เว็บไซต์ความรู้ชุมชน
กศน.ตำบลในเมือง
แคคตัสเจ้าหนามมหาเสน่ห์
ต้นไม้เป็นสิ่งมีชีวิตที่ทำให้บ้านมีความเป็นธรรมชาติมากขึ้น และกำลังเป็นที่นิยมและชื่นชอบสำหรับคนที่พื้นที่สีเขียว ซึ่งหลายคนเลือก “แคคตัส” หรือ กระบองเพชร มาปลูกเพราะคิดว่าดูแลง่าย แต่จริงๆแล้วการปลูกแคคตัสนั้นมีข้อควรทราบและข้อควรระวังเช่นกัน
แคคตัสเป็นพืชอวบน้ำ (succutent) พบมากบริเวณพื้นที่แห้งแล้ง หรือเขตทะเลทราย ลักษณะทั่วไปของแคคตัสนั้นมีทั้งพันธุ์แบบหนามและไม่มีหนาม จัดอยู่ในวงค์ Cactaceae เป็นไม้ยืนต้นที่มีตุ่มหนาม ความแข็งและแนวซี่ของความสูงนั้นขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ มีส่วนที่เป็นตาดอกและแตกกิ่งใหม่ได้เหมือนพืชทั่วไป
ประโยชน์ของแคคตัส นอกจากความสวยงามแล้ว แคคตัสยังมีประโยชน์มากกว่าที่คิด มีงานวิจัยจากบางประเทศบงชี่ว่า เมื่อนำแคคตัสมาวางไว้หน้าคอมพิวเตอร์ จะช่วยลดรังสีที่แผ่ออกมาจากคอมพิวเตอร์ได้ คนจึงนิยมนำแคคตัสกระถางเล็กๆมาวางไว้หน้าโต๊ะคอมพิวเตอร์หรือโต๊ะทำงาน แคคตัสยังช่วยฟอกอากาศภายในห้องทำงาน อีกทั้งยังนำไปทำสารสกัดเพื่อลดอาการเมาค้างและลดน้ำหนักได้ด้วย บางสายพันธุ์สามารถนำผลมาทำเป็นแยมเพื่อทานได้ด้วย ถ้าจะกล่าวถึงประโยชน์ที่ได้รับโดยตรงจากต้นแคคตัส แบบไม่ผ่านการแปรรูป คงจะเป็นเรื่องความสวย มีสีสันสวยงาม รูปร่างที่แปลกตา ของแต่ละสายพันธุ์ ยังทำให้ผู้ที่ปลูกแคคตัสนำมาประดับตกแต่งที่อยู่อาศัย ร้านค้า โต๊ะทำงาน เพื่อให้รู้สึกว่าได้สัมผัสหรืออยู่ใกล้กับธรรมชาติมากยิ่งขึ้น
การเลือกพื้นที่ปลูกถือเป็นเรื่องที่ต้องใส่ใจ เพราะว่าแคคตัสก็ต้องการการดูแลไม่ต่างจากพันธุ์ไม้ชนิดอื่น สำหรับพื้นที่น้อยอย่างหรืออพาร์ตเมนต์ หากอยากเลี้ยงแคคตัสควรนำไปตั้งไว้ตรงระเบียง หรือบริเวณที่มีแสงแดดส่องถึงตลอดทั้งวันแต่หากเป็นพื้นที่ขนาดใหญ่หรือมีบริเวณหน้าบ้าน สนามหญ้าก็ควรนำแคคตัสไปวางบริเวณนั้นแต่ควรทำหลังคาใสเพื่อบังฝนด้วย แต่หากไม่สะดวกก็สามารถวางไว้เฉย ๆ ได้ แต่ต้องเตรียมยากันเชื้อราเอาไว้ใช้ในช่วงฤดูฝน เพราะแคคตัสจะมีความชื้นสูงหากไม่ใส่ยากันเชื้อราอาจจะทำให้เน่าตายได้
ต้นแคคตัสนั้นมีหลากหลายสายพันธุ์มาก สามารถแตกแขนงออกได้หลายวงศ์ แต่ครั้งนี้จะมาแนะนำ 5 สายพันธุ์
ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในไทย
พันธุ์แอสโตรไฟตัม (Astrophytum)
