้งฟังเหมือนเด็กทารกร้องไห้ บางครั้งก็เหมือนเสียงเสือคำราม เสียงเหล่านี้มีความลึกลับ ที่ไม่มีใครสามารถหาสาเหตุว่ามันเกิดมาจากอะไร?
4. Richat Structure ดวงตาแห่งซาฮาร่า
ดวงตาแห่งซาฮาร่า ตั้งอยู่ที่ทะเลทรายซาฮาร่า ลักษณะเป็นชั้นหินแปลกๆ ที่ก่อเกิดขึ้นกลางทะเลทรายซาฮาร่า เป็นทรงกลมขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 40-50 กิโลเมตร นักวิทยาศาสตร์เชื่อกันว่า เป็นผลจากอุกกาบาตที่พุ่งเข้ามาชนโลก แต่นักธรณีวิทยา ก็มีอีกความเห็นว่า อาจจะเกิดจากการยกตัวของแผ่นดิน และมีการกร่อนตามกาลเวลา และหากมองจากภาพถ่ายดาวเทียม ก็จะเห็นได้ว่าลักษณะคล้ายดวงตามากๆ
3. Travertine Pools of Pamukkale สระว่ายน้ำปุยฝ้าย
สระว่ายน้ำปุยฝ้าย ตั้งอยู่ที่ประเทศตรุกี ซึ่งตั้งชื่อตามลักษณะภูมิศาสตร์ เกิดจากปรากฏการณ์ที่ตะกอนของหินปูนทำปฏิกิริยากับอากาศ จับตัวแข็งกลายเป็นแอ่ง และมีธารน้ำแร่ใต้ดินไหลเอ่อล้นผุดขึ้นมาบนพื้นผิว ซึ่งสระปุยฝ้ายมีขนาด กว้าง 300 เมตร ยาวกว่า 3 กิโลเมตร
2. McMurdo Dry Valleys แมคเมอร์โด ไดร์ วัลเลย์ ดินแดนแห่งดาวอังคารบนโลกมนุษย์
สถานที่แห่งนี้อาจจะเป็นสถานที่ที่เป็นความลับมากที่สุดในโลก เป็นหนึ่งในทะเลทรายที่ใหญ่ที่สุด ที่แห่งนี้ได้รับบริมาณน้ำฝนเพียงแค่ 4 นิ้วของฝนในแต่ละปี นักวิทยาศาสตร์ได้กล่าวว่าพื้นที่หุบเขาแห้ง น่าจะเป็นสถานที่บนโลก ที่มีลักษณะคล้ายกับสภาพแวดล้อมบนดาวอังคาร....
1. Mount Roraima เมาท์โรไรมา มหัศจรรย์ภูเขายอดเเบนรูปโต๊ะ
ภูเขา Roraima ภูเขาโรไรม่า ตั้งอยู่ในเมืองไรโรม่าของประเทศบราซิล ในทวีปอเมริกาใต้ บนพรมแดนที่เชื่อมต่อระหว่าง 3 ประเทศ คือ เวเนซูเอลา บราซิล และกายอานา ซึ่งสิ่งที่ทำให้ภูเขาโรไรม่าได้กลายเป็นสถานที่สุดแปลกของโลกก็คือลักษณะของยอดเขาที่แบนเรียบเหมือนกับพื้นโต๊ะ ราวกับธรรมชาติจับปั้น ล้อมรอบด้วยผาแนวดิ่งสูง 400 เมตร
More video : https://goo.gl/90CLv4
10. Hell's Door ประตูนรกแห่งเติร์กเมนิสถาน
ประตูนรก แห่งนี้อยู่ที่ประเทศเติร์กเมนิสถาน เป็นหนึ่งในสถานที่ที่รวมไว้ทั้งความแปลกและความน่ากลัว จากสภาพหลุมขนาดยักษ์ ลึกกว่า 70 เมตร ที่มีเปลวเพลิงลุกท่วมตลอดเวลา ประตูนรกแห่งนี้เดิมทีเป็นเหมืองร้างซึ่งมีหลุมขนาดใหญ่ที่มีก๊าซพวยพุ่งออกมา ใน ค.ศ. 1971 คนงานของเหมืองรายหนึ่ง ตัดสินใจจุดไฟเผาไหม้ก๊าซในหลุม โดยหวังว่าเมื่อก๊าซถูกเผาจนหมด เปลวไฟนั้นจะมอดดับไปเอง แต่เขาไม่รู้เลยว่าแม้เวลาจะผ่านล่วงเลยมานานหลายปี เปลวไฟที่ลุกท่วมหลุมประตูนรกนี้จะยังคงลุกโชนไม่รู้ดับต่อไป
