"ศูนย์ศิลปวัฒนธรรมรัตนโมลีศรีโคตรบูร"
"ศูนย์ศิลปวัฒนธรรมรัตนโมลีศรีโคตรบูร"
วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร เป็นวัดเก่าแก่โบราณ มีอายุเท่า ๆ กับองค์พระธาตุพนม โดยตำนานพระธาตุพนมบอกไว้ว่าองค์พระธาตุพนมสร้างครั้งแรกในราว พ.ศ. 8 ในสมัยอาณาจักรศรีโคตบูรกำลังเจริญรุ่งเรืองอยู่ โดยท้าวพญาทั้ง 5 เมือง และพระอรหันต์ 500 องค์ อันมีพระมหากัสสปะเถระเป็นประมุข
ลักษณะการก่อสร้างในสมัยแรกนั้น ใช้ดินดิบก่อขึ้นเป็นรูปเตาสี่เหลี่ยม แล้วเผาให้สุกทีหลัง กว้างด้านละสองวาของพระมหากัสสปะ สูงสองวา ข้างในเป็นโพรง มีประตูเปิดทั้งสี่ด้าน เมื่อสร้างเสร็จแล้วก็ได้อัญเชิญพระอุรังคธาตุของพระพุทธเจ้าที่พระมหากัสสปะเถระนำมาจากประเทศอินเดีย ประดิษฐานไว้ข้างใน เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2518 องค์พระธาตุพนมได้หักล้มลงไปทางทิศตะวันออกทั้งองค์ ทับวัตถุก่อสร้าง ๆ ซึ่งอยู่ในบริเวณนั้น เช่น หอพระทางทิศเหนือและทิศใต้ ศาลาการเปรียญและพระวิหารหอพระแก้วเสียหายหมด ทั้งนี้สืบเนื่องมาจากฐานหรือพระธาตุชั้นที่ 1 ซึ่งสร้างในสมัยแรกนั้นเก่าแก่มาก และไม่สามารถทานน้ำหนักส่วนบนได้ จึงเกิดพังทลายลงมาดังกล่าว กรมศิลปากรจึงได้เข้ามาบูรณะจนแล้วเสร็จเมื่อปี 2522 ศูนย์ศิลปวัฒนธรรมรัตนโมลีศรีโคตรบูร ก่อตั้งขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์ในงานฉลองอายุครบ 80 ปี พระธรรมราชานุวัตร (แก้ว อุทุมมาลา) ท่านเจ้าอาวาสในเวลานั้น เปิดอย่างเป็นทางการในวันที่ 26 - 27 ธันวาคม 2530 อาคารจัดแสดงเดิมเป็นกุฏิเจ้าอาวาส และกุฏิพักรับรองแล้วนำมาดัดแปลงเป็นอาคารศูนย์ฯ ทั้ง 2 ชั้น ในการดำเนินงานดังกล่าวใช้เงินเป็นจำนวน 1,738,816 บาท การดัดแปลงดังกล่าวเป็นการรวมกุฏิทั้ง 2 หลังเข้าด้วยกัน มีความกว้างทั้งหมด 12 เมตรและยาว 10 เมตร ภายในจัดแสดงพระพุทธรูปหินและทองเหลือง เครื่องสักการะ เครื่องอุปโภคของสงฆ์ เครื่องประดับ และฉัตรพระธาตุพนมองค์เดิม ซึ่งขุดพบที่กำแพงพระธาตุที่พระวิหารหอแก้ว นอกจากนี้ ยังมีภาพเขียนที่ฝาผนังโดยรอบ เนื้อหาในภาพอิงคำสอนทางศาสนา (กรรม ความดี ความชั่ว ฯลฯ) และยังมีตู้หนังสือพระธรรม ศิลาจารึกพระยาพิชิตราชธานีศรีโคตบูร ผู้มาบูรณะพระธาตุพนม พ.ศ. 2157
การใช้พื้นที่ในศูนย์ฯ มีรูปแบบที่หลากหลาย เพราะมิใช่เพียงการจัดแสดงวัตถุโบราณ หากแต่ว่ายังคงใช้งานเป็นเรือนรับรองสาธุชนที่มาประกอบกิจกรรมที่วัดพระธาตุพนม ดังเช่นในระหว่างการสำรวจ ศิษยานุศิษย์ที่มาร่วมงานศพของเจ้าอาวาสที่เพิ่งมรณภาพไปใช้พื้นที่ภายในศูนย์ฯ เป็นเช่นเรือนรับรอง ในจุดตรงนี้ หากใช้เกณฑ์เรื่องการรักษาความปลอดภัยของวัตถุในพิพิธภัณฑ์แล้ว คงเป็นเรื่องที่วัดจะต้องพิจารณา อย่างไรก็ตาม หากมองความสัมพันธ์ระหว่างผู้เข้ามาใช้พื้นที่กับวัด ความศรัทธาหรือการใช้พื้นที่ที่เป็นของศาสนิกชน ดูเป็นเครื่องรับรองในพฤติกรรมของผู้ใช้ดังกล่าวว่าจะไม่เกิดเหตุของการลักขโมยของในวัดก็อาจเป็นได้ ที่มา : http://wat.thatpanom.com: สืบค้นเมื่อ 9 กรกฎาคม 2565