บทความเรื่องกล้องวงจรปิด
บทความเรื่องกล้องวงจรปิด
ปัจจุบันกล้องวงจรปิดสามารถแยกเป็น 3 ประเภทดังนี้
1. กล้องวงจรปิดระบบอนาล็อก Analog camera
เป็นกล้องวงจรปิดที่ใช้สายสัญญาณชนิด Coaxial Cable โคแอคเชี่ยล หรือสาย RG มาเป็นอุปกรณ์นำสัญญาณ โดยไม่ต้องตั้งค่าใดๆของกล้องแต่ก็ต้องเลือกให้เหมาะสมกับการใช้งาน เช่น ขนาดของเลนส์ การแสดงผล สีกลางวัน กลางคืนขาวดำหรือสีทั้ง 24 ชม.
ข้อดีของกล้องวงจรปิดระบบอนาล็อก
ราคาที่ไม่แพงระบบอนาล็อกมีราคาที่ถูกกว่าระบบ IP
ยืดหยุ่นกว่า เนื่องจากว่ามีกล้องหลากหลายประเภทให้เลือกใช้ตั้งแต่ระบบเล็กไปถึงระบบใหญ่ มีอินฟราเรดติดตั้งมาพร้อมกับกล้อง ทำให้ มีตัวเลือกสำหรับการใช้งานประเภทต่างๆ ได้อย่างเหมาะสม
ในระบบอนาล็อกมีเพียงระบบ PAL และ NTSC เท่านั้น ทำให้สามารถเลือกกล้องต่างยี่ห้อมารวมในระบบเดียวกันได้
ช่างที่ทำการติดตั้งไม่ต้องมีความรู้ด้านเน็ตเวิร์ก ก็สามารถติดตั้งได้
2. กล้องวงจรปิดระบบ ไอ พี IP camera
เป็นกล้องวงจรปิดที่ต้องตั้งค่า IP Address เพื่อกำหนดระบุตัวตนในการแสดงภาพ และต้องอาศัยสาย UTP หรือสาย LAN มาเป็นตัวต่อเชื่อม หรือบางรุ่นอาจใช้เป็นแบบไร้สายได้ และต้องอาศัยความรู้ด้านเน็ตเวิร์ค ซึ่งปัจจุบัน มีทั้งระบบเดินสาย และระบบไร้สาย
ข้อดีของกล้องวงจรปิดระบบไอพี
สนับสนุนการทำงานผ่านระบบเครือข่ายไร้สายมากกว่า Analog
ระบบเครือข่ายเดิม กล้อง IP สามารถใช้ร่วมกับระบบ LAN ที่มีอยู่แล้วได้โดยไม่ต้องเดินสายใหม่
เพิ่มกล้องได้ง่าย หากต้องการเพิ่มกล้องสามารถทำได้ง่ายโดยไม่ติดข้อจำกัดของ Channel ที่จำกัดของ DVR อีกต่อไป
ประสิทธิภาพสูง เนื่องจากกล้อง IP แต่ละตัวทำงานแยกอิสระ ไม่ได้ส่งภาพไปประมวลผลที่ตัวกล้อง ทำให้ได้ภาพที่มีคุณภาพ "เต็มที่" ไม่อั้นที่ DVR อีกต่อไป
กล้องแต่ละตัวมี IP ของตัวเอง ทำให้การตั้งค่ากล้องแต่ละตัวทำได้ง่าย
ความละเอียด เนื่องจากเป็นระบบ Digital ทำให้สามารถข้ามข้อจำกัดที่ระบบอนาล็อกไม่สามารถทำได้ นั่นคือ ข้ามจาก TVL ไปเป็น Pixel ซึ่งปัจจุบันจะมีตั้งแต่ 1 Megapixel ขึ้นไป
ฟังก์ชั่น POE บางรุ่นสามารถส่งสายไฟไปพร้อมกับสาย LAN ได้ โดยไม่ต้องเดินสายไฟแยกต่างหาก
ความปลอดภัยสูงมาก เนื่องจากทำงานบนระบบ digital สามารถที่จะ backup ข้อมูลได้ตลอดเวลาบน server และ hacker ไม่สามารถ "ดัก"เอาข้อมูลระหว่างทางได้