9. Eisriesenwelt Ice Caves Austria ถ้ำน้ำแข็งยักษ์
ถ้ำน้ำแข็งไอส์รีเซนเวลต์ เป็นถ้ำน้ำแข็ง หินปูน ธรรมชาติขนาดใหญ่ของประเทศออสเตรีย (เป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาแอลป์) ตั้งอยู่ใกล้เคียงกับเมืองซาล์สเบิร์ก เป็นถ้ำน้ำแข็งที่ใหญ่ที่สุดในโลก เท่าที่มนุษย์ค้นพบในปัจจุบัน โดยถ้ำแห่งนี้ค้นพบครั้งแรกในปี 1879 ลักษณะข้างในถ้ำเป็นเหมือนภูเขาที่อยู่ในถ้ำและจะมีน้ำแข็งเกาะ และหินงอก เต็มไปหมด ถ้ำแห่งนี้มีความลึกถึง 42 กิโลเมตร เลยทีเดียว
8. Mono Lake ทะเลสาปแสนเหงา
ทะเลสาบโมโน อยู่ที่รัฐแคลิฟลอเนีย สหรัฐอเมริกา เป็นทะเลสาบที่ไม่มีทางออกสู่มหาสมุทร ทำให้น้ำในทะเลสาบมีความเค็มอยู่มาก ซึ่งปริมาณเกลือในทะเลสาบแห่งนี้เอง ที่ก่อให้เกิดสภาพแวดล้อมเหมาะสมแก่การเจริญเติบโตของบรรดากุ้ง และในทุก ๆ ฤดูจึงมักจะมีฝูงนกนับพันตัวบินถลาลงมาหากุ้งกินเป็นอาหาร และด้วยความสวยงามของธรรมชาติที่ผสานกับระบบนิเวศเล็ก ๆ นี้เองที่ทำให้ทะเลสาบแห่งนี้ได้ถูกจัดให้อยู่ในทำเนียบสถานที่สุดแปลกของโลก
7. Vale da Lua Brazil หุบเขาโลกพระจันทร์
หุบเขาโลกพระจันทร์ เป็นที่ราบสูงโบราณที่มีอายุเก่าแก่กว่า 1.8 พันล้านปี อยู่ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ของประเทศบราซิล เป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติ โดยพื้นที่แห่งนี้เต็มไปด้วยหินรูปร่างประหลาดแปลกตามากมาย ซึ่งสาเหตุที่เป็นเช่นนี้ก็เนื่องมาจากการกัดเซาะของแม่น้ำ San Miguel แทรกอยู่ภายใน ซึ่งองค์การยูเนสโกประกาศให้เป็นมรดกโลกเมื่อปี ค.ศ. 2001
6. Chocolate Hills ภูเขาแช๊คโกแล๊ต
ภูเขาช็อกโกแลต แห่งเกาะโบโฮล สถานที่ท่องเที่ยวอันโด่งดังของประเทศฟิลิปปินส์ ซึ่งมีภูเขา 1,268 ลูก ที่เรียงรายอยู่นั้นมีลักษณะเป็นรูปทรงกรวยคว่ำเหมือนกัน ทั้งยังมีขนาดที่ใกล้เคียงกัน ช่วงความสูงตั้งแต่ 30-50 เมตร อย่างไรก็ดีสำหรับชื่อภูเขาช็อกโกแลตของสถานที่แห่งนี้ มีที่มาจากสภาพของต้นหญ้าสีเขียวที่ขึ้นคลุมภูเขาแต่ละลูกจะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลในฤดูแล้ง
5. Blood Pond Hot Spring Japan บ่อน้ำร้อนสีเลือด นรกขุมที่ 9 แห่งเปปปุ
