Title
คุณลักษณะของผู้บริหารตามเกณฑ์มาตรฐานการประกันคุณภาพการศึกษาของผู้บริหารโรงเรียนมัธยมศึกษา สังกัดกรมสามัญศึกษา จังหวัดกาญจนบุรี
Title Alternative
TRAITS OF SECONDARY SCHOOL ADMINISTRATORS UNDER THE JURISDICTION OF THE DEPARTMENT OF GENERAL EDUCATION IN KANCHANABURI PROVINCE ACCORDING TO EDUCATIONAL QUALITY ASSURANCE STANDARD
Creator
Name: พงศ์เพ็ญ ศรีทอง
Organization : โรงเรียนกาญจนานุเคราะห์ จ.กาญจนบุรี
Subject
ThaSH: ก
Classification :.DDC: 370.2
Description
Abstract: การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ ศึกษาคุณลักษณะของผู้บริหารตามเกณฑ์มาตรฐานการประกันคุณภาพการศึกษาโรงเรียนมัธยมศึกษา สังกัดกรมสามัญศึกษา จังหวัดกาญจนบุรี เปรียบเทียบคุณลักษณะของผู้บริหารตามเกณฑ์มาตรฐานการประกันคุณภาพการศึกษาโรงเรียนมัธยมศึกษาที่มีขนาดต่างกัน และนำเสนอคุณลักษณะของผู้บริหารที่เอื้อต่อการประกันคุณภาพการศึกษา กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยคือ ผู้บริหาร หัวหน้างานประกันคุณภาพการศึกษา หัวหน้าหมวดวิชาสามัญ และครูผู้สอน รวมทั้งสิ้น 289 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยเป็นแบบสอบถามแบบมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ เกี่ยวกับคุณลักษณะของผู้บริหารตามเกณฑ์มาตรฐานการประกันคุณภาพการศึกษา ได้แก่มาตรฐานที่ 19 ผู้บริหารมีคุณธรรม จริยธรรม เป็นแบบอย่างที่ดี และมาตรฐานที่ 20 ผู้บริหารมีภาวะผู้นำ และมีความสามารถในการบริหารจัดการ จำนวน 50 ข้อ ค่าความเชื่อมั่น (Reliability) ของแบบสอบถามทั้งฉบับรวมเท่ากับ 0.9706 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลได้แก่ค่าความถี่ (frequencies) ค่าร้อยละ (percentage) ค่าเฉลี่ย (Mean) ค่าความเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation) และวิเคราะห์ความแปรปรวนโดยใช้ F- Test และทดสอบความแตกต่างเป็นรายคู่โดยวิธีการของ เชฟเฟ่ (Scheffe’s test) ผลการวิจัยสรุปได้ดังนี้ 1. ระดับคุณลักษณะของผู้บริหารตามเกณฑ์มาตรฐานการประกันคุณภาพการศึกษา ของผู้บริหารโรงเรียนมัธยมศึกษา สังกัดกรมสามัญศึกษา จังหวัดกาญจนบุรี อยู่ในระดับมาก ทั้งในภาพรวม เป็นรายมาตรฐาน รายตัวบ่งชี้ และจำแนกตามขนาดของโรงเรียน 2. ระดับคุณลักษณะของผู้บริหารตามเกณฑ์มาตรฐานการประกันคุณภาพการศึกษา ของผู้บริหารโรงเรียนมัธยมศึกษา สังกัดกรมสามัญศึกษา จังหวัดกาญจนบุรี ที่มีขนาดต่างกัน แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.01 ทั้ง 2 มาตรฐาน ผู้บริหารโรงเรียนขนาดเล็ก และผู้บริหารโรงเรียนขนาดใหญ่ มีระดับคุณลักษณะของผู้บริหารตามเกณฑ์มาตรฐานการประกันคุณภาพการศึกษาเฉลี่ยสูงกว่าผู้บริหารโรงเรียนขนาดกลาง 3. ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับคุณลักษณะของผู้บริหารโรงเรียนที่เอื้อต่อการประกันคุณภาพ การศึกษา ที่มีความถี่สูง 3 อันดับแรก ได้แก่ ผู้บริหารควรมีวิสัยทัศน์กว้างไกล เข้าถึงชุมชนมีส่วนร่วมในงานของชุมชน และมีความรู้ในงานวิชาการและเทคโนโลยีใหม่ๆ
Publisher
