หลักการและเหตุผล
ตามนโยบายของรัฐบาล (พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา) ได้ให้ความสำคัญของการแก้ไขปัญหาหนี้สินครูและบุคลากรทางการศึกษา จึงได้มอบหมายให้กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงการคลัง และทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องร่วมกันกำหนดแนวทางการแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยมีเป้าหมายทำอย่างไรให้ครูได้ชำระหนี้ในอัตราดอกเบี้ยต่ำ หรือการรวมหนี้ครูมาไว้สถาบันการเงินแหล่งเดียว กำหนดมาตรการที่เหมาะสมกับการผ่อนชำระหนี้ของครูให้ได้มากที่สุด ตลอดจนพัฒนาครูบรรจุใหม่ และครูทุกกลุ่มให้มีความรู้ สร้างวินัยการบริหาร จัดการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้นายกรัฐมนตรี ได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการกำกับการแก้ไขหนี้สินของประชาชนรายย่อย ตามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 157/2564 ลงวันที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2564 โดยกระทรวงศึกษาธิการ ในฐานะคณะกรรมการ มีภารกิจรับผิดชอบในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหาหนี้สินครูและบุคลากรทางการศึกษากระทรวงศึกษาธิการ
ภาพรวมของปัญหาหนี้ครูและบุคลากรทางการศึกษาทั้งระบบ ปัจจุบันครู 9 แสนคนทั้งประเทศ หรือประมาน 80% มีหนี้รวมกัน 1.4 ล้านล้านบาท เจ้าหนี้รายใหญ่ที่สุดคือ สหกรณ์ออมทรัพย์ครู จำนวน 8.9 แสนล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 64 รองลงมาคือ ธนาคารออมสิน 3.9 แสนล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 28 ของหนี้สินครูทั้งหมด ซึ่งครูจำนวนมากกว่าร้อยละ 30 ที่มีเงินเดือนคงเหลือสุทธิหลังหักชำระหนี้น้อยกว่า ร้อยละ 30 จนกระทั่งมีครู จำนวน 2,919 ราย ได้ยื่นฟ้องรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ, ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานและพวก ต่อศาลปกครองกลางว่าละเลยต่อหน้าที่ ไม่แจ้งเวียนให้ส่วนราชการดำเนินการให้เป็นไปตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยการหักเงินเดือนเงินบำเหน็จบำนาญข้าราชการเพื่อชำระหนี้เงินกู้ให้แก่สวัสดิการในส่วนราชการและสหกรณ์ พ.