เป็นพันธุ์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดเลยก็ว่าได้ เพราะว่าเป็นพันธุ์ที่เลี้ยงง่ายและออกดอกได้ไวสุด เหมาะสำ หรับมือใหม่หัดปลูกมากทีเดียว เมื่อครบอายุ 1 ปีก็จะออกดอกโดยจะมีมากสุดในช่วงฤดูร้อน
พันธุ์อิชินอปซิส (Echinopsis)
ลักษณะของสายพันธุ์นี้จะอยู่แบบเป็นกอ ส่วนดอกมีสีขาวและแปลกกว่าทุกพันธุ์ เพราะว่าดอกจะบานสวยตอนช่วงเที่ยงคืนจนถึงแปดโมงเช้าเท่านั้น เป็นแคคตัสประเภทหนาม
พันธุ์ช้าง (Coryphantha)
ลักษณะพิเศษของสายพันธุ์นี้คือเป็นไม้เพาะเมล็ดที่แตกออกเป็นมอนส์ มีหัวเดี่ยว ๆ ค่อนข้างโตหน่อย ออกดอกเป็นสีชมพูสวย ส่วนของดอกจะใหญ่กว่าพันธุ์อื่น ดอกมักจะผลิบานในช่วงฤดูฝน
พันธุ์ดิสโก้ (Discocatus)
ลักษณะพิเศษอยู่ที่ดอกมีกลิ่นหอม จะบานช่วงกลางคืนจนถึงเช้าตรู่ เป็นพันธุ์ที่มีหนามค่อนข้างฟูและเยอะกว่าพันธุ์อื่น แต่ไม่คมมากเท่าไหร่นัก
พันธุ์ยิมโนหัวสี (Gymnocalycium)
ลักษณะพิเศษคือสีสันที่สวยงามของดอก ยิมโนหัวสีไม่ต้องการน้ำเยอะหรือน้ำน้อยเกินไป ต้องการการดูแลเป็นพิเศษและมีระยะเวลาทิ้งช่วงนานมากกว่าจะออกดอก
วิธีปลูกแคคตัส
สำหรับมือใหม่หัดปลูกแคคตัส ลองมาเรียนรู้การปลูกอย่างถูกวิธี เพื่อหลีกเลี่ยงการเน่าตาย โดยมีวิธีดังนี้
1. เริ่มจากใส่วัตถุดิบเพื่อรองกระถาง อาจจะเป็นกรวดหรือหินแล้วแต่สะดวก ใส่ไปประมาณ1/3 ของกระถางเพื่อให้น้ำไหลผ่านได้
2. เทดินลงไปให้ลึกพอดีกับต้นและราก
3. วางแคคตัสลงไปโดยจัดให้อยู่ตรงกลางกระถาง เมื่อพอดีแล้วให้ตักดินใส่ให้รอบต้น โดยดินจะต้องต่ำกว่ากระถาง 1 เซนติเมตร
4. ให้ใส่ปุ๋ยแบบละลายช้าในปริมาณน้อย แต่หากไม่ได้เตรียมปุ๋ยมาก็ไม่ต้องใส่ เพราะในดินนั้นมีแร่ธาตุอาหารที่จำเป็นกับ แคคตัสอยู่แล้ว
5. ปิดหน้าดินด้วยหินหรือกรวดแล้วแต่สะดวก ไม่ต้องโรยหนามากเพราะเดี๋ยวน้ำจะไหลผ่านไม่สะดวก จากนั้นนำแคคตัสที่ปลูกเรียบร้อยแล้วไปวางไว้ในที่ที่แสงแดดเข้าถึงได้ตลอดทั้งวัน
การให้น้ำและใส่ปุ๋ย
โดยทั่วไปแล้วแคคตัสไม่ต้องการน้ำมากจนเกินไป ควรรดน้ำอาทิตย์ละ 2 ครั้งกำลังดี วิธีรด ควรใช้ฝักบัวรดให้ทั่วถึงไปจนน้ำผ่านก้นกระถาง หรือหากว่าไม่มีฝักบัว ให้นำกระถางไปแช่ในกะละมังที่รองน้ำไว้แล้ว เพื่อให้น้ำไหลย้อนขึ้นจากก้นกระถางไปยังหน้าดิน ในส่วนของการให้ปุ๋ยนั้น ให้อาทิตย์ละครั้งก็เพียงพอแล้ว ในการใส่แต่ละครั้งไม่ควรใส่เยอะเกินไป เพราะอาจทำให้แคคตัสตายได้ ควรใส่น้อย ๆ แต่เน้นให้ถูกแสงแดดและหมั่นดูเชื้อราก็เพียงพอ