มหาวิทยาลัยราชภัฏกาญจนบุรี. สำนักวิทยบริการและเทคโนโลยีสารสนเทศ
พงศ์เพ็ญ ศรีทอง(2545)คุณลักษณะของผู้บริหารตามเกณฑ์มาตรฐานการประกันคุณภาพการศึกษาของผู้บริหารโรงเรียนมัธยมศึกษา สังกัดกรมสามัญศึกษา จังหวัดกาญจนบุรี.วิทยานิพนธ์ครุศาสตร์บัณฑิต สาขาบริหารการศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏกาญจนบุรี
ศศศรัณย์ นิ่มทัศนศิริ
คณะศึกษาศาสตร์, มหาวิทยาลัยศิลปากร
อัครยา สิมะกุล
คณะศึกษาศาสตร์, มหาวิทยาลัยศิลปากร
มัทนา วังถนอมศักดิ์
คณะศึกษาศาสตร์, มหาวิทยาลัยศิลปากร
บทความนี้ต้องการนำเสนอเกี่ยวกับคุณลักษณะผู้นำของผู้บริหารสถานศึกษา ด้วยวัตถุประสงค์เพื่อช่วยพัฒนาผู้บริหารสถานศึกษาให้มีคุณสมบัติของผู้นำที่มีประสิทธิภาพ มีความรอบรู้ มีวิสัยทัศน์ มีคุณธรรมจริยธรรม มีความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะพัฒนาองค์กรให้มีความเป็นเลิศทางด้านการจัดการศึกษาให้แก่ผู้เรียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตามเนื้อหาและรายละเอียดที่ผู้นำจะต้องมีกลยุทธ์ มีศิลปะ มีอิทธิพลสามารถชี้นำผู้อื่นให้เกิดความวางใจเชื่อใจ พร้อมทั้งให้ความเคารพนับถือ ให้ความร่วมมือทุกด้านและให้เกิดความมั่นใจในความสามารถในการเป็นผู้นำของตน โดยเฉพาะอย่างยิ่งคุณลักษณะของผู้บริหารสถานศึกษาเป็นปัจจัยที่สำคัญซึ่งแสดงให้เห็นว่าผู้ที่เป็นผู้ริหารสถานศึกษาที่มีประสิทธิภาพและเป็นที่ยอมรับจะนำพาองค์กรไปสู่ความสำเร็จที่ตั้งเป้าไว้
ศศศรัณย์ นิ่มทัศนศิริ,อัครยา สิมะกุล และมัทนา วังถนอมศักดิ์ (2566) คุณลักษณะผู้นำของผู้บริหารสถานศึกษาที่มีประสิทธิภาพ.วารสารวิชาการสถาบันพัฒนาพระวิทยากรปีที่ 6 ฉบับที่ 2(เมษายน-มิถุนายน2566) หน้า 285-291.
คมสันต์ วงษ์ชาลี. (2561). คุณลักษณะของผู้บริหารสถานศึกษามืออาชีพตามความคิดเห็นของครูผู้สอนในโรงเรียนมัธยมศึกษา จังหวัดชลบุรี สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 18. วิทยานิพนธ์ กศ.ม. ชลบุรี: มหาวิทยาลัยบูรพา.
ดังตฤณ. (2553). เซนการทำงานอย่างเซียน. กรุเทพฯ: ฮาวฟาร์.
ถวิล มาตรเลี่ยม. (2544). การปฏิรูปการศึกษาโรงเรียนเป็นฐานการบริหารจัดการ. กรุงเทพมหานคร: เสมาธรรม.
ธีรพงษ์ สำเร. (2554). ประสิทธิภาพการบริหารงานวิชาการของผู้บริหารสถานศึกษาในกลุ่มโรงเรียนมิตรภาพ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษายะลา เขต 1. ค้นคว้าอิสระครุศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการบริหารการศึกษา. บัณฑิตศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา.
สกาวรัตน์ สู่สุข. (2548). การศึกษาพฤติกรรมของผู้นำของผู้บริหารโรงเรียนในสถานศึกษาขั้นพื้นฐานจังหวัดชลบุรี. วิทยานิพนธ์ ค.ม. (การบริหารการศึกษา). ชลบุรี: บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยบูรพา.
สดุดี จีระออน. (2561). คุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผู้บริหารสถานศึกษายุคประเทศ ไทย 4.0 ตามความคิดเห็นของผู้บริหารสถานศึกษาและครูผู้สอน สังกัด สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาชัยภูมิ เขต 3. วิทยานิพนธ์ ค.ม. ชัยภูมิ: มหาวิทยาลัยราชภัฏชัยภูมิ.