3. กล้องวงจรปิดระบบอนาล็อก HD
เป็นระบบอนาล็อกกึ่งดิจิตอล คือ กล้องวงจรปิดรูปแบบใหม่ ที่พัฒนามาจากกล้อง Analog แบบเดิมเทคโนโลยีนี้ ถูกพัฒนาให้ภาพคมชัดขึ้น ตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งาน ให้มีประสิทธิภาพดีขึ้นในระดับ HD 720p (1280 x 720) และ HD 1080p (1920x1080) มีความสามารถ ส่งผ่านสายสัญญาณไกลถึง 500 เมตร
โดยใช้สาย Coaxial RG-6 เดิม เป็นการอัพเกรดจาก ระบบ Analog เดิม ไม่ต้องทำการติดตั้งเดินสายใหม่ จะไม่มีการบีบอัดหรือการเข้ารหัสทำให้ภาพที่ได้เป็น Real-Time ไม่มีการหน่วงของสัญญาณในการส่งสัญญาณ เมื่อเปรียบกับสัญญาณ อนาล็อก ซึ่งระบบนี้ ถูกแบ่งย่อยออกมาอีก ดังนี้คือระบบ
ระบบอนาล็อก HD SDI
ระบบอนาล็อกHD AHD
ระบบอนาล็อก HD TVI
ระบบอนาล็อกHD CVI
กล้องวงจรปิด สามารถแบ่งออกเป็นหลายรูปทรงลักษณะต่างๆ ได้ 5 แบบ ดังนี้
1. กล้องทรงโดม Dome camera
กล้องวงจรปิดแบบโดม (Dome camera) เป็นกล้องที่มีรูปทรงลักษณะที่เป็นแบบครึ่งวงกลม โดยวัสดุที่ใช้ทำ ก็มีแบบทั้งพลาสติก หรือ อลูมิเนียมผสมเหล็กหล่อขึ้นรูปกรณีที่จะเลือกใช้กล้องโดม
กล้องทรงโดมเหมาะสำหรับการติดตั้งใช้งานที่ไหน
เหมาะสำหรับติดตั้งภายใน เช่น บ้าน ออฟฟิต สำนักงาน หรือสถานที่ภายใน
เหมาะสำหรับติดตั้งบนเพดานที่เป็นฝ้า
พอติดตั้งเรียบร้อยแล้ว จะให้ความรู้สึกสวยงามกว่ากล้องทรงกระบอก
2. กล้องทรงมาตรฐานหรือกล้อง Standard Camera
กล้องวงจรปิดแบบมาตรฐาน ข้อดีของมันที่เห็นได้ชัดๆ เลยคือ
ตัวกล้องวงจรปิดจะแยกส่วนกับเลนส์ ทำให้สามารถเลือกใช้เลนส์ได้อิสระมากกว่าตามความต้องการ เช่นหากต้องการระยะใกล้หรือไกล ก็สามารถเลือกเลนส์มาใส่ได้เลย ไม่ตายตัว ขึ้นอยู่กับจุดที่จะติดตั้งและต้องการโฟกัสภาพไปที่ไหน
ลักษณะเด่นของกล้องคือ เป็นรูปทรงแบบเป็นกล้องสี่เหลี่ยม ตามการออกแบบ รูปร่างที่มีขนาดให้เลือกเยอะ(เล็ก/ใหญ่)
เหมาะสำหรับติดตั้งทั้งด้านในและด้านนอกอาคาร ซึ่งหากใช้ติดตั้งนอกอาคารนั้น จะต้องอาศัยอุปกรณ์ป้องกันน้ำฝุ่นและของเหลวด้วย นั้นคือ (Housing) ฝาครอบ
3. กล้องวงจรปิดอินฟาเรด (IR Camera ) หรือ Bullet
เป็นกล้องวงจรปิดอินฟาเรด เป็นกล้องวงจรปิดที่ใช้งานได้ทั้งกลางวันและกลางคืนใช้ สำหรับรักษาความปลอดภัยพื้นที่สูง เฝ้าระวังแจ้งเตือนที่ต้องเกิดขึ้นตลอดคืน ในเวลากลางวันตัวกล้องจะเป็นภาพสี ส่วนในเวลากลางคืนตัวกล้องวงจรปิด จะเปลี่ยนไปเป็นโหมดภาพขาว-ดำ อัตโนมัติ