ศ. 2551 อีกทั้งยังพบว่า สาเหตุของปัญหาหนี้สินครูและบุคลากรทางการศึกษากระทรวงศึกษาธิการเกิดจากข้อตกลงระหว่างเจ้าหนี้กับลูกหนี้ เจ้าหนี้เป็นฝ่ายกำหนดอาจเป็นข้อตกลงที่เจ้าหนี้เอาเปรียบและลูกหนี้ต้องยอมรับ เพราะไม่มีทางเลือก ครูหรือลูกหนี้มีความบกพร่อง เช่น ไม่มีวินัยทางการเงิน ใช้จ่ายเกินตัว ขาดทักษะการบริหารจัดการทางการเงิน และการแข่งขันของเจ้าหนี้ เช่น โครงการ ชพค. 1 – 6 ธนาคารออมสินกับสหกรณ์ออมทรัพย์ครู ทำให้เกิดหนี้ธนาคารออมสินถึง 3.9 แสนล้านบาท และหนี้สหกรณ์ออมทรัพย์ครู 8.9 แสนล้านบาท รวมทั้งอัตราดอกเบี้ยเงินกู้สูงเกินควร เช่น กรุงไทยธนวัฏ ดอกเบี้ย 9 - 12% ส่วนสหกรณ์ออมทรัพย์ ดอกเบี้ย 6 - 9% และธนาคารอื่น ดอกเบี้ย 4 - 11% แต่เงินกู้มีความเสี่ยงต่ำ ประกอบกับการประชุมคณะกรรมการกำกับการแก้ไขหนี้สินของประชาชนรายย่อย เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 2564 ได้มีมติให้กระทรวงศึกษาธิการ เร่งจัดทำและขับเคลื่อนแผนการแก้ไขปัญหาหนี้สินข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาให้เป็นรูปธรรม โดยให้ความสำคัญกับสหกรณ์ออมทรัพย์ครู ในการแก้ไขปัญหาหนี้ข้าราชการ ใน 2 มิติ คือ 1) ไม่ให้ข้าราชการกู้เกินศักยภาพของเงินเดือน และหลังจากหักชำระหนี้แล้ว ข้าราชการจะมีเงินเหลือในแต่ละเดือนเพียงพอที่จะใช้ดำรงชีพอย่างมีศักดิ์ศรี และ 2) ให้เจ้ากระทรวงต่อรองกับสหกรณ์ออมทรัพย์และสถาบันการเงินเพื่อให้ปล่อยสินเชื่อตามศักยภาพของเงินเดือน การทำข้อตกลงกับธนาคารออมสินในการปล่อยสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำในอัตรา ร้อยละ 2 ให้แก่สหกรณ์ออมทรัพย์ครู การปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากและดอกเบี้ยเงินกู้ การปรับลดการซื้อประกันในส่วนที่ ไม่จำเป็น การปรับลดยอดหนี้ หรือ "ยุบยอดหนี้" และนำรายได้ในอนาคตบางส่วน เช่น เงินสำรอง กบข. ในส่วนที่สมาชิกสะสมเอง หุ้นของสหกรณ์ออมทรัพย์ เงินบำเหน็จตกทอด เป็นต้น มาใช้ลดยอดหนี้
จากเหตุผลและความจำเป็นดังกล่าวปัญหาหนี้สินครูและบุคลากรทางการศึกษาเกี่ยวข้องกับหนี้สิน ที่เกิดขึ้นจากสหกรณ์ออมทรัพย์ครูมากถึงร้อยละ 64 ฉะนั้น เพื่อให้การขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาหนี้สินครูและบุคลากรทางการศึกษาเป็นรูปธรรม ในเบื้องต้นกระทรวงศึกษาธิการจึงกำหนดให้มีแผนแก้ปัญหาหนี้สิน ครูและบุคลากรทางการศึกษาทั้งระบบ โดยในระยะแรกได้จัดโครงการแก้ปัญหาหนี้สินครูและบุคลากรทาง การศึกษาโดยใช้สหกรณ์ออมทรัพย์ครูต้นแบบเป็นฐาน โดยดำเนินการศึกษาสหกรณ์ออมทรัพย์ครูตัวอย่าง จำนวน 2 แห่ง และขยายผลไปยังสหกรณ์ออมทรัพย์ครูต้นแบบ จำนวน 12 แห่ง เพื่อให้ครูมีสภาพคล่องในการชำระหนี้มีคุณภาพชีวิตที่ดีอยู่อย่างมีศักดิ์ศรี ส่งผลให้ครูทุกคนได้รับการดูแลช่วยเหลือแก้ไขปัญหาหนี้สินได้อย่างทั่วถึงและเป็นระบบ เป็นสมาชิกสหกรณ์ออมทรัพย์ครูที่มีคุณภาพ และส่งผลต่อคุณภาพการศึกษาและคุณภาพสังคมต่อไป