สุกฤตยา ปงกันทา. (2561). กลยุทธ์การพัฒนาผู้บริหารสถานศึกษามืออาชีพ สังกัด สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษากำแพงเพชร เขต 1 และเขต 2. วิทยา นิพนธ์ ปร.ด. กำแพงเพชร: มหาวิทยาลัยราชภัฏกำแพงเพชร.
สำนักงานเลขาธิการคุรุสภา. (2546). เกณฑ์มาตรฐานวิชาชีพคุรุสภา พ.ศ. 2546. กรุงเทพมหานคร: คุรุสภา.
มัทนา วังถนอมศักดิ์. (2561). ภาวะผู้นำทางการศึกษา: ทฤษฎีและการปฏิบัติ. นครปฐม: มหาวิทยาลัยศิลปากร.
การศึกษาครั้งนี้ตรวจสอบผลกระทบของปัจจัยทรัพยากรมนุษย์และบทบาทการกลั่นกรองของเพศที่มีต่อความตั้งใจในการสอนออนไลน์ในหมู่ผู้สอนหลักสูตรในการศึกษาทางไกล. วิธีการเชิงปริมาณและการออกแบบการสํารวจถูกนํามาใช้สําหรับการศึกษา. ข้อมูลถูกรวบรวมด้วยแบบสอบถามแบบบริหารตนเองจากผู้สอนหลักสูตร 539 คน (ครูในโหมดระยะทาง) ในหลักสูตรการศึกษาทางไกลของมหาวิทยาลัย. ข้อมูลถูกวิเคราะห์ด้วยเทคนิคการสร้างแบบจําลองสมการโครงสร้างสี่เหลี่ยมจัตุรัส (PLS-SEM) บางส่วน. การศึกษาพบว่าค่าตอบแทนและความสัมพันธ์ในการทํางานเป็นสองปัจจัยทรัพยากรมนุษย์ที่สําคัญที่สุดที่มีความสัมพันธ์เชิงพยากรณ์ที่สําคัญกับความตั้งใจใช้งานออนไลน์. เกี่ยวกับบทบาทการกลั่นกรองเพศผลพบว่าค่าตอบแทนนั้นเกี่ยวข้องกับผู้อํานวยความสะดวกทั้งชายและหญิง. นอกจากนี้,ในขณะที่ความสัมพันธ์ในการทํางานพบว่ามีความสําคัญอย่างยิ่งต่อผู้อํานวยความสะดวกชายการตัดทอนถือว่ามีความสําคัญในหมู่ผู้อํานวยความสะดวกหญิง. ดังนั้นจึงขอแนะนําให้ผู้จัดการของสถาบันการศึกษาทางไกลให้ความสนใจกับปัจจัยทรัพยากรมนุษย์ที่มีความลําเอียงทางเพศเช่นค่าตอบแทนความสัมพันธ์ในการทํางาน, และการตัดทอนเมื่อพวกเขาเริ่มใช้เทคโนโลยีการเรียนรู้ออนไลน์สําหรับการจัดส่งการศึกษาทางไกล.
Moses Segbenya , Vincent Mensah Minadzi , Brandford Bervell and Beatrice Asante Somuah
(2024). Online teaching intention among distance education course tutors: Modelling the effects of human resource factors and moderating role of gender. Computers in Human Behavior Reports. 9 February 2024, 100380
Show more
E. Aboagye, J.A. Yawson, K.N. Appiah
COVID-19 and E-learning the challenges of Students in tertiary institutions in Ghana
Social Education Research (2020), 10.37256/ser.122020422
View article Google Scholar
O.B. Adedoyin, E. Soykan
COVID-19 pandemic and online learning: The challenges and opportunities. Interactive Learning Environments
C.A. Al Mamun, M.N. Hasan
Factors affecting employee turnover and sound retention strategies in business organisation: A conceptual view
Problems and Perspectives in Management, 15 (1) (2017), pp. 63-71
A. Al Mulhem
Investigating the effects of quality factors and organisational factors on university students' satisfaction of e-learning system quality
Cogent Education, 7 (1) (2020), pp. 23-31, 10.1080/2331186X.2020.1787004
View PDF
This article is free to access.
P. Appavoo, M. Sohoraye, M. Gungea, V. Armoogum
‘Webagogy’-The next milestone after pedagogy and andragogy?
2016 IEEE International conference on Emerging technologies and innovative Business practices for the Transformation of Societies (EmergiTech), IEEE (2016), pp. 317-322
เรื่องที่ 1
Title
แนวทางการพัฒนาผู้บริหารสถานศึกษาขั้นพื้นฐานสู่มาตรฐานวิชาชีพผู้บริหารสถานศึกษาของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพะเยา เขต 1
Title Alternative
The guidelines developing professional standards of basic education administrators in schools under Phayao Primary Educational Service Area Office 1
Abstract: ศึกษารูปแบบการพัฒนาผู้บริหารสถานศึกษาขั้นพื้นฐานสู่มาตรฐานวิชาชีพผู้บริหารสถานศึกษาของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพะเยา เขต 1 เหตุปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อการพัฒนาผู้บริหารสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน ภาพอนาคตที่พึงประสงค์และความต้องการพัฒนาผู้บริหารสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน และแนวทางการพัฒนาผู้บริหารสถานศึกษาขั้นพื้นฐานสู่มาตรฐานวิชาชีพผู้บริหารสถานศึกษาของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพะเยา เขต 1 ในปี 2560-2562 เป็นการวิจัยเชิงพรรณนา ออกแบบการวิจัยโดยศึกษาข้อมูลเชิงคุณภาพและเชิงสำรวจในการศึกษาเอกสาร แนวคิด ทฤษฏี และงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง การสำรวจรูปแบบการพัฒนาที่ผ่านมา จำนวนวันเวลา และงบประมาณที่ใช้ในการพัฒนา ความพึงพอใจการพัฒนา สมรรถนะที่ได้รับการพัฒนา การมีส่วนร่วม การศึกษาเหตุปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อการพัฒนา ภาพอนาคตที่พึงประสงค์และความต้องการพัฒนา เพื่อนำข้อมูลดังกล่าวมาประมวลเป็นข้อมูลภาพรวมและสังเคราะห์เพื่อกำหนดเป็นแนวทางการพัฒนาผู้บริหารสถานศึกษาขั้นพื้นฐานสู่มาตรฐานวิชาชีพผู้บริหารสถานศึกษาของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพะเยา เขต 1 ผลการวิจัยพบว่า การพัฒนาผู้บริหารสถานศึกษาขั้นพื้นฐานที่ผ่านมาช่วงปี 2555-2558 มี 6 รูปแบบ ได้แก่ (1) รูปแบบการประชุมประจำเดือน (2) รูปแบบการประชุมสัมมนา (3) รูปแบบการอบรมเชิงปฏิบัติการ (4) รูปแบบการศึกษาดูงาน (5) รูปแบบการศึกษาผ่านระบบออนไลน์ และ(6) รูปแบบการศึกษาด้วยตนเองหรือตามอัธยาศัย เหตุปัจจัยสำคัญที่สนับสนุนการพัฒนาผู้บริหารสถานศึกษา ได้แก่ Policy (นโยบาย) Area Office (สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา) Administrators (ผู้บริหารสถานศึกษา) Units Operates (หน่วยดำเนินการ) Connection (ความเชื่อมโยง) Cooperation (ความร่วมมือ) Process (กระบวนการดาเนินการ) Benefit (ประโยชน์) เหตุปัจจัยสาคัญที่ฉุดรั้งการพัฒนาผู้บริหารสถานศึกษา ได้แก่ Motive (เหตุจูงใจ) Mindset (ทัศนคติ) Monitoring and Evaluation (การตรวจสอบและประเมินผล) Management’s Overview (การบริหารในภาพรวม) Missing Data (การส่งข้อมูล) Measurement (การกำกับ ติดตาม ประเมินผล) Motivation (แรงจูงใจ) Message (สื่อสาร, ข่าวสาร) ภาพอนาคตที่พึงประสงค์และความต้องการพัฒนาผู้บริหารสถานศึกษา คือ ไม่นำผู้บริหารสถานศึกษาออกจากสถานศึกษามากเกินไป ซึ่งในการพัฒนาจะต้องมีความสอดคล้องกับสภาวการณ์ของการเปลี่ยนแปลงในศตวรรษที่ 21 และผู้บริหารสถานศึกษาได้รับการพัฒนาสมรรถนะตรงตามความต้องการ ปัญหาและความจำเป็น และแนวทางการพัฒนาผู้บริหารสถานศึกษาขั้นพื้นฐานสู่มาตรฐานวิชาชีพผู้บริหารสถานศึกษา ตามยุทธศาสตร์การพัฒนา 4 ยุทธศาสตร์ ได้แก่ (1) ส่งเสริมการมีส่วนร่วมการพัฒนาผู้บริหารสถานศึกษา (2) ข้อมูลที่ดีส่งเสริมผู้บริหารที่ดีมีสมรรถนะ (3) เทคโนโลยีกับผู้บริหารสถานศึกษายุค 4.0 และ (4) การพัฒนาผู้บริหารสถานศึกษาในศตวรรษที่ 21 บนแนวคิด Learn by Courses (LC) 50% การเรียนรู้จากหลักสูตรหรือโปรแกรมการอบรม Learn by Experience (LE) 30% การเรียนรู้จากการปฏิบัติงานจริงหรือสถานที่จริง และ Learn by Others (LO) 20% การเรียนรู้จากผู้อื่น ภายใต้เงื่อนไข TUSCHAI MODEL