บ่อน้ำร้อนสีเลือด ตั้งอยู่ที่เมืองเบปปุ จังหวัดโออิตะ บนเกาะคิวชูของญี่ปุ่น ด้วยความงดงามจากการสรรค์สร้างของธรรมชาติ ทำให้น้ำพุร้อนสีเลือดแห่งนี้กลายมาเป็นน้ำพุร้อนที่โด่งดังที่สุดในญี่ปุ่น ซึ่งน้ำพุร้อนสีแดงราวกับเลือดแห่งนี้ เกิดจากน้ำที่อุดมไปด้วยธาตุเหล็กที่สูงมากนั่นเอง อย่างไรก็ตามเนื่องจากน้ำมีธาตุเหล็กผสมอยู่มากทำให้น้ำพุร้อนแห่งนี้ไม่เหมาะแก่การลงแช่
4. Salar de Uyuni Bolivia ทะเลเกลือแสนอัศจรรย์
เป็นทะเลเกลือที่ใหญ่ที่สุดในโลก ที่มีพื้นที่ถึง 10,582 กิโลเมตร ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของโบลิเวีย ใกล้ยอดของเทือกเขาแอนดีส เป็นพื้นที่ที่เต็มไปด้วยคราบเกลือที่หลงเหลือมานานตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์ ทำให้พื้นที่แห่งนี้เต็มไปด้วย หินเกลือและยิปซัม และแร่ลิเธียม มีการประมาณว่ามันบรรจุไว้ด้วยเกลือกว่า 10 ล้านล้านตัน ซึ่งสถานที่แห่งนี้ถูกนำไปใช้ประโยชน์ ในการตรวจสอบ และปรับแก้การวัดค่าความสูงของดาวเทียมอีกด้วย
3. Rio Tinto River แม่น้ำสีเลือด
แม่น้ำสีแดง ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศสเปน มีต้นน้ำไหลมาจากภูเขาเซียร์ร่า โมรีน่า โดยสำหรับสีแดงอันเป็นเอกลักษณ์ของมันนั้นเกิดขึ้นจากแร่โลหะชนิดต่าง ๆ ที่อยู่รอบแม่น้ำสายนี้ ไม่ว่าจะเป็นแร่ทองแดง แร่เหล็ก แร่โลหะ และแร่อื่น ๆ ซึ่งทำให้น้ำในแม่น้ำมีความเป็นกรดสูงมากจนเปลี่ยนเป็นสีแดง เกิดเป็นสถานที่สุดแปลกพิลึกและได้กลายมาเป็นแหล่งท่องเที่ยวภายในประเทศสเปนในที่สุด...
2. Grand Prismatic Spring บ่อน้ำร้อนยักษ์
เป็นบ่อน้ำพุร้อนที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 3 ของโลก ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติเยลโลว์สโตน สหรัฐอเมริกา ซึ่งสีสันที่แบ่งเฉดเป็นสีน้ำเงินตรงกลางบ่อและสีส้มที่ขอบบ่อนี้เองที่ทำให้สถานที่แห่งนี้งดงามราวกับอยู่ในเทพนิยาย จนไม่คิดว่าจะมีอยู่บนโลกนี้ โดยนักวิทยาศาสตร์ได้อธิบายถึงการแบ่งเฉดสีของบ่อน้ำพุร้อนแห่งนี้ว่า ขอบบ่อที่เป็นสีส้มนั้นเกิดขึ้นจากแบคทีเรียที่เจริญเติบโตอย่างหนาแน่นบริเวณขอบบ่อ เนื่องจากภายในบ่อนั้นอุดมไปด้วยแร่ธาตุและมีอุณหภูมิที่เหมาะสมนั่นเอง
1. Socotra Island เกาะต่างดาว
เกาะโซโคตร้า เป็นหมู่เกาะเล็กๆ ในประเทศเยเมน ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกไปเมื่อ กรกฏาคม 2008 สภาพภูมิอากาศที่ร้อนอบอ้าว และแห้งแล้ง ลักษณะภูมิประเทศที่เป็นภูเขาอันแปลกตา พื้นที่ที่เต็มไปด้วยสีฟ้าและเขียวจากธรรมชาติแต่สิ่งที่แปลกที่สุดคือมันเป็นสถานที่รวมแห่งพืชพรรณแปลกประหลาดหลายชนิด ต้นไม้รูปทรงแปลก ๆ ที่ยังมีชีวิตอยู่รอดได้อายุกว่า 20 ล้านปี
