โครงงานเครื่องพ่นควันไล่ยุงและแมลง

วัสดุ-อุปกรณ์ที่ใช้ในการประดิษฐ์

ขั้นตอนการประดิษฐ์

ข้อควรระวัง

1. การใช้งานครั้งถัดไป หากติดไฟแล้วหรือเมื่อกดปุ่มปล่อยน้ำมัน อาจมีน้ำมันพุ่งออกมาจากปลายท่อนั้นเป็นเรื่องปกติ สักพักจะเริ่มมีควันออกมา จากนั้นก็สามารถใช้งานได้ปกติ

2. ควรหลีกเลี่ยนละเว้นทำการฉีดพ่น ในคอกสัตว์ที่ตั้งท้องและสัตว์หลังคลอด เพื่อความปลอดภัยกับสัตว์เลี้ยง

3. ควันจากน้ำมันดีเซลและยาจะตกค้างและติดอยู่กับเสื้อผ้า สิ่งของเครื่องใช้ในสถานที่ฉีด อาจทำให้ระคายเคืองผิวหนัง กลิ่นเหม็น สูดดมเข้าไปปริมาณมาก อาจเกิดการสะสมในร่างกาย

4. การทำการฉีดพ่นในโรงเรียน ไม่ควรมีบุคคลใดอยู่ในสถานที่นั้นเลย โดยเฉพาะเด็ก ควรหลีกเลี่ยงให้ไกลจากจุดพ่นยา

5. สำหรับเจ้าหน้าที่ที่ฉีดพ่นควรมีอุปกรณ์ป้องกันควันพิษอย่างมิดชิด เพราะท่านต้องใกล้ชิดและสัมผัสกับสารเคมีมากที่สุด

หลักการทำงาน วิธีใช้และทดสอบประสิทธิภาพการใช้งานสิ่งประดิษฐ์

1. ติดเตาถ่านระดับปานกลาง เพื่อติดไฟให้สังเกตดูว่าไฟอยู่ในระดับที่เหมาะสม ไฟต้องไม่แรงและเบาจนเกินไป

2. เมื่อปรับไฟได้ที่แล้วให้รอให้ท่อขดสแตนเลสมีความร้อนได้ที่ ประมาณ 5-8 วินาที จากนั้นก็สามารถใช้งานได้โดยการกดปุ่มปล่อยน้ำยา วิธีและเทคนิคการกดปุ่มปล่อยน้ำยาคือ ควรกดแล้วปล่อยทำแบบนี้ซ้ำๆ

3. เมื่อกดปุ่มปล่อยน้ำยาแล้วจะเกิดควัน และสามารถเริ่มใช้งานได้เลย

ข้อแนะนำ

1. ไม่ควรมีวัสดุอื่นมากันทางเข้า-ออกของอากาศเพราะจะทำให้ประสิทธิภาพของเครื่องพ่นควันต่ำลง

2. ควรใช้น้ำมันดีเซลหรือน้ำมันโซล่าเท่านั้น

3. ปั้มลมเข้าถังโดยการดึงที่ปั้มขึ้นลง ปั้มให้พอรู้สึกตึงๆมือแค่พอควร ห้ามปั้มลมจนแน่นหรือตึงเกินไป

4. หลังจากใช้งานเรียบร้อยแล้วควรนำไปวางในสถานที่ที่มีอากาศถ่ายเทได้ดีเพื่อให้ท่อสแตนเลสระบายความร้อนได้อย่างรวดเร็ว

5. ควรทำความสะอาดขวดน้ำพ่นยาทุกครั้งหลังการใช้งานทุกครั้งเพื่อรักษาประสิทธิภาพของเครื่องพ่นควันไล่ยุงและแมลงได้ดียิ่งขึ้น

ขนาด/น้ำหนักสิ่งประดิษฐ์

1. ขนาดของสิ่งประดิษฐ์ (อาจขึ้นอยู่กับขวดหรือกระบอกพลาสติกที่หามาได้)

ขนาดของสิ่งประดิษฐ์ เส้นผ่าศูนย์กลาง 12 เซนติเมตร ความยาว 30 เซนติเมตร

2. น้ำหนักสิ่งประดิษฐ์ (อาจขึ้นอยู่กับขวดหรือกระบอกพลาสติกที่หามาได้)

สิ่งประดิษฐ์เครื่องพ่นควันไล่ยุงและแมลง น้ำหนัก 1.5 กิโลกรัม

ประโยชน์ของสิ่งประดิษฐ์ เครื่องพ่นควันไล่ยุงและแมลง

1. เป็นการนำวัสดุเหลือใช้มาใช้ให้เกิดประโยชน์ เป็นการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าและยังเป็นการลดค่าใช้จ่ายในครัวเรือนได้อีกด้วย

2. เป็นการนำเทคโนโลยีมาบูรณาการร่วมกับสิ่งแวดล้อมได้อย่างคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด

3. สามารถตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานและสามารถนำมาใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน

4. เป็นการใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ เสริมสร้างทักษะและประสบการณ์ในกระบวนการทำงาน

5. เสริมสร้างความคิดริเริ่มสร้างสรรค์และฝึกการแก้ปัญหาในการทำงาน

6. เกิดความภูมิใจในตนเองและชิ้นงาน