Publisher
มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย. สำนักวิทยบริการและเทคโนโลยีสารสนเทศ
Reference
ธัชชัย จันทร์สาห์. (2560).แนวทางการพัฒนาผู้บริหารสถานศึกษาขั้นพื้นฐานสู่มาตรฐานวิชาชีพผู้บริหารสถานศึกษาของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพะเยา เขต 1.วิทยานิพนธ์ บริหารการศึกษา เชียงราย :มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย
เรื่องที่ 2
Title
แนวทางการพัฒนาคุณลักษณะกัลยาณมิตรสำหรับผู้บริหารโรงเรียนประถมศึกษา จังหวัดนนทบุรี
Title Alternative
A Guideline for the Development of Kalayanamitta Characteristics for Primary School Administrators In Nonthaburi Province
Abstract: การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ คือ ๑) เพื่อศึกษาสภาพการใช้หลักกัลยาณมิตร ในการบริหารการศึกษา ของผู้บริหารโรงเรียนประถมศึกษา จังหวัดนนทบุรี ๒) เพื่อศึกษาหลัก และวิธีใช้กัลยาณมิตร ในการบริหารการศึกษา ของผู้บริหารโรงเรียนประถมศึกษา จังหวัดนนทบุรี ๓) เพื่อเสนอแนวทางการใช้หลักกัลยาณมิตร ในการบริหารการศึกษา ของผู้บริหารโรงเรียนประถมศึกษา จังหวัดนนทบุรี ซึ่งเป็นงานวิจัยแบบผสานวิธี โดยใช้แบบสอบถามกลุ่มตัวอย่าง จำนวน ๒๐๑ คน วิเคราะห์ข้อมูลด้วยหา ค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย และค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การวิเคราะห์เอกสารและสัมภาษณ์ผู้ให้ข้อมูลสำคัญ จำนวน ๕ รูป/คน ทำการวิเคราะห์ข้อมูลด้วยการวิเคราะห์เนื้อหา ผลการวิจัยพบว่า ๑. ผลการวิเคราะห์สภาพการใช้หลักกัลยาณมิตรในการบริหารการศึกษา โดยรวม ๗ ด้าน อยู่ในระดับมากที่สุด เรียงตามลำดับจากมากไปหาน้อย ได้แก่ ด้านน่าเคารพ รองลงมาได้แก่ ด้านรู้จักพูดให้ได้ผล ด้านเป็นที่รัก ด้านน่ายกย่อง ด้านอดทนต่อถ้อยคำ แถลงเรื่องล้ำลึกได้ และข้ออยู่ในระดับต่ำสุด ได้แก่ ไม่ชักนำในเรื่องเหลวไหล ตามลำดับ ๒. หลักการและวิธีใช้กัลยาณมิตรสำหรับการจัดการบริหารงานมีระบบในการทำงานดีมีคุณภาพและเกิดประสิทธิภาพและสร้างแรงจูงใจกระตุ้นให้บุคลากรปฏิบัติงานสำเร็จด้วยความภูมิใจ ที่ปฏิบัติหน้าที่อย่างเคร่งครัดรู้จักพูดเจรจาให้ทุกฝ่ายเข้าใจกัน อธิบายเหตุผลด้วยวาจาที่ไพเราะอ่อนหวาน และยินดีรับฟังปัญหาในด้านการบริหารจัดการปฏิบัติหน้าที่ด้วยความทุ่มเทการยอมรับฟังทุกฝ่าย วิเคราะห์ข้อมูลซับซ้อนให้เข้าใจได้ ชัดเจนแจ่มแจ้ง มีแนวคิดใหม่ๆ สามารถอธิบายเข้าใจและนำมาปฏิบัติได้ ๓. แนวทางการใช้หลักกัลยาณมิตรในการบริหารการศึกษา สำหรับผู้บริหารโรงเรียนประถมศึกษาสังเคราะห์ได้ดังนี้ ๑) จัดบุคคลให้เหมาะสมกับงาน ๒) มีมนุษยสัมพันธ์ ๓) มีเหตุผลในการบริหารงาน ๔) ยอมรับความคิดเห็นของผู้ใต้บังคับบัญชา ๕) สงเคราะห์บุคลากรด้วยหลักกัลยาณมิตร ๖) ยุติธรรมไม่ลำเอียงต่อการบริหารงานซึ่งสอดคล้องกับองค์ความรู้คุณลักษณะกัลยาณมิตรสำหรับผู้บริหารที่ดี
Abstract: The objectives of this research were; 1) to study state of Kalayanamitta principle application in educational administration of primary school administrators in Nonthaburi province, 2) to study principles and application of Kalayanamitta in educational administration of primary school administrators in Nonthaburi province, and 3) to propose a guideline of application of Kalayanamitta in educational administration of primary school administrators in Nonthaburi province. The mixed research methods were used in the study. The quantitative data were collected by questionnaires from 201 samples and analyzed by frequency, mean, percentage, and standard deviation. The qualitative data were obtained from documents and in-depth interviews with 5 key-informants and then analyzed by content analysis. The results of the study found that: 1. The state of application of Kalayanamitta in educational administration of primary school administrators in Nonthaburi province in 7 aspects was at a high level totally. The highest level started at Esteemable, respectively followed by Being a counselor, Lovable, Adorable, Being a patient listener, Able to deliver deep discourses, and Never exhorting groundlessly. 