More video : https://goo.gl/90CLv4
10. Zhangye Danxia landform in Gansu ภูเขาสีรุ้ง
ภูเขาสีรุ้ง อยู่ในเขตมณฑลกันซู่ ทางตอนใต้ประเทศจีน ภูเขาหลากหลายสีสันนี้ เกิดจากปรากฏการณ์ทางธรณีวิทยา การกร่อนและผุพังตามธรรมชาติของหินทรายสีแดง ที่ทับถมรวมกับตะกอนอื่นๆ จนเกิดเป็นพื้นที่สีแดง พื้นที่บริเวณนี้ประกอบไปด้วยหินทรายและหินกรวดยุคครีเทเชียสอายุกว่า 24 ล้านปี และภูเขาสีรุ้งนี้ ถูกจัดให้เป็นมรดกโลก เมื่อปี 2010
9. Emerald Cave ถ้ำมรกต
ถ้ำมรกต อยู่บนเกาะมุกต์ อำเภอกันตัง จังหวัดตรัง ประเทศไทย เมื่อมุดลอดเข้าไปจะพบหาดทรายขาวและต้นไม้ซ่อนอยู่ใจกลางเกาะ การเข้าถึงต้องลอยคอในน้ำลอดถ้ำอัดมืดมิด เข้าแถวเรียงหนึ่งตามคนนำทาง
ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการเที่ยวถ้ำมรกตคือ ระหว่าง 10.00 - 14.00 น. เป็นช่วงที่น้ำขึ้นเต็มที่ เนื่องจากแสงจะลอดผ่านปากปล่องถ้ำมรกตลงมา และจะได้เห็นความงดงามอย่างน่าอัศจรรย์
8. Antelope Canyon in Arizona หุบเขาพิศวง แห่งรัฐอริโซน่า
Antelope Canyon (แอนทีโลพ แคนยอน) อยู่ที่เมืองเพจ รัฐอริโซน่า ประเทศสหรัฐอเมริกา หุบเขาพิศวงแห่งนี้ เกิดจากการพังทลายของชั้นหิน Navajo Sandstone ซึ่งถูกกัดเซาะอย่างฉับพลันจากกระแสน้ำที่ซัดผ่าน ปัจจุบัน หุบเขาแห่งนี้กลายเป็นหุบเขาที่อันตรายที่สุด เนื่องจากบริเวณนั้นอาจเกิดน้ำท่วมฉับพลันได้ตลอดเวลา และระดับน้ำสามารถสูงถึง 10 เมตร เลยทีเดียว
7. The Great Blue Hole หลุมยักษ์น้ำเงินคราม
หลุมยักษ์น้ำเงินครามแห่งเบลิซ ประเทศนี้อยู่บนฝั่งตะวันออกของอเมริกากลาง ริมทะเลแคริบเบียน หลุมนี้มีเส้นผ่าศูนย์กลาง 984 ฟุต กับความลึกประมาณ 410 ฟุต เชื่อกันว่าหลุมนี้เป็นหลุมกลางทะเลที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก สันนิษฐานกันว่ามันก่อตัวขึ้นในยุคน้ำแข็ง แถมหลุมนี้ยังเป็น 1 ใน 7 หลุมที่นักประดาน้ำจัดอันดับสถานที่น่าดำน้ำที่สุดในโลกอีกด้วย
6. Shiprock New Mexico หินมีปีก
Shiprock ตั้งอยู่ที่ทะเลทรายบนนาวาโฮ รัฐนิวเม็กซิโก ประเทศสหรัฐอเมริกา มีความสูงอยู่ที่ 2,187.5 เมตร และอยู่เหนือระดับน้ำทะเลประมาณ 17.30 กิโลเมตร Shiprock เป็นจุดที่น่าสนใจสำหรับนักปีนเขาหินและช่างภาพ มันเป็นสถานที่สำคัญโดดเด่นที่สุดในภาคตะวันตกเฉียงเหนือของรัฐเม็กซิโก
5. The End of the Great Wall of China จุดสิ้นสุดกำแพงเมืองจีน
กำแพงเมืองจีน เป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก ได้รับการขนามว่าเป็นกำแพงโบราณที่ยาวที่สุดในโลก กำแพงแห่งนี้ยาวมากถึง 21,196.18 กิโลเมตร และมีป้อมปราการประมาณ 15,000 แห่งเลยทีเดียว ด้วยความยาวนี้มันจึงได้รับฉายาว่า กำแพงหมื่นลี้ ซึ่งคาดกันว่าปีที่สร้างขึ้นนั้นจะอยู่ในปี พ.ศ. 332 – 339 โดยจิ๋นซีฮ่องเต้ และจุดสิ้นสุดของกำแพงเมืองจีน จุดทีว่านี้เป็นจุดที่จรดทะเลของกำแพง มีชื่อเรียกว่า Laolongtou หรือ หัวมังกรโบราณ อยู่ทางทิศทิศตะวันออกทะเล Bohai โดยชาวบ้านในท้องถิ่นเรียกกำแพงนี้ว่า มังกรดื่มน้ำ เพราะลักษณะคล้ายหัวของมังกรโบราณลงไปในทะเลนั่นเอง
4. Glowworm Caves in Waitomo ถ้ำเรืองแสงสุดอัศจรรย์
Glowworm Caves ถ้ำแห่งนี้อยู่ในเกาะเหนือ ทางตอนใต้ของเมืองไวกาโต ประเทศนิวซีแลนด์ และได้ชื่อว่าเป็น ถ้ำหนอนเรืองแสง ที่สวยที่สุดในโลกก็ว่าได้ โดยสาเหตุของแสงที่ว่านี้ก็เนื่องมาจาก หนอนเรืองแสง ที่อยู่ภายในถ้ำนั่นเอง แค่เราเห็นในรูปก็งามสะดุดตาแล้ว ถ้าได้ไปสัมผัสด้วยตาตนเองจะสวยงามขนาดไหน
3. Victoria Falls bordering Zimbabwe and Zambia สระว่ายน้ำของซาตาน
น้ำตกนี้ตั้งอยู่ที่ชายแดนของประเทศแซมเบีย และซิมบับเวเป็นน้ำตกที่กว้างที่สุดในทวีปแอฟริกา นอกจากนี้ที่แซมเบียยังเรียกที่นี่ว่า “สระว่ายน้ำของซาตาน” ซึ่งน้ำตกมีขนาดกว้าง และน้ำจะไหลตกลงมาเป็นม่านน้ำขนาดใหญ่ ลักษณะเป็นรูปซิกแซก สันนิษฐานว่าน้ำตกวิกตอเรียเกิดขึ้นครั้งแรกเมื่อ 5 ล้านปีก่อน ซึ่งผมอยากจะถามใจพี่เค้าจริงๆ ว่ากล้าไปเล่นกันได้ไง?
2. Mendenhall Ice Caves Juneau อุโมงค์ถ้ำน้ำแข็งลอย
อุโมงค์น้ำแข็ง อลาสก้า ตั้งอยู่ที่หุบเขา Mendenhall รัฐอลาสก้า ประเทศสหรัฐอเมริกา นี่คือก้อนน้ำแข็งน้อยใหญ่จำนวนมหึมา ที่แขวนตัวลอยอยู่ในอากาศ ยาวกว่า 12 ไมล์ หรือ 19 กิโลเมตร ซึ่งน้ำแข็งบางส่วนที่ละลายสร้างธารน้ำไหลลอดลงสู่โตรกหินด้านล่าง
1. The Hang Son Doong Cave ถ้ำยักษ์ลึกลับสุดอลังการ
Son Doong ได้ชื่อว่าเป็น "ถ้ำที่ใหญ่ที่สุดในโลก" ถูกค้นพบเมื่อปี 2009 อยู่ที่เมืองกงบินห์ ในประเทศเวียดนาม การค้นพบถ้ำดังกล่าว สร้างความตื่นตะลึงไปทั่ววงการวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม ซึ่งถ้ำแห่งนี้ มีความสูงกว่า 80 เมตร กว้าง 80 เมตร และมีระยะทางยาวไม่น้อยกว่า 4.5 กิโลเมตร บางตอนของโถงมีขนาดสูงถึง 140 เมตร กว้าง140 เมตร ซึ่งนั่นสามารถสร้างตึกระฟ้าสูงขนาด 40 ชั้นได้เลยทีเดียว
More video : https://goo.gl/90CLv4