เป้าหมาย
เชิงปริมาณ
1. มีสหกรณ์ออมทรัพย์ครูตัวอย่างเพื่อศึกษา ถอดบทเรียนระบบบริหารจัดการเป็นแนวทางในการพัฒนาระบบบริหารจัดการสหกรณ์ออมทรัพย์ครูต้นแบบเพื่อแก้ไขปัญหาหนี้สินครูและบุคลากรทาง การศึกษา จำนวน 2 แห่ง
2. มีสหกรณ์ออมทรัพย์ครูต้นแบบที่เข้าร่วมโครงการเพื่อการแก้ไขปัญหาหนี้สินครูและบุคลากรทางการศึกษาในระดับพื้นที่นำร่อง จำนวน 12 แห่ง
3. ครูและบุคลากรทางการศึกษาที่เป็นสมาชิกสหกรณ์ออมทรัพย์ครูต้นแบบในพื้นที่ได้รับการช่วยเหลือแก้ไขปัญหาหนี้สิน ไม่น้อยกว่าร้อยละ 70
4. ครูและบุคลากรทางการศึกษาที่เป็นสมาชิกสหกรณ์ออมทรัพย์ครูต้นแบบมีความพึงพอใจ ไม่น้อยกว่าร้อยละ 70
เชิงคุณภาพ
1. ครูและบุคลากรทางการศึกษามีสภาพคล่องในการชำระหนี้ มีคุณภาพชีวิตที่ดี สามารถดำรงชีพในสังคมได้อย่างมีศักดิ์ศรี
2. ครูและบุคลากรทางการศึกษามีวินัยทางด้านการเงิน รู้จักวางแผนด้านการเงินและการออมดำรงชีวิตตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
3. สหกรณ์ออมทรัพย์ครูต้นแบบที่เข้าร่วมโครงการมีระบบการบริหารจัดการที่ดี ได้รับชำระหนี้อย่างเหมาะสม
ขอบเขตการดำเนินงาน
1. ขอบเขตด้านเนื้อหา
กระทรวงศึกษาธิการและสหกรณ์ออมทรัพย์ครูต้นแบบ จำนวน 12 แห่ง ร่วมกันพัฒนาระบบบริหารจัดการสหกรณ์ออมทรัพย์ครู เพื่อการแก้ไขปัญหาหนี้สินครูและบุคลากรทางการศึกษาในระดับพื้นที่นำร่อง โดยมีเป้าหมายหลักดังนี้
1) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ให้สอดคล้องกับสินเชื่อที่มีอัตราความเสี่ยงต่ำ
2) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากให้ต่ำลง
3) จัดสรรผลกำไรมาเพิ่มเงินเฉลี่ยคืนเงินกู้ให้มากขึ้น
4) ปรับลดการส่งค่าหุ้นรายเดือน
5) ปรับปรุงโครงสร้างหนี้
5.1) แก้ไขระเบียบและมติที่เป็นอุปสรรคต่อการปรับปรุงโครงสร้างหนี้
5.2) การชะลอฟ้อง การชะลอบังคับคดี และไกล่เกลี่ย
5.3) รวมหนี้จากทุกสถาบันการเงินมาไว้ที่สหกรณ์ออมทรัพย์ครู และสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐให้สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำแก่สหกรณ์ออมทรัพย์ครูเพื่อแก้ไขปัญหาหนี้สินครูและบุคลากรทางการศึกษา
5.4) ปรับโครงสร้างหนี้ใหม่ให้แก่สมาชิกที่เตรียมเกษียณอายุราชการ
5.5) กลุ่มที่ผิดนัดชำระหนี้ดำเนินการปรับยอดการชำระขั้นต่ำตั้งแต่มากกว่า 1% ต่อปีของยอดกู้ ขึ้นไป โดยให้ชำระภายใน 240 งวด
5.6) ลาออกจากสมาชิกโอนหุ้นตัดหนี้แล้วสมัครมาเป็นสมาชิกใหม่
