นโยบายและวัตถุประสงค์

การเผยแพร่ผลงานวิชาการ ผ่านเว็บไซต์โรงพยาบาลอุตรดิตถ์ เป็นช่องทางหนึ่งที่เป็นสื่อกลางและเป็นเวทีเผยแพร่ผลงานวิชาการด้านการแพทย์และสาธารณสุข เพื่อเผยแพร่ให้ผู้สนใจสามารถศึกษาและนำไปต่อยอดพัฒนางานได้

ขอบเขตการรับเผยแพร่

เป็นผลงานวิชาการระดับชำนาญการพิเศษขึ้นไป กลุ่มเป้าหมาย เป็นบุคลากรภายในโรงพยาบาลอุตรดิตถ์ โดยมีขอบเขตผลงาน เป็นผลงานวิจัย  และนวัตกรรมย้อนหลังไม่เกิน 3 ปี ผ่านการพิจารณาจริยธรรมวิจัยในมนุษย์  ผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการพิจารณาผลงานวิชาการ และยังไม่ได้รับการเผยแพร่ทางวารสารวิชาการอื่นมาก่อน 

การส่งประเมินบทความ 

บทความตนฉบับ Admin จะพิจารณาเบื้องตนเนื้อหา ความถูกตอง และเอกสารอางอิงในรูปแบบทั่วไป ถาไมผานการพิจารณาจะสงใหผูนิพนธกลับไปแกไข ถาผานจะเขาสูการพิจารณาของ peer reviewer เปนผูพิจารณาบทความ ในสาขาที่เกี่ยวของ 2 ทาน ซึ่งไมมีสวนไดสวนเสียกับเจ้าของผลงานวิชาการ

การส่งผลงานเผยแพร่

ยื่นเอกสารขอรับการพิจารณาเผยแพร่ผลงาน ที่กลุ่มมงานพัฒนาทรัพยากรบุคคล โดยสามารถ Download แบบฟอร์มได้ที่ https://www.research-utth.online/Home

การเตรียมต้นฉบับ (เช่นเดียวกันกับการยื่นวารสาร)

ชื่อเรื่อง (ภาษาไทยและภาษาอังกฤษ) ต้องมีความยาวไมเกิน 100 ตัวอักษร ใช้ภาษาที่เป็นทางการ ทั้งภาษาไทย และภาษาอังกฤษควรตั้งใหครอบคลุมกระชับ สอดคล้องกับเนื้อหาชัดเจน ตรงไปตรงมา และครอบคลุมถึงประเด็นของเรื่องที่เขียน ไมกว้างเกินไป มีความใหม่ น่าสนใจกับเวลาและสถานการณ์

ชื่อผู้นิพนธ์ (หลักและรวม) ใช้ชื่อจริง พร้อมทั้งระบุ สังกัด/หน่วยงาน เบอร์โทรศัพท์ และ อีเมล์ ของผู้นิพนธ์ทุกคน (หากผู้นิพนธ์มากกว่า 6 คน ให้ใส่ชื่อผู้นิพนธ์คนแรกและคณะ) ภาษาไทยและภาษาอังกฤษ *ต้นฉบับ จัดพิมพ์ด้วย Microsoft word TH SarabunPSK ขนาดอักษร 14 ทั้งบทความ

ประเภทผลงานที่รับลงเผยแพร่ในเว็บไซต์

บทคัดย่อ (abstract) คือ การย่อเนื้อหาสําคัญเฉพาะที่จําเป็นเท่านั้น ระบุตัวเลขทางสถิติที่สําคัญใช้ภาษารัดกุมเป็นประโยชน์สมบูรณ์ ความยาวไม่ควรเกิน 350 คํา ไม่ต้องมีเชิงอรรคอ้างอิง บทคัดย่อต้องเขียนทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษที่ถูกตองตรงกัน และมีส่วนประกอบ ได้แก่ วัตถุประสงค์, วิธีการศึกษา, ผลการศึกษา (อย่างย่อ), สรุปคําสําคัญ (ต้องมีคําสําคัญ 3-5 คํา ให้ใส่ จุลภาค (,) ในการเว้นวรรคแต่ละคํา)

บทความวิจัย เป็นงานวิจัยที่เป็นการประเมินองค์ความรู้ในสาขาที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย บทคัดย่อ ภาษาไทยและภาษาอังกฤษ พร้อมทั้งคําสําคัญ และเนื้อหาบทความ ได้แก่ วัตถุประสงค์ วิธีการศึกษา ผลการศึกษา สรุป และคําสําคัญ ความยาวไม่เกิน 12 หน้า 

