แนวความคิดที่จะให้เยาวชนคริสตชนได้ตระหนักถึงบทบาทของตนในโลกปัจจุบันดังฯ พณฯ พระคาร์ดินัลคาร์ไดจ์นได้ดำริไว้ ตั้งแต่ค.ศ.1924 ได้ช่วยให้ศาสนจักรได้เริ่มไหวตัวทางความเข้าใจในความหมายของคำว่า "ฆราวาสแผ่ธรรม" ตั้งแต่นั้นมฆราวาสโดยเฉพาะบรรดาเยาวชน ได้รวมตัวกันมาเป็นกลุ่ม เพื่อที่จะได้มีโอกาสศึกษาหาบทบาทของตนเองที่จะตอบสนองความต้องการของสังคมได้อย่างชัดเจนยิ่งขึ้น จากแนวคิดนี้ YCS จึงได้ก่อตั้งขึ้นมาร่วมกับ YCS Debut และCFM
สังคายนาวาติกันที่ 2 (ปี 1962-1965) ชี้ให้คริสตชนได้เข้าใจว่า บทบาทและหน้าที่ของเขานั้นเป็นเรื่อง "ชีวิตคริสตชน" หาใช่เรื่องของ "กิจกรรมคาทอลิก" เท่านั้นไม่ ดังนั้นความหมายของ "การแพร่ธรรม" จึงได้เปลี่ยนแปลงไป โดยแสดงให้เห็นว่ามนุษย์ควรได้รับการปลดปล่อยจากพันธการที่ผูกมัดพวกเขาอยู่ ไม่ว่าด้านการเมือง เศรษฐกิจ การศึกษา ฯลฯ และมีชีวิตความเป็นอยู่สมกับที่เขาเป็นบุตรของพระเจ้า ซึ่งพระคริสตเจ้าได้ทรงบังเกิดมาเพื่อการปลดปล่อยนี้ และการปลดปล่อยของพระคริสตเจ้านี้ยังคงดำเนินอยู่ในพระศาสนจักร ซึ่งจะบรรลุผลสำเร็จได้ เมื่อทุกคนร่วมกัน แพร่คุณธรรมและดำเนินชีวิตตามค่านิยมสากลของพระวรสารในทุกระดับของสังคมของตน
เอกสารสังคายนาวาติกันได้เน้นถึงความสำคัญของการเตรียมฆราวาสแพร่ธรรมนับตั้งแต่ระดับเยาวชนในวัยเรียน โดยชี้ให้เห็นว่าการฝึกอบรมนั้น ต้องมีพื้นฐานอยู่บนประสบการณ์และการลงมือทดลองปฏิบัติจริง รวมทั้งการเริ่มมีบทบาทอย่างจริงจังในชีวิตสังคมของเขา "พวกเยาวชนมีอิทธิพลอยู่มากในสังคมปัจจุบัน สภาพแวดล้อมในชีวิตของเขาก็ดี ทัศนคติของเขาก็ดี ความสัมพันธ์กับครอบครัวของเขาก็ดี เปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง การที่เขามีความสำคัญทางสังคมเพิ่มขึ้นเรียกร้องให้เขามีบทบาทในการแพร่ธรรมยิ่งขึ้นและอุปนิสัยตามธรรมชาติก็โน้มนำให้เขาทำการแพร่ธรรมที่กล่าวมานี้…เยาวชนต้องเป็นพวกแรกไปแพร่ธรรมแก่บรรดาเยาวชนด้วยกันเอง เป็นการแพร่ธรรมในหมู่พวกเดียวกันและด้วยตนเองโดยคำนึงถึงวงสังคมที่เขาอยู่ด้วย (พระสมณกฤษฎีกาว่าด้วยการแพร่ธรรมของฆราวาส ข้อ 12)
เยาวชนผู้มีแรงจูงใจและอุดมคติสูง ย่อมมีบทบาทเป็นพิเศษเพื่อให้ความหวังดังกล่าวเป็นจริงขึ้นมา เขาจึงมารวมกลุ่มในรูปของขบวนการเพื่อสร้างสรรค์สังคมให้ดีขึ้นด้วยการปฏิรูปและพัฒนาชีวิตของตนบนพื้นฐานของคุณธรรมเพื่อที่สุดสังคมที่เพียบพร้อมด้วยค่านิยมของพระวาสารจะได้มีขึ้นมาจริง