6) สร้างหลักประกันเงินกู้และการรวมหนี้โดยการประกันชีวิตกับบริษัทประกันภัย และปรับลดการซื้อประกันในส่วนที่ไม่จำเป็นลง
7) จัดสวัสดิการให้แก่สมาชิก เช่น ทำประกันภัยให้สมาชิกฟรี, ทุนการศึกษาบุตร เป็นต้น
8) จัดทำฐานข้อมูลสมาชิกและการเชื่อมโยงฐานข้อมูลกับสถาบันการเงินทุกแห่ง
9) การควบคุมยอดหนี้ไม่ให้เกินความสามารถในการชำระหนี้ของสมาชิกสหกรณ์
10) สร้างระบบพัฒนาและดูแลสมาชิก ให้ความรู้เสริมสร้างวินัยและการวางแผนทางด้านการเงิน การสร้างอาชีพเสริม ลดรายจ่าย เพิ่มการออม และไม่ก่อหนี้เพิ่ม
2. ขอบเขตด้านพื้นที่
1) สหกรณ์ออมทรัพย์ครูตัวอย่างที่เป็นแหล่งศึกษาและถอดบทเรียนความสำเร็จในการแก้ไขปัญหาหนี้สินครูและบุคลากรทางการศึกษาทั้งระบบ จำนวน 2 แห่ง
2) สหกรณ์ออมทรัพย์ครูต้นแบบที่มีศักยภาพและมีความพร้อมที่สมัครใจเข้าร่วมโครงการแก้ไขปัญหาหนี้สินครูและบุคลากรทางการศึกษาทั่วประเทศทั้ง 4 ภาค ๆ ละ 3 แห่ง รวม 12 แห่ง
ระยะเวลาดำเนินการ
ระยะที่ 1
การศึกษา ถอดบทเรียน สร้างองค์ความรู้เกี่ยวกับระบบบริหารจัดการสหกรณ์ออมทรัพย์ครูเพื่อแก้ไขปัญหาหนี้สินครูและบุคลากรทางการศึกษาจากสหกรณ์ตัวอย่าง เดือนสิงหาคม ถึงเดือนกันยายน 2564
ระยะที่ 2
การขยายผลการแก้ไขปัญหาหนี้สินครูและบุคลากรทางการศึกษาสู่สหกรณ์ออมทรัพย์ครูต้นแบบ เพื่อแก้ไขปัญหาหนี้สินครูและบุคลากรทางการศึกษาในระดับพื้นที่ จำนวน 4 ภาค ๆ ละ 3 แห่ง รวม 12 สหกรณ์ เดือนตุลาคม 2564 ถึงเดือนมีนาคม 2565
วิธีการดำเนินงาน
ระยะที่ 1
การศึกษา ถอดบทเรียน สร้างองค์ความรู้เกี่ยวกับระบบบริหารจัดการสหกรณ์ออมทรัพย์ครูตัวอย่าง เพื่อแก้ไขปัญหาหนี้สินครูและบุคลากรทางการศึกษาจากสหกรณ์ตัวอย่าง โดยการประชุมออนไลน์และสังเคราะห์เอกสาร ข้อมูล ดังนี้
1) ศึกษาสภาพปัจจุบันและปัญหาของหนี้สินสมาชิกสหกรณ์ออมทรัพย์ครูตัวอย่าง จากเอกสารข้อมูล รายงานผลการดำเนินงาน ผลการประเมินการดำเนินงานของสหกรณ์จากกรมส่งเสริมสหกรณ์ รายงานของกรมตรวจสอบบัญชีสหกรณ์
2) กำหนดประเด็นการศึกษาและการถอดบทเรียนจากสหกรณ์ออมทรัพย์ครูตัวอย่าง โดยสังเคราะห์จากรายงานการประชุมคณะกรรมการแก้ไขปัญหาหนี้สินครูและบุคลากรทางการศึกษาของกระทรวง ศึกษาธิการร่วมกับสหกรณ์ออมทรัพย์ครู จำนวน 6 แห่ง
3) คณะกรรมการแก้ไขปัญหาหนี้สินครูและบุคลากรทางการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการจัดประชุมชี้แจง และพบปะกับคณะกรรมการดำเนินการสหกรณ์ออมทรัพย์ครูตัวอย่าง ผู้แทนส่วนราชการสังกัดกระทรวงศึกษาธิการระดับจังหวัด ผู้แทนกรมส่งเสริมสหกรณ์ในพื้นที่จังหวัด สถาบันการเงินในพื้นที่ และผู้แทนสมาชิกสหกรณ์ออมทรัพย์ครูตัวอย่าง