    บทนํา เป็นส่วนหนึ่งของบทความที่อธิบายเหตุผล มีข้อมูลทุติยภูมิที่ชี้ให้เห็นปัญหาและเน้นเหตุผลที่ศึกษาเพื่อนําไปสู่การศึกษาให้ได้ผลเพื่อแก้ปัญหา หรือตอบคําถามที่ตั้งไว พร้อมทั้งระบุวัตถุประสงค์ของการศึกษาในส่วนท้ายของบทนํา (ความยาวประมาณ 1 หน้าครึ่ง)

       วิธีการศึกษา อธิบายข้อมูลและระเบียบวิธีวิจัยที่กล่าวถึงระยะเวลาการศึกษา พื้นที่ แหล่งที่มาของข้อมูลกลุ่ม ตัวอย่างและวิธีการรวบรวมข้อมูล วิธีการเลือกตัวอยางเครื่องมือในการวิจัย ตลอดจนการวิเคราะห์ข้อมูลหรือใชหลักสถิติมาประยุกต์ (ความยาวประมาณ 1 หน้าครึ่ง)

      ผลการศึกษา อธิบายสิ่งที่ได้จากการวิจัยโดยเสนอหลักฐาน และข้อมูลอย่างเป็นระเบียบ ไม่ซับซ้อนไม่มีตัวเลขมากหากมีตัวเลขและตัวแปรมากควรใช้ตารางหรือแผนภูมิ โดยไม่ต้องอธิบายตัวเลขในตารางซ้ำอีกในเนื้อเรื่อง ยกเว้นข้อมูลสําคัญๆ พร้อมทั้งแปลความหมายของผลที่ค้นพบ หรือวิเคราะห์ (ความยาวประมาณ 5 หน้าครึ่ง ทั้งนี้ควรมีตารางและแผนภูมิรวมกันไม่เกิน 6 ภาพ)

      สรุป เขียนสรุปเนื้อหาในงานวิจัยทั้งหมดที่กล่าวมาไม่ควรซ้ำซ่อนกับผลการวิจัย แต่เป็นการสรุปประเด็นและสาระสําคัญให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ ขยายความผลการวิจัยที่ได้ว่าสอดคล้อง หรือไม่สอดคล้องกับกรอบแนวคิด และสมมุติฐานการวิจัยหรือไม่อยางไร ขอคนพบสนับสนุนหรือขัดแยงกับแนวคิด ทฤษฎีรวมทั้งผลการวิจัยที่ผ่านมาของใครบาง และทําไมจึงเปนเชนนั้น (ความยาวประมาณ 1 หน้าครึ่ง)

      ข้อเสนอแนะ เป็นการเขียนจากผลการวิจัย ประกอบด้วยข้อเสนอแนะในการนําผลวิจัยไปใช้ในทางปฎิบัติ หรือข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย และข้อเสนอแนะในการวิจัยต่อไป ซึ่งการเขียนข้อเสนอแนะดังกล่าวต้องเขียน ภายใต้ข้อคนพบจากการวิจัย

       เอกสารอ้างอิง การเรียงรายการอ้างอิงท้ายบทความนํารายการอ้างอิงมารวบรวมเขียนไว้ที่ท้ายบทความ ภายใต้หัวข้อรายการอ้างอิง หรือ บรรณานุกรม โดยเรียงลําดับหมายเลข 1, 2, 3, ...ตามที่ปรากฎในเนื้อเรื่อง

*ข้อควรระวัง คือ ตัวเลขที่กํากับในเนื้อเรื่องจะตองสอดคล้องกับลําดับที่ในรายการอางอิงท้ายบทความ

1. แบบฟอร์มยื่นพิจารณาเผยแพร่ผลงานวิชาการบนเว็บไซต์ (เอกสาร นว.1)

2. บทคัดย่อ

3. บทความวิจัย (Manuscript)

4. เอกสารรับรองการพิจารณาจริยธรรม

1. บันทึกข้อความรับรองความเห็นผลการพิจารณา /หนังสือขอรับรองการเผยแพร่รายงานวิจัยฉบับสมบูรณ์ (เอกสารหมายเลข 2)

2. หนังสือรับรองผลงานวิชาการเผยแพร่ผ่านเว็บไซต์ (เอกสารหมายเลข 1)