ม้าจกคอก เป็นการละเล่นพื้นบ้านของภาคเหนือของไทย มีลักษณะคล้ายกับการแสดงของชาวกะเหรี่ยงที่เรียกว่า "จิกริ" หรือ "ธิ หว่า" โดยมีต้นกำเนิดจากการเลียนแบบชีวิตประจำวันของชาวเหนือที่มีการเลี้ยงม้า และนำลักษณะการเต้นของม้าที่ติดคอกมาประยุกต์เป็นการละเล่น
ไม้หึ่ง หรือ อีหึ่ง เป็นการละเล่นพื้นบ้านของไทยชนิดหนึ่ง ที่ต้องใช้อุปกรณ์คือไม้ 2 ท่อน คือไม้แม่หึ่ง (ท่อนยาว) และลูกหึ่ง (ท่อนสั้น) โดยมีวิธีการเล่นคือ การงัดลูกหึ่งให้ลอยไปข้างหน้าและฝ่ายรับต้องพยายามรับลูกหึ่งให้ได้ ถ้าฝ่ายรับรับไม่ได้ ต้องวิ่งกลับมาที่หลุมพร้อมทำเสียง "หึ่ม"
การปั่นหนังว้อง คือ การปั่นยางวงที่ใช้รัดของ เป็นการเล่นของเด็กผู้หญิงและเด็กผู้ชาย เล่นโดยการจับคู่เล่นบนพื้นราบที่ไม่สกปรก เช่น พื้นเรือน หรือบนโต๊ะ อุปกรณ์ที่ใช้ คือ ยางรัดของจำนวนมากน้อย เท่าที่หาได้กติกาการเล่นมีอยู่ว่า หากผู้เล่นฝ่ายใดสามารถคลายยางรัดของออกจากกันเป็นเส้นปกติได้ ก็จะได้ยางรัดนั้นเป็นกรรมสิทธิ์
การเล่นชนกว่างเป็นการละเล่นพื้นบ้านของภาคเหนือ โดยเฉพาะในกลุ่มชาวล้านนา นิยมเล่นกันในฤดูฝนประมาณเดือนสิงหาคมถึงตุลาคม. การเล่นชนกว่างมีอุปกรณ์หลักคือ "ไม้คอน" ซึ่งเป็นท่อนไม้กลมสำหรับให้กว่างชนกัน โดยจะเจาะรูตรงกลางสำหรับใส่ตัวเมียเพื่อล่อกว่างตัวผู้ให้มาชนกัน
เตยหรือหลิ่น การละเล่นพื้นบ้านที่คุณอาจไม่รู้จักมาก่อน เตยหรือหลิ่น เป้นการละเล่นพื้นเมืองของจังหวัดตาก จะเล่นกันบริเวณลานกว้างที่โล่งแจ้ง วิธีการล่นเริ่มจากขีดเส้นเป็นตารางจำนวนเท่ากับผู้เล่น จากนั้นแบ่งผู้เล่นออกเป็น 2 ฝ่าย ฝ่ายหนึ่งยืนประจำเส้นตามขวาง อีกฝ่ายจะวิ่งผ่านแต่ละเส้นไปโดยไม่ให้เจ้าของเส้นแตะได้ เมื่อเริ่มเล่นคนที่ยืนประจำเส้นแรก พูดว่า ไหล หรือ หลิ่น ฝ่ายตรงข้ามก็เริ่มวิ่งผ่านเส้นแรกไปจนถึงเส้นสุดท้ายแล้ววิ่งกลับ ถ้าวิ่งกลับถึงเส้นแรกโดยไม่ถูกฝ่ายตรงข้ามแตะได้ก็พูดว่า เตย ก็จะเป็นฝ่ายชนะ
โพงพาง คือ ชื่อของกับดักปลาชนิดหนึ่ง ผู้ที่เล่นเป็น “ปลา” จะถูกผูกตาแล้วหมุน 3 รอบ ผู้เล่นอีกคนอื่นล้อมวงร้องว่า “โพงพางเอ๋ย สำเภาเข้าลอด ปูปลาตาบอด เข้าลอดโพงพาง” จบแล้วถามว่า “ปลาเป็นหรือปลาตาย?” ถ้าปลาตอบว่า “ปลาตาย” แปลว่าห้ามขยับ แต่ถ้าตอบว่า “ปลาเป็น” ก็ขยับได้ หากผู้เล่นเป็นปลา แตะถูกตัวคนใดคนหนึ่งแล้วทายชื่อถูก ผู้นั้นจะต้องกลายเป็นปลาแทน ถ้าไม่ถูกก็ให้ทายใหม่