ปัจจุบันนี้ขบวนการ วาย.ซี.เอส.ระดับสากลมีการประชุมประสานงานอย่างสม่ำเสมอทุกๆ 4 ปี โดยมีการคัดเลือกผู้ประสานงานเพื่อออกเยี่ยมเยือนช่วยเหลือสมาชิก วาย.ซี.เอส. ตามประเทศต่างๆ ของแต่ละภาคพื้นทวีป เช่นเอเซีย อัฟริกา ฯลฯ
YCS ได้เข้ามาในประเทศไทยเมื่อประมาณ ค.ศ.1957 โดยผ่านทางนักบวช ซึ่งได้รู้จัก YCS ในต่างประเทศ และพบว่าYCSมีหลักการ วิธีการ และอุดมการณ์ที่จะช่วยพัฒนานักเรียน เยาวชนไทย ท่านเลยได้เริ่มYCSในโรงเรียนนักบวชมาก่อน
หลังจากการเผยแพร่มาสักระยะหนึ่ง หลักการ และวิธีการต่างๆได้รับการพัฒนาที่เหมาะสมกับประเทศไทยมากขึ้น ประจวบเหมาะกับช่วงระยะนั้นสถานการณ์ทางสังคมในประเทศไทยได้มีผลเอื้ออำนวยให้เกิดการเรียนรู้มากขึ้นจึงได้มีการส่งจิตตาภิบาล และสมาชิกไปร่วมประชุมระดับภาคพื้นเอเชีย และระดับนานาชาติ และได้นำแนวคิดที่ทันสมัยมาปรับปรุงวิธีการ และเนื้อหาการประชุมซึ่งได้ส่งผลให้สมาชิกได้มีการพัฒนาที่มากขึ้น
1. ช่วงเผยแพร่ ระหว่างปี 2500 - 2515
ประมาณปี 2500 วาย.ซี.เอส. ได้เข้าไปในหลักสูตรการสอนคำสอนเป็นปีแรกที่โรงเรียน มาแตร์เดอี โรงเรียนอัสสัมชัญพาณิชย์พร้อมๆ กับกิจการคาทอลิกประเภทอื่น ต่อมาโรงเรียนหลายแห่งในกรุงเทพฯ ก็เริ่มจัดตั้งกลุ่มขึ้นบ้างแต่ในลักษณะต่างคนต่างทำโดยได้พยายามนำเอาหลักการ และวิธีการที่มีอยู่ในลักษณะเอกสารมาปฏิบัติ ประมาณปี 2511 ได้มีการรวมกลุ่มโรงเรียนที่มี วาย.ซี.เอส. โดยมีภราดาจากคณะเซนต์คาเบรียลเป็นผู้ประสานงาน และจัดตั้งคณะกรรมการต่างๆ เช่น คณะกรรมการจิตตาธิการ คณะกรรมการกลาง ซึ่งประกอบด้วยผู้แทนจากโรงเรียนต่างๆ โรงเรียนละ 1 คน และคณะกรรมการบริหารงานซึ่งคัดเลือกจากคณะกรรมการกลางอีกขั้นหนึ่ง ซึ่งทั้งหมดอยู่ภายใต้การดูแลของคณะกรรมการจิตตาธิการ มีการประชุมอย่างสม่ำเสมอ มีการพบปะในรูปแบบของวันสังสรรค์ วันรับเข็ม และยังมีการเข้าค่ายฝึกอบรมผู้นำ และสมาชิกเป็นประจำทุกปี
2. ช่วงพัฒนาและเติบโต ระหว่างปี 2515 - 2519
วาย.ซี.เอส ได้ขยายตัวอย่างรวดเร็ว ทั้งนี้ด้วยความเห็นชอบ และสนับสนุนของผู้บริหาร โรงเรียนคาทอลิก โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรงเรียนในเครือเซนต์คาเบรียล เซนต์ปอลเดอชารต์ และคณะพระหฤทัยคลองเตย โดยเริ่มต้นในกรุงเทพฯก่อน และได้ขยายไปยังสังฆมณฑลจันทบุรี ต่อมาเพื่อความสะดวกในการปกครองและประสานงานกันจึงได้แบ่งออกเป็น 2 เขตใหญ่ คืออัครสังฆมณฑล กรุงเทพฯ และสังฆมณฑลจันทบุรี แต่ละเขตมีการดำเนินงานและประสานงานย่อยตามโครงสร้างของตนเอง แต่ก็มีการพบปะกันของผู้นำและจิตตาธิการเพื่อแบ่งปันประสบการณ์อย่างสม่ำเสมอ.
ในเขตอัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ แบ่งเป็นเขตย่อย 5 เขต คือ
1. เขตบางรัก ได้แก่ โรงเรียนอัสสัมชัญบางรัก โรงเรียนอัสสัมชัญศึกษา โรงเรียนอัสสัมชัญคอนแวนต์ โรงเรียนกุหลาบวัฒนา
2. เขตยานนาวา ได้แก่ โรงเรียนเซนต์หลุยส์ศึกษา โรงเรียนวิริยาลัย โรงเรียน วาสุเทวี โรงเรียนพระแม่มารี โรงเรียนเซนต์โยเซฟคอนแวนต์ โรงเรียนอัสสัมชัญพาณิชย์
3. เขตสามเสน ได้แก่ โรงเรียนเซนต์คาเบรียล โรงเรียนซางตาครู๊สคอนแวนต์ โรงเรียนเซนต์ฟรังซิสเซเวียร์ โรงเรียนโยนออฟอาร์ค
4. เขตเพลินจิต ได้แก่ โรงเรียนมาแตร์เดอี โรงเรียนพระมหาไถ่ศึกษา โรงเรียนพระหฤทัยคอนแวนต์
5. เขตบางนา ได้แก่ โรงเรียนลาซาล โรงเรียนเซนต์โยเซฟบางนา โรงเรียนพระกุมารเยซู
ในสังฆมณฑลจันทบุรีไม่มีการแบ่งเขต โรงเรียนที่มีวาย.ซี.เอส.ในขณะนั้น คือ
โรงเรียนเซนต์ปอลคอนแวนต์
โรงเรียนเซนต์โยเซฟระยอง
โรงเรียนอัสสัมชัญศรีราชา
โรงเรียนวัฒนานุศาสน์
โรงเรียนสตรีมารดาพิทักษ์
3. ช่วงชะงักงัน ระหว่านปี 2519 - 2522
ขณะที่ขบวนการ วาย.ซี.เอส. กำลังพัฒนาและเติบโตอย่างเต็มที่นี่เองเหตุการณ์ภายในประเทศไทยมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมากมาย เป็นต้นจากเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 ซึ่งมีผลกระทบต่อความเป็นไปภายในโรงเรียนด้วย คือมีคำสั่งให้ยุบกลุ่มกิจกรรมและหยุดการรวมตัวทุกรูปแบบของนักเรียนในโรงเรียน วาย.ซี.เอส. จึงต้องหยุดชะงักลงไปอย่างน่าเสียดาย ประจวบกับจิตตาธิการที่เป็นกำลังสำคัญบางท่านต้องไปศึกษาต่อต่างประเทศบ้าง ต้องไปรับตำแหน่งใหม่ในต่างจังหวัดบ้าง จึงทำให้ขาดแคลนบุคคลที่เป็นแกนนำดูแลต่อไป แต่ก็ไม่ใช่เป็นการหยุดชะงักไปอย่างสิ้นเชิงทีเดียว หลายโรงเรียนที่จิตตาธิการคนเดิมยังอยู่ก็ดำเนินกลุ่มต่อไป โดยไม่มีการประสานงานติดต่อกันและกันจนกระทั่งปี 2521 ได้มีการจัดค่ายรวมขึ้นอีกครั้งหนึ่งที่โรงเรียนเซนต์โยเซฟระยอง แต่หลังจากนั้นต่างโรงเรียนก็ต่างดำเนินงานของตนเองอีก ในปี 2522 มีจิตตาธิการบางท่าน ที่ยังสามารถทำหน้าที่ประสานงานกันได้ ได้พบปะเพื่อมองดูอนาคตร่วมกัน และได้เห็นพ้องต้องกันว่าเหตุการณ์ต่างๆ และบรรยากาศได้คลี่คลายไปในทางที่ดีแล้ว จึงเริ่มต้นดำเนินงานต่อไปในรูปแบบมีผู้ประสานงานจิตตาธิการ ซึ่งจะต้องไปเยี่ยมและให้กำลังใจกลุ่มต่างๆ ตามโรงเรียนให้เข้มแข็งระยะหนึ่งก่อน และพร้อมกันนั้นก็ให้มีการรวมตัวสมาชิก วาย.ซี.เอส.รุ่นพี่ เพื่อเป็นกำลังในการช่วยเหลือและแบ่งปันให้กับรุ่นน้องๆ ต่อไป ซึ่งในช่วงนี้เองได้เกิดมีกลุ่ม วาย.ซี.เอส.นอกโรงเรียนขึ้นอีกด้วย
4. ช่วงฟื้นฟูพัฒนาระหว่างปี 2522 - ปัจจุบัน
ในช่วงนี้สภาเยาวชนคาทอลิคแห่งประเทศไทยภายใต้การดำเนินงานของสภาสังฆราชได้ กำเนิดขึ้น ทำให้การรวมตัวของกิจการแพร่ธรรมที่มีต่อนักเรียนเยาวชนคาทอลิคเป็นกิจลักษณะมากขึ้น วาย.ซี.เอส.ซึ่งเป็นกิจกรรมแพร่ธรรมคณะหนึ่งจึงได้เป็นสมาชิกองค์กรของสภาเยาวชนด้วย เมื่อพระศาสนจักรได้ตื่นตัวด้านการพัฒนาเยาวชน อีกทั้งทางโรงเรียนคาทอลิคก็ได้ตอบสนองต่อการตื่นตัวทางด้านนี้ โดยสนับสนุนให้มีกลุ่มต่างๆ เกิดขึ้นมากมาย เช่น พลมารี พลศีล วาย.ซี.เอส.จึงได้รับการฟื้นฟูขึ้น และเริ่มดำเนินงานอีกครั้งหนึ่ง แต่ละโรงเรียนมีจิตตาธิการคนใหม่เป็นที่ปรึกษาดูแลรับผิดชอบมากขึ้น บรรดาจิตตาธิการเหล่านี้มีความเข้มแข็งมุ่งมั่นในการปฏิบัติหน้าที่งานอภิบาลของตนเป็นอย่างดี ได้สละเวลาให้คำแนะนำและกำลังใจสมาชิกตลอดเวลา
เจ้าทั้งหลายจองออกไปสั่งสอนชนทุกชาติ
ให้เป็นศิษย์ของเรา
(มธ. 28. 19.)