4) คณะกรรมการแก้ไขปัญหาหนี้สินครูและบุคลากรทางการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการร่วมประชุม Focus Group กับคณะกรรมการดำเนินการสหกรณ์ออมทรัพย์ครูตัวอย่าง ผู้แทนส่วนราชการสังกัดกระทรวงศึกษาธิการระดับจังหวัด และผู้แทนกรมส่งเสริมสหกรณ์ในพื้นที่
5) คณะกรรมการแก้ไขปัญหาหนี้สินครูและบุคลากรทางการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการร่วมประชุม Focus Group กับผู้แทนสมาชิกสหกรณ์ออมทรัพย์ครูตัวอย่าง เพื่อรับฟังข้อคิดเห็นและประเมินความพึงพอใจต่อการดำเนินงานของสหกรณ์ออมทรัพย์ครูตัวอย่าง
6) คณะกรรมการแก้ไขปัญหาหนี้สินครูและบุคลากรทางการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการประชุมเจรจาแก้ไขปัญหาหนี้สินครูและบุคลากรทางการศึกษากับสถาบันการเงินในพื้นที่จังหวัด ร่วมกับสหกรณ์ ออมทรัพย์ครูตัวอย่าง
7) สังเคราะห์ข้อมูล จัดทำรายงานการศึกษาและการถอดบทเรียนจากสหกรณ์ออมทรัพย์ครูตัวอย่าง
8) กำหนดรูปแบบและแนวทางการขยายผลการแก้ไขปัญหาหนี้สินครูและบุคลากรทางการศึกษาโดยใช้สหกรณ์ออมทรัพย์ต้นแบบ จำนวน 4 ภาค ๆ ละ 3 แห่ง รวม 12 สหกรณ์
9) ประเมินรูปแบบและแนวทางทางการขยายผลการแก้ไขปัญหาหนี้สินครูและบุคลากรทางการศึกษาโดยผู้ทรงคุณวุฒิ
ระยะที่ 2
การขยายผลการแก้ไขปัญหาหนี้สินครูและบุคลากรทางการศึกษาโดยใช้สหกรณ์ออมทรัพย์ครูต้นแบบ ดังนี้
1) การคัดเลือกสหกรณ์ออมทรัพย์ครูต้นแบบ
1.1) ประกาศรับสมัครสหกรณ์ออมทรัพย์ครูต้นแบบที่มีศักยภาพและความพร้อมที่สมัครใจเข้าร่วมโครงการแก้ไขปัญหาหนี้สินครูและบุคลากรทางการศึกษา จำนวน 4 ภาค ๆ ละ 3 แห่ง รวม 12 สหกรณ์
1.2) ดำเนินการรับสมัครสหกรณ์ออมทรัพย์ครูเข้าร่วมโครงการแก้ไขปัญหาหนี้สินครูและบุคลากรทางการศึกษา โดยสหกรณ์ออมทรัพย์ครูที่สมัครเข้าร่วมโครงการต้องแนบแผนการแก้ไขปัญหาหนี้สินครูและบุคลากรทางการศึกษาประกอบการสมัคร
1.3) คัดเลือกสหกรณ์ออมทรัพย์ครูต้นแบบโดยคณะกรรมการแก้ไขปัญหาหนี้สินครูและบุคลากรทางการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการ และประกาศผลการคัดเลือกสหกรณ์ออมทรัพย์ครูตัวอย่าง จำนวน 12 สหกรณ์
2) จัดทำข้อตกลงความร่วมมือแก้ไขปัญหาหนี้สินครูและบุคลากรทางการศึกษาระหว่างกระทรวง ศึกษาธิการ กับสหกรณ์ออมทรัพย์ครูต้นแบบ กรมส่งเสริมสหกรณ์ และสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ
3) คณะกรรมการแก้ไขปัญหาหนี้สินครูและบุคลากรทางