ระยะห่างทางสังคม
Social Distancing
Social Distancing
มาตรการนี้ไม่ใช่มาตรการที่แปลกใหม่เพียงแต่ประเทศไทยอาจไม่คุ้นเคยกับการประกาศใช้ในสังคมวงกว้างเท่านั้น ประชาชนควรร่วมมือกันสกัดกั้นการแพร่ระบาดของโรค Covid-19 เพื่อต่อเวลาให้คุณหมอ พยาบาล เจ้าหน้าที่สาธารณสุขได้มีพละกำลังเหลือพอที่จะต่อสู้กับช่วงเวลาการแพร่ระบาดที่ยาวนาน ในภาวะที่มีทรัพยากรทางสาธารณสุขเพียงพอต่อการดูแลกลุ่มผู้ป่วยเปราะบาง อาจเป็นคนที่เรารัก ญาติผู้ใหญ่ที่เราเคารพ เพื่อนฝูงที่กำลังต่อสู้กับโรคเรื้อรัง ได้มีโอกาสรอดปลอดภัยผ่านวิกฤตินี้ไปเช่นกัน
งดการรวมตัวกันจำนวนมาก
สร้างช่องว่างรอบร่างกายอย่างน้อย 1 เมตร เพื่อป้องกันการสัมผัส ถ้าจะให้ดีคือ 2 เมตร หรือ 6 ฟุต
ตัวอย่าง
ทำงานจากที่บ้าน
ยกเลิกชั้นเรียน เปลี่ยนมาเรียนหนังสือทางออนไลน์
ใช้วิดีโอคอลแทนการไปพบตัวต่อตัว
ไม่ประชุมกันกลุ่มใหญ่ ไม่อยู่รวมกันนานๆ และไม่นั่งชิดกันเกินไป
1. อย่าจัดหรือเข้าร่วมการประชุมหรือการชุมชุมขนาดใหญ่ ต้องเผชิญหน้ากับสังคมที่มีคนน้อย
2. หลีกเลี่ยงชั่วโมงเร่งด่วนและสถานการณ์ใดๆ ที่มีแนวโน้มดึงดูดคนจะนวนมาก โดยการเปลี่ยนกำหนดการให้ห่างจากชั่วโมงเร่งด่วน
3. ระวังการใช้สิ่งของสาธารณะและพยายามหลีกเลี่ยงสิ่งที่คนอื่นสัมผัส เมื่อเจอสถานการณ์ที่ต้องสัมผัสบ่อยๆ ให้ล้างมือทันที
4. อย่าไปในสถานที่ที่จำเป็น เช่น ร้านขายของชำ หรือห้องซักรีดรวม ในช่วงเวลาเร่งด่วน ควรเลือกไปในเวลาทำงานหรือเช้าตรู่แทน
5. อย่าไปสถานที่ทำงาน โรงเรียน โรงภาพยนตร์ กิจกรรมกีฬา หรือพื้นที่ส่วนรวมอื่นๆ โดยใช้การสื่อสารผ่านอินเทอร์เน็ต เรียนทางไกลแทน
6. อย่ากอดหรือจูบ ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการสร้างสายสัมพันธ์
7. หลีกเลี่ยงพื้นที่ในห้องแออัด โดยงดเข้าในพื้นที่ปิด
8. หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการโต้ตอบอย่างใกล้ชิด โดยเว้นระยะห่างการสื่อสารต่างๆ ที่เหมาะสม
9. อย่าเข้าใกล้คนอื่นมากเกินไป โดยเว้นระยะ 6 ฟุต เลี่ยงการกระจายของเชื้อโรค
10. กักตัวอยู่ในบ้านให้มากที่สุด จะลดโอกาสติดโรคน้อยลงเมื่อไม่ได้ออกไปข้างนอก
ให้ความรู้เรื่องการป้องกันตนเองแก่พนักงาน
จัดหาสบู่ เจลล้างมือ แอลกอฮอล์ 70% ภายในสถานที่ทำงาน และทางเข้าออกไลน์การผลิต
จัดหาห้องพยาบาลที่พร้อมคัดแยกผุ้ป่วยออกจากสถานที่ปฏิบัติาน
เพิ่มความตระหนัก การป้องกันการระบาด และการรักษาความสะอาด อุปกรณ์เครือ่งใช้ โต๊ะทำงาน จัดทำความสะอาดประตูที่จับ
รณรงค์ให้พนนักงานหมั่นล้างมือ และป้องกันตนเองระหว่างเดินทางมาทำงาน
ระมัดระวังการเก็บขยะติดเชื้อ เช่น ทิชชูปนเปื้องน้ำมูก น้ำลาย
โรงงานที่ไลนืการผลิตหนาแน่น ควรจัดมาตรการคัดกรองพนักงานทุกคนก่อนเข้าทำงาน เช่น วัดไข้ สอบถามอาการ
หากมีการจัดรถรับส่งพนักงาน ให้มีมาตรการทำความสะอาดยาพาหนะที่สัมผัสกับผู้โดยสาร
การพิจารณาปิดสถานประกอบการเป้นการชั่วคราว กรณีพบผู้ป่วยเป็นจำนวนมาก เช่น การเลื่อนหรือยกเลิกไลน์การผลิตที่พบผู้ป่วย ให้พนักงานหยุดพักรักษาตัวลดการแพร่กระจายเชื้อโรค
เตรียมอุปกรณ์ป้องกันการติดเชื้อส่วนบุคคล เช่น หน้ากากผ้า หน้ากอนามัย เจลล้างมื้อ พกติดตัว
หากพบว่าตนเองมีอาการป่วย ควรหยุดพักรักษาตัวอยู่ที่บ้าน หรือถ้ามีเหตุจำเป็นให้ต้องไปทำงานควร สวมหน้ากากอนามัย และหากไม่มีหน้ากากอนามัย ให้ขอหน้ากากอนามัยจากห้องพยาบาลใน หน่วยงาน
สังเกตเพื่อนร่วมงานมีอาการไอ จาม ผิดปกติ อาการคล้าย Covid-19 ให้แจ้งห้องพยาบาลเพื่อจัดหาหน้ากากอนามัย ให้พนักงาน หรือแนะนำให้บุคคลดังกล่าวสวมหน้ากากอนามัย และให้ไปพบแพทย์
ติดตามรายชื่อประเทศหรือเมืองที่มีการระบาดก่อนวางแผนการเดินทาง โดยสามารถดูข้อมูลได้จาก เวบไซต์กรมควบคุมโรค
งดหรือเลื่อนการเดินทางโดยไม่จำเป็นไปยังประเทศหรือเมืองดังกล่าว
หากหลีกเลี่ยงการเดินทางไม่ได้ ควรมีประกันสุขภาพระหว่างการเดินทางไปต่างประเทศ
เมื่อเดินทางไปยังประเทศหรือเมืองที่มีการระบาด ควรใส่หน้ากากอนามัย หลีกเลี่ยงการไปในสถานที่ แออัด หรือคนพลุกพล่าน และปฏิบัติตามคำแนะนำของประเทศนั้นๆ อย่างเคร่งครัด
ระหว่างการเดินทาง หากมีอาการไข้ ไอ เจ็บคอ หรือมีน้ำมูก ควรไปพบแพทย์ทันทีเพื่อรับการตรวจ วินิจฉัยและรักษาอย่างถูกต้อง พร้อมขอใบรับรองแพทย์หากไม่ได้ป่วยด้วย COVID-19
เมื่อจะเดินทางกลับประเทศไทย หากมีอาการป่วยก่อนโดยสารเครื่องบิน ต้องแจ้งให้เจ้าหน้าที่สาย การบินทราบล่วงหน้าเพื่อประเมินความเสี่ยงต่อการแพร่กระจายเชื้อ ท่านอาจไม่ได้รับการพิจารณาให้ ขึ้นเครื่องบิน หากมีอาการป่วยอยู่และไม่มีใบรับรองแพทย์
ให้ความร่วมมือกับการตรวจคัดกรองที่ด่านควบคุมโรคระหว่างประเทศ และแจ้งให้เจ้าหน้าที่ ทราบทันที หากมีอาการป่วย
สังเกตอาการป่วยและวัดไข้ตนเองทุกวัน เป็นเวลา 14 วันหลังกลับจากพื้นที่ที่พบการระบาด
ระหว่าง 14 วันที่สังเกตอาการ ให้แยกเครื่องใช้ส่วนตัว ไม่รับประทานอาหาร หรือ พูดคุย ใกล้ชิดกับผู้อื่น งดการไปร่วมกิจกรรมที่มีคนจำนวนมาก งดการเข้าประชุม การไปสถานที่ที่ คนพลุกพล่าน เช่น ตลาด ห้างสรรพสินค้า ควรอยู่ในที่พักอาศัยเป็นหลัก และเดินทางออก นอกบ้านเท่าที่มีความจำเป็น
ทั้งนี้การให้หยุดงาน ลางาน หรือทำงานจากบ้าน ให้พิจารณาตามความเหมาะสมของแต่ละ หน่วยงาน
หากมีอาการไข้ ไอ เจ็บคอ หรือมีน้ำมูก ภายใน14 วันหลังกลับจากพื้นที่ที่พบการระบาด ควรไปพบแพทย์ทันทีพร้อมแจ้งประวัติการเดินทางให้เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลทราบ
กดพิมพ์คำแนะนำฉบับเต็มเพื่อติดประกาศได้ที่ https://ddc.moph.go.th/viralpneumonia/file/introduction/introduction14_2.pdf