2. Principles and application of Kalayanamitta in educational administration, Kalayanamitta could increase and enhance work motivation through conversations and explanations with reasons, kindly speech, attention, information analysis, new ideas, and new applicable process. 3. A guideline for Kalayanamitta application in educational administration of primary school administrators in Nonthaburi province was as follows; 1) Recruit suitable and qualified personnel in work, 2) Good human relations, 3) Administration based on reasons, 4) Respect different opinions, 5) Assist subordinates according to Kalayanamitta principles, and 6) Justice in administration.
Reference
พระสมุห์ยุทธนา อนุทโย(กรใหม่) .(2561).แนวทางการพัฒนาคุณลักษณะกัลยาณมิตรสำหรับผู้บริหารโรงเรียนประถมศึกษา จังหวัดนนทบุรี. วิทยานิพนธ์ พุทธศาสตรมหาบัณฑิต : มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
เรื่องที่ 3
Title
ปัจจัยการบริหารที่ส่งผลต่อประสิทธิผลของโรงเรียน ในสังกัดสำนักงานเขตพื้นการศึกษาประถมศึกษาบึงกาฬ
Title Alternative
ADMINISTRATIVE FACTORS AFFECTING EFFECTIVENESS OF SCHOOLS UNDER THE BUENG KAN PRIMARY EDUCATIONAL SERVICE AREA OFFICE
Abstract: การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา เปรียบเทียบ หาความสัมพันธ์หาอำนาจพยากรณ์ และแนวทางการพัฒนาปัจจัยการบริหารที่ส่งผลต่อประสิทธิผลของโรงเรียน ในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถม ศึกษาบึงกาฬ ตามความคิดเห็นของผู้บริหารโรงเรียน ครูผู้สอน และประธานคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน จำแนกตาม สถานภาพการดำรงตำแหน่งและขนาดโรงเรียน กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย จำนวน 342 คน ประกอบด้วย ผู้บริหารโรงเรียน จำนวน 106 คน ครูผู้สอน จำนวน 130 คน และประธานคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน จำนวน 106 คน ได้มาโดยในการสุ่มแบบหลายขั้นตอน (Multi-Stage Random Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยเป็นแบบสอบถามเกี่ยวกับปัจจัยการบริหารโรงเรียนและประสิทธิผลโรงเรียน สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน Independent Samples t-test การวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว (One-Way ANOVA) การทดสอบเป็นรายคู่เชฟเฟ่ (Scheffé-Method) หรือ LSD หาค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์อย่างง่าย ของเพียร์สัน (Pearson’s product-moment correlation coefficient) และการวิเคราะห์การถดถอยพหุคูณทีละขั้นตอน (Stepwise Multiple Regression Analysis) ผลการวิจัยพบว่า 1. ปัจจัยการบริหารโรงเรียน ในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาบึงกาฬ โดยรวม อยู่ในระดับ มากที่สุด 2. ประสิทธิผลของโรงเรียนในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา บึงกาฬ โดยรวม อยู่ในระดับมากที่สุด 3. ปัจจัยการบริหารโรงเรียนที่มีต่อประสิทธิผลของโรงเรียน ตามความคิดเห็นของผู้บริหารโรงเรียน ครูผู้สอน และประธานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน จำแนกตามสถานภาพการดำรงตำแหน่ง โดยรวมแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 4. ปัจจัยการบริหารโรงเรียนที่มีต่อประสิทธิผลของโรงเรียน ตามความคิดเห็นของผู้บริหารโรงเรียน ครูผู้สอน และประธานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน จำแนกตามขนาดของโรงเรียน โดยรวม ไม่แตกต่าง 5. ความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยการบริหาร และประสิทธิผลของโรงเรียน โดยรวม (RES = .527) สัมพันธ์กันในทางบวก อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 6. ตัวแปรปัจจัยการบริหารที่ส่งผลต่อประสิทธิผลของโรงเรียน ที่นำมาวิเคราะห์ จำนวน 6 ด้าน พบว่า มี จำนวน 2 ด้าน ที่สามารถพยากรณ์ประสิทธิผล ของโรงเรียนในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่ประถมศึกษาบึงกาฬ โดยรวม ได้อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 คือ เทคโนโลยีทางการศึกษา แรงจูงใจในการปฏิบัติงาน 7. แนวทางการพัฒนาปัจจัยการบริหารของโรงเรียน ในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาบึงกาฬ ประกอบด้วย 2 ด้าน ดังนี้ 7.1 ด้านเทคโนโลยีทางการศึกษา บริหารควรส่งเสริมพัฒนาครูและบุคลากร ให้มีความรู้ในด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ การพัฒนาทักษะ เทคนิค วิธีการ ด้านเทคโนโลยี การนำสื่อ เทคโนโลยีมาใช้ ตามแผนการดำเนินงานของโรงเรียน ส่งเสริมครูและบุคลากรในสถานศึกษาเข้ารับการพัฒนาด้านเทคโนโลยี เพื่อเพิ่มความรู้ความสามารถมาพัฒนาต่อยอดศึกษาดูงานโรงเรียนที่ปฏิบัติเป็นเลิศในด้านการพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศในการจัดการศึกษาดีเด่น 7.2 ด้านแรงจูงใจในการปฏิบัติงาน ผู้บริหารที่ดีต้องปฏิบัติตนให้เป็นตัวอย่าง เป็นแบบอย่างที่ดี ให้ความยุติธรรมในการทำงาน ให้กำลังใจแก่คณะครูในโรงเรียน มอบหมายงานตรงตามความถนัด การโน้มน้าวใจให้เกิดความพึงพอใจที่จะปฏิบัติงาน สร้างบรรยากาศของโรงเรียนให้เป็นบรรยากาศวิชาการ บรรยากาศแห่งการเรียนรู้ มีนโยบายที่ชัดเจนและกล้าเปลี่ยนแปลง
Reference
จักรพงศ์ วงศ์สุรรณ. (2566). ปัจจัยการบริหารที่ส่งผลต่อประสิทธิผลของโรงเรียน ในสังกัดสำนักงานเขตพื้นการศึกษาประถมศึกษาบึงกาฬ.วิทยานิพนธ์ ครุศาสตรบัณฑิต การบริหารการศึกษา :มหาวิทยาลัยราชภัฎสกลนคร
วารสารที่ 1
Abstract
This research aimed to: 1) study the level of the private school administrators’ the strategic leadership; 2) study the level of the private school administration to the excellence; and 3) analyze the strategic leadership of school administrators affecting the private school administration to the excellence in Nakhon Pathom Province. Data were 316 teachers of the private schools in Nakhon Pathom Province. The research sample derived by proportional stratified random sampling as distributed by district. The research analyzed with percentage, mean, standard deviation and stepwise multiple regression. The findings of this research were as follows: 1) Overall and in specific aspects, school administrators’ strategic leadership was at a high level. These aspects were revolutionary thinking, creating a vision, anticipating and creating a future, human and emotional component, high-level cognitive activity, and gathering multiple inputs, respectively. 2) Overall and in specific aspects, the private school administration to the excellence was at a high level. These aspects were leadership, school effectiveness, administrative innovation and administrator capacity, respectively. 3)The school administrators’ strategic leadership in the aspects of creating a vision (X6), anticipating and creating a future (X4), revolutionary thinking (X5), human and emotional component (X2), and high-level cognitive activity (X1), together predicted the private school administration to the excellence (Ytot) at the percentage of 92.70 with statistical significance at .05.
Reference
Muenfun Nuntiyagul and Pitchayapa Yuenyaw.(2020). Strategic Leadership of School Administrators Affecting the Private School Administration to the Excellence in Nakhon Pathom Province.Silpakorn Education Reserch Journal. Vol. 12 No. 1 (2020): January - June 2020
Bangkokbiznews. (2560). "Private School in Bangkok were closed because of lack of liquidity". [Online]. Retrieved February 27, 2017, from http://www.bangkokbiznews.com>news. (in Thai)
Deeboonmee, W. (2013). Strategic Leadership of School Administrators Affecting School Effectiveness under Khon Kaen Municipality. Master of Education Thesis Program in Educational Administration Graduate School Khon Kaen University. (in Thai)
DuBrin, J. Andrew. (2018). LEADERSHIP Research Findings, Practice, and Skills, Eighth Edition, Cengage Learning. pp. 418-426.
Jaidee, K. (2014). "A Causal Relationship Model of the Elements Influencing the Performance to Excellence in Private Schools". Doctor of Philosophy in Social Sciences Journal Ramkhamhaeng University 4 (1) 1-15. (in Thai)
Jitsanguan, K. (2012). A Model of Strategic Leadership Development for Secondary School Administrators. Doctor of Philosophy Thesis Program in Educational Administration Department of Educational Policy Management and Leadership Chulalongkorn University. (in Thai)
The objectives of this research are to 1) study the present and desired conditions of the use of social media in Management of educational institutions 2) Analyze needs and necessities for use Social media in the administration of educational institutions and 3) study guidelines for using social media in the administration of secondary educational institutions. The sample group was divided into 2 groups: the questionnaire respondent group Obtained from a stratified random sampling of 325 people and the group for interviews was obtained from a purposive sampling of 8 people. Data were analyzed using frequency, percentage, mean, and standard deviation. Improved index values for ordering essential needs. and content analysis
The results of the research found that 1) the current condition is at the level Moderate with an average of 2.95 and desirable conditions at the highest level with an average of 4.98. 2) The first necessary need is budget management. 3) Guidelines for using social media. Divided into issues as follows: 1) Encourage personnel to use social media in their work more. 2) Adopt social media in administrative planning to suit the context of the educational institution. 3) Support the use of social media in teaching and learning. 4) Support the use of social media in administration Budget carefully. 5) Find the right social media. to create participation in communication and 6) find the best channels to use social media to communicate with Persons or agencies outside the educational institution
Weerawit Ongcharoenwan .(2019).Guidelines of Using Social Media for Secondary School Administration in the Secondary Educational Service Area Office 3 Nonthaburi.Kasesart Educational Review.Year 34, Issue 1 (2019)
Anderson, S. (2012). How to Create Social Media Guidelines for Your School. Edutopia.
Bayram, A. (2017). A Qualitative Study on the Contribution of Educational Administrators’ Use of Social Media to Educational Administration.(Thesis of Education Studies, Artvin Çoruh University)
Cox, D. D. (2012). School communications 2.0: A social media strategy for K-12 principals and superintendents. Thesis for the degree of Doctor of Philosophy, Iowa State University.
This research aims 1) to study the school administration factors, 2) to study the school administration efficiency, 3) to study the relevant of the school administration factors and the school administration efficiency, and 4) to create an equation to predict the effectiveness of the school administration. The population were 170 teachers and educational personnel of Surasakmontree school. The research instrument was a questionnaireThe statistic for the data analysis were frequency, percentage, mean, standard deviation, Pearson's Product Moment Correlation Coefficient, and Multiple Regression Analysis as Stepwise model.
The research’s results were as follows: The high-average factors affecting the efficiency in school administration were the teachers’ role and responsibilities while the lowest one was the learner competency The factors which affect the effectiveness of school administration were statistically related to the effectiveness of all educational institutions at .05 level in positive, and The factors that could predict the effectiveness of the school administration in statical significance of 0.5 level were the teacher roles and responsibilities (x2), the learner competency (x3), the curriculum and instruction (x5), and the participation in community network (x7). The predicted equations were as follows:
Predicted Equation in Raw Score Form= .786+.603 X7 + .407 X3 - .368 X5 +.188 X2
Predicted Equation in Standard Score Form=.836 ZX7 +.060 ZX2+ .054 ZX3 - .371 ZX5
References
Wachirawit Jatuten.(2021).Factors Affecting The Effectiveness of School Administration Surasakmontree School. Romphruek Journal.Vol. 39 No. 3 (2021): September - December 2021
Mott, P. E. (1972). The characteristic of effective organization. New York : Harper and Row.
Sahu, A. R., & Shrivastava R. L. (2011). Key Factors Affecting the Effectiveness of Technical Education– An Indian Perspective. London : Philip Gwyn.