Embedded Files
บ่อน้ำนางสิบสอง ตั้งอยู่ติดกับวัดหินดาษ หมู่ที่ 14 บ้านหินดาษ ตำบลดงน้อย อำเภอราชสาส์น จังหหวัดฉะเชิงเทรา เป็นโบราณสถานที่ยังไม่ได้ขึ้นทะเบียน อยู่ห่างจากพื้นที่เขตวัดหินดาษไม่ไกลเท่าใดนักมีบ่อศิลาแลงสี่เหลี่ยมบ่อหนึ่ง ชาวบ้านได้ช่วยกันก่อขอบซีเมนต์ขึ้นมาสูงซักเมตรหนึ่ง น้ำในบ่อใสสะอาดใช้ดื่มได้ทั้งหมู่บ้าน ถ้าขาดแคลนน้ำ ในน้าแล้ง ลักษณะเหมือนบ่อศิลาแลงแถวกำแพงเพชร ถัดบ่อน้ำไปไม่กี่เมตร มีบ่อศิลาแลงลึกลงไปในดินมีน้ำเอ่อเกือบเต็มปากบ่อไม่เชิงเป็นสี่เหลี่ยม กว้างประมาณ 1 ตารางเมตร ภายในบ่อเป็นเวิ้งกว้างและลึกจริงๆนั้นแค่ไหนไม่ทราบเท่าที่เห็นก็ประมาณศอกเศษ เขาว่าน้ำในบ่อตักเท่าไหร่ก็ไม่รู้จักหมดอีกเหมือนกันเรียกว่า “บ่อนางสิบสอง หรือ ถ้ำนางสิบสอง” ที่นางยักษ์สันทมารเอานางสิบสองมาขังไว้
บ่อน้ำนางสิบสอง ตั้งอยู่ติดกับวัดหินดาษ หมู่ที่ 14 บ้านหินดาษ ตำบลดงน้อย อำเภอราชสาส์น จังหหวัดฉะเชิงเทรา เป็นโบราณสถานที่ยังไม่ได้ขึ้นทะเบียน อยู่ห่างจากพื้นที่เขตวัดหินดาษไม่ไกลเท่าใดนักมีบ่อศิลาแลงสี่เหลี่ยมบ่อหนึ่ง ชาวบ้านได้ช่วยกันก่อขอบซีเมนต์ขึ้นมาสูงซักเมตรหนึ่ง น้ำในบ่อใสสะอาดใช้ดื่มได้ทั้งหมู่บ้าน ถ้าขาดแคลนน้ำ ในน้าแล้ง ลักษณะเหมือนบ่อศิลาแลงแถวกำแพงเพชร ถัดบ่อน้ำไปไม่กี่เมตร มีบ่อศิลาแลงลึกลงไปในดินมีน้ำเอ่อเกือบเต็มปากบ่อไม่เชิงเป็นสี่เหลี่ยม กว้างประมาณ 1 ตารางเมตร ภายในบ่อเป็นเวิ้งกว้างและลึกจริงๆนั้นแค่ไหนไม่ทราบเท่าที่เห็นก็ประมาณศอกเศษ เขาว่าน้ำในบ่อตักเท่าไหร่ก็ไม่รู้จักหมดอีกเหมือนกันเรียกว่า “บ่อนางสิบสอง หรือ ถ้ำนางสิบสอง” ที่นางยักษ์สันทมารเอานางสิบสองมาขังไว้
ชาวดงน้อยเล่าว่า เมื่อก่อนบ่อนี้กว้างกว่าที่เราเห็น และคนโบราณเคยเล่าว่านานมาแล้ว สามารถเดินจากโพรงนี้ไปทะลุที่ลานชนไก่ได้ ครั้งหนึ่งวัวตัวหนึ่งเดินทะเร่อทะร่าจากไหนไม่ทราบตกลงไปในบ่อนี้ตาย ชาวบ้านเลยช่วยกันหาต้นโพธิ์มาปลูกปิดรูไว้ต่อมาต้นโพธิ์นั้นก็มาโค่นล้มไปเสียอีกเลยเหลือแต่โพรงศิลาแลงซึ่งเป็นถ้ำนางสิบสองมาจนถึงบัดนี้
ชาวดงน้อยเล่าว่า เมื่อก่อนบ่อนี้กว้างกว่าที่เราเห็น และคนโบราณเคยเล่าว่านานมาแล้ว สามารถเดินจากโพรงนี้ไปทะลุที่ลานชนไก่ได้ ครั้งหนึ่งวัวตัวหนึ่งเดินทะเร่อทะร่าจากไหนไม่ทราบตกลงไปในบ่อนี้ตาย ชาวบ้านเลยช่วยกันหาต้นโพธิ์มาปลูกปิดรูไว้ต่อมาต้นโพธิ์นั้นก็มาโค่นล้มไปเสียอีกเลยเหลือแต่โพรงศิลาแลงซึ่งเป็นถ้ำนางสิบสองมาจนถึงบัดนี้
รอบๆ ถ้ำนางสิบสองมีดาลศิลาแลงคลุมเป็นบริเวณกว้าง บางตอนเป็นขอบคันสูงขึ้นมาเหมือนกำแพงเตี้ยๆ ถัดจากบ่อนางสิบสองไปมีสระน้ำโบราณอยู่สระหนึ่ง เป็นศิลาแลงสี่เหลี่ยมกว้างยาวประมาณ 20 เมตร ขอบสระบากเป็นรูปบันไดทางลงทุกด้าน และมีเรื่องเล่าอีกว่า เมื่อประมาณ 30 กว่าปีมานี้ มีพวกขุดทรัพย์ตามลายแทงเอาสายสิญจน์มาวงรอบสระเพื่อขุดทรัพย์ พองัดหินสี่เหลี่ยมกว้างยาวสัก 2 ฟุต ก็ได้ยินเสียงสนั่นครั้นครืนทั่วทั้งหมู่บ้านและวัดซึ่งอยู่ใกล้ พอสิ้นเสียง พวกที่ขุดทรัพย์ก็มองเห็นทองเต็มลำเรือเหลืองอร่าม พอเอื้อมมือจะคว้าทอง เรือก็เลื่อนจมหายไปต่อหน้าต่อตาได้แต่ดีบุกไป 18 กระบุง แล้วก็รีบไปตั้งแต่คืนนั้น รุ่งเช้าชาวบ้านที่ได้ยินเสียงก็ออกมาที่สระทั้งหมู่บ้าน พระเณรออกมากันเต็มเห็นแต่จีวรเหลืองไปหมด แต่แล้วไม่พบอะไร เลยนอกจากสระเปล่าๆและหินก้อนนั้น ตากังที่สูงอายุแล้วจึงยกหินนั้นไปที่บ้านทำเป็นที่ล้างเท้าชาวบ้านที่อยู่ใกล้ๆเล่าว่า เสียงสะเทือนเลื่อนลั่นแทบจะทำให้บ้านช่องถล่มทลายลงมาสระนี้มีน้ำใสตลอดปีไม่รู้จักแห้งเหือด มัคคุเทศก์จังหวัดเล่าว่า น้ำในสระนี้เคยตักไปใช้ในพระราชพิธีบรมราชาภิเษกพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวราชกาลปัจจุบัน
ตำแหน่งที่ตั้ง : หมู่บ้านหินดาษ หมู่ที่ 14 ตำบลดงน้อย อำเภอราชสาส์น จังหวัดฉะเชิงเทรา
ข้อมูลเนื้อหา เรื่องราว เขียนโดย นายกานต์ แก้วคูณ
ภาพถ่าย/ภาพประกอบโดย นายกานต์ แก้วคูณ
ข้อมูล TKP อ้างอิง https://bit.ly/3cVFD65
Page updated
Google Sites
Report abuse