ด้านหน้าตัวกล้องวงจรปิดจะมีหลอด LED อินฟราเรดที่จะส่งแสงสว่างอัตโนมัติในตอนกลางคืน ตัวกล้องรุ่งนี้เหมาะกับการใช้งานใน สถานที่ๆ ค่อนข้างมืด ถึงมืดสนิท เช่น ด้านหลังอาคารสำนักงาน ลาดจอดรถ ภายในห้องเก็บของ ห้องสต๊อกสินค้า หรือ ตามซอกกำแพง ต่างๆ เป็นต้น โดยปกติจะติดได้ทั้งภายในและภายนอก ซึ่งมีทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่และ ในงานภายนอกอาคาร ทนฝน และ ทนแดดได้ดี
4. กล้องวงจรปิดแบบสปีดโดม PTZ Camera
เป็นกล้องวงจรปิดที่สามารถซูมได้ หมุนได้หรือมีตัวย่อว่า P = PAN (หมุน ส่าย) ,T = TILT (ก้ม เงย) ,Z = ZOOM (ซูม) กล้องวงจรปิดรุ่นนี้จะ สามารถซูมได้ หมุนได้รอบทิศทาง ( ซ้าย-ขวา-ก้ม-เงย ) โดยสามารถควบคุมได้ผ่านทางคันบังคับ (Key Board joystick) และควบคุมผ่านเครื่องบันทึก หรือจะควบคุมผ่านทางไกล ผ่านทางอินเตอร์เน็ต ก็ได้
และ คุณยังสามารถตั้งกล้องให้หมุนเองได้โดยอัตโนมัติ ตามจุดต่างๆ ที่คุณกำหนดไว้ได้อีกด้วย ปัจจุบันกล้องวงจรปิดแบบนี้ จะเรียกว่ากล้อง Speed Dome เป็นกล้องอัจฉริยะรุ่นหนึ่ง ที่สามารถหมุนได้รอบตัว 360 องศา (PAN) ก้มเงยได้ 90 องศา (Tilt) และยังซูมภาพแบบออฟติกคอลซูม (Optical Zoom) ได้อีกด้วย
สามารถบังคับได้โดยใช้อุปกรณ์เสริม (Controller) จุดเด่นอีกประการหนึ่งคือสามารถล็อกเป้าหมายแล้วหมุนกล้องตามเป้าหมายนั้น โดยอัตโนมัติหรือที่เรียกกันว่า Auto Tracking นั่นเอง กล้องชนิดนี้นิยมใช้ในองค์กรใหญ่ๆ โรงงานต่างๆ สถานีรถไฟฟ้าทั่วไป ห้างขนาดใหญ่ เช่น Big-C, Lotus เป็นต้น ราคากล้องค่อนข้างสูง มีทั้งแบบใช้ภายใน และภายนอกอาคาร และมีทั้งแบบ IR และไม่มี IR
5. กล้องวงจรปิดแบบแอบซ่อน (Hidden Camera)
กล้องวงจรปิดแบบนี้ใช้สำหรับงานที่เป็นความลับและ ไม่ให้ รู้มุมกล้องว่ามีกล้องติดอยู่ กล้องซ่อนส่วนใหญ่จะมีขนาดเล็กกะทัดรัด เช่น กล้องรูเข็ม กล้องหลอดไฟ กล้องกระจก เป็นต้น
นิยมติดตั้งในสถานที่ต่างๆ ที่ต้องการความปลอดภัย หรือ ต้องการจับผิดผู้คน-พนักงาน-ลูกค้า ฯลฯ สถานที่ๆนิยมติดตั้ง กล้องวงจรปิดแบบแอบซ่อน คือ ร้านค้า มินิมาร์ท โรงงาน โรงแรม ห้างสรรพสินค้า ธนาคาร สำนักงาน ต่างๆ เป็นต้น
แบบแอบซ่อนจุดประสงค์หลัก เพื่องานที่เป็นความลับและไม่ต้องการให้รู้ว่า มีกล้องติดตั้งอยู่จุดไหนบ้าง กล้องวงจรปิดแบบแอบซ่อน ส่วนใหญ่จะมีขนาดเล็กกะทัดรัด รูปร่างแตกต่างกันออกไป เช่น กล้องรูเข็ม ที่มีขายตามท้องตลาดความละเอียดภาพไม่ค่อยสูงมาก