การละเล่น "ยก" หรือที่เรียกอีกอย่างว่า "ม้าจกคอก" เป็นการละเล่นพื้นบ้านของภาคเหนือที่นิยมเล่นกันในกลุ่มเด็กผู้ชาย โดยมีลักษณะเป็นการละเล่นที่ต้องใช้ทักษะในการกระโดด และการทรงตัว
การละเล่นเบี้ยขี่โก่ง เป็นการละเล่นพื้นบ้านของภาคเหนือชนิดหนึ่ง ที่ผู้เล่นจะต้องใช้เบี้ย (หรือวัสดุอื่นๆ ที่มีลักษณะคล้ายกัน) วางบนสันไม้กระดานแล้วใช้มืออีกข้างหนึ่งดันให้เบี้ยวิ่งไปบนไม้กระดาน โดยมีเป้าหมายคือให้เบี้ยวิ่งไปถึงเส้นชัยที่กำหนดไว้
การเล่นตากระโดด เป็นการละเล่นพื้นบ้านของไทยที่รู้จักกันในหลายชื่อ เช่น "ตากะเติ่ง"ตาหัวโหลก", หรือ "ตั้งเต" เป็นเกมที่เด็กๆ มักเล่นกัน โดยมีลักษณะการกระโดดขาเดียวและสองขา สลับกันไปตามช่องที่ขีดไว้
การเล่นไก่ชนมะม่วงเป็นการละเล่นพื้นบ้านของไทยชนิดหนึ่ง โดยมีลักษณะคล้ายการชนไก่ของจริงแต่ใช้วัสดุที่หาได้ง่ายเช่น มะม่วงขนาดเล็กที่ไม่สามารถรับประทานได้ เชือกและเดือยเล็กๆ การละเล่นนี้มักพบในภาคเหนือของไทย และมีชื่อเรียกอื่นๆ เช่น ป๊อกบ่าม่วง หรือสับมะม่วง
การเล่นบ่าขี้เบ้าทรายเป็นการละเล่นของเด็กไทยชนิดหนึ่ง โดยใช้ทรายปนดินที่ปั้นเป็นก้อนกลมๆ มากลิ้งในร่องกลมๆ คล้ายลูกหิน แล้วนำมากลิ้งให้เคลื่อนที่ไปในร่องที่เตรียมไว้
การละเล่นแมงตับเต่าจะมีผู้เล่นจำนวน ๕ - ๑๐ คน ในอดีตผู้เล่นจะใช้ชายล้วน ปัจจุบันมีหญิงเข้ามา เป็นผู้เล่นด้วย การเล่นแมงตับเต่าจะเป็นการแสดงเพื่อความบันเทิง ผู้เล่นแต่งกายคล้ายลิเก บทร้องและบท เจรจาใช้ภาษาถิ่นกลุ่มภาษาหล่มซึ่งมีสำเนียงลาว ดังนั้นการ ละเล่นแมงตับเต่าบางครั้งจึงเรียกว่า ลิเกลาว เครื่องดนตรีใช้ประกอบการเล่น ได้แก่ ระนาด ๑ ราง กลอง ๑ ลูก แคน ๑ - ๒ เต้า ฉิ่ง ๑ คู่ พิณ ๑ ตัว ฉาบ ๑ คู่ ซอปิ๊ป ๑ คัน
วิธีเล่น เมื่อต้องการเล่นก็จะนำไม้ที่ผูกเชือกยาวประมาณสองถึงสามเมตรมาม้วนรอบลูกข่าง โดยมือข้างหนึ่งจะถือลูกข่างที่ถูกเชือกหมุนพันรอบไว้ และมืออีกข้างจะถือไม้ที่ผูกเชือกที่หมุนรอบลูกข่างไว้ แล้วเอามือทั้งสองสะบัดไปข้างหน้า พร้อมดึงไม้ที่ผูกเชือกไว้อย่างแรง แล้วลูกข่างจะตกสู่พื้นแล้วหมุน
หมากล้อกลิ้งเป็นของเล่นและเกมที่ใช้ล้อไม้และไม้ไผ่เป็นอุปกรณ์ วิธีเล่นคือ นำล้อไม้ที่ทำจากแผ่นไม้กลม มาประกอบกับไม้ไผ่ที่ผ่าปลายให้เป็นง่ามคล้ายหนังสะติ๊ก เพื่อใช้เป็นด้ามจับและแกนหมุน ผู้เล่นจะนำหมากล้อกลิ้งมาวิ่งเล่นตามพื้น โดยใช้ด้ามจับดันล้อให้กลิ้งไปข้างหน้า และอาจมีการแข่งขันว่าใครจะวิ่งได้เร็วกว่ากัน