มารู้จักฟังก์ชั่นเทคโนโลยี HLC,BLC,WDR,DNR เหล่านี้จากกล้องวงจรปิด
BLC-Back Light Compensation
คือ การชดเชยแสงทั้งภาพ เพื่อให้วัตถุที่สนใจในภาพได้รับความสว่างจนสามารถมองเห็นรายละเอียดได้ โดยไม่สนใจวัตถุที่อยู่รอบนอก ภาษาช่างภาพคือการชดเชยแสงนั่นเองข้อเสียของการชดเชยแบบนี้คือ วัตถุมองเห็นรายละเอียด แต่จะสูญเสียรายละเอียดในส่วนที่สว่าง คือมันจะขาว จนทำให้เรามองไม่เห็นรายละเอียดมันต้องแล้วแต่สถานการณ์เพราะบางครั้ง สิ่งที่อยู่ ด้านนอกนั้น คือสิ่งที่เราต้องการ เพราะเราไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ถ้าเราติดตั้งด้วยกล้องแบบปกติธรรมดา คนที่ยืนอยู่เราก็จะมองไม่เห็น เนื่องจากว่าเป็น ภาพย้อนแสง แต่ถ้าติดตั้งกล้อง cctv BLC ก็จะสามารถเห็นรายละเอียดฉากหน้าได้แต่ก็สูญเสียรายละ เอียดฉากหลังไปบ้าง
WDR-Wide Dynamic Range
คือ การที่กล้องถ่ายภาพซ้อนกัน 2 ใบในเวลาเดียวกัน ใบหนึ่งถ่าย ภาพในสภาวะปกติ อีกใบหนึ่งถ่ายให้มีความสว่างมากกว่าปกติ แล้วนำภาพที่ได้มาซ้อนกัน ทำให้ภาพทั้งภาพ มีรายละเอียด คือส่วนที่มืดก็ดึงภาพให้สว่างขึ้น ส่วนที่สว่างเกินไปก็ดึงรายละเอียดกลับมาทำให้มองเห็น รายละเอียดภาพ ซึ่งส่วนใหญ่กล้อง WDR นี้จะใช้มากในสภาพย้อนแสง คือ แสงจากฉากหลังสว่างกว่า วัตถุที่เราสนใจซึ่งจะทำให้ภาพซึ่งมีวัตถุที่เราสนใจมืดกว่าปกติ เราจึงต้องแก้ไขด้วยการติดกล้อง WDR เพื่อให้ภาพที่ได้มีรายละเอียด สังเกตจากภาพที่มีระบบ WDR (ภาพใหญ่ทางด้านขวา) จะสามารถมองเห็น คนที่เดินอยู่ด้านนอกกระจกได้ ในทางกลับกัน หากจุดนี้ติดตั้งกล้องแบบธรรมดา ภาพที่ได้วัตถุที่สนใจหรือ คนจะมืดจนมองไม่เห็นรายละเอียด (ภาพด้านซ้ายล่าง) หรือคนที่เดินอยู่ด้านนอกกระจกสว่างจนไม่เห็น รายละเอียดดังภาพ (ซ้ายบน) ในสถานการณ์อย่างนี้จำเป็นอย่างยิ่งที่
ต้องใช้กล้อง WDR สังเกตจากภาพ ด้านล่างรูปภาพที่มีระบบ WDR (ภาพใหญ่ทางด้านขวา) จะสามารถมองเห็นคนที่เดินอยู่ด้านนอกกระจกได้ ในทางกลับกัน หากจุดนี้ติดตั้งกล้องแบบธรรมดา ภาพที่ได้ วัตถุที่สนใจหรือคนจะมืดจนมองไม่เห็นรายละ เอียดหรือคนที่เดินอยู่ด้านนอกกระจกสว่างจนไม่เห็นรายละเอียดดังภาพ ในสถานการณ์อย่างนี้จำเป็น อย่าง ยิ่งที่ต้องใช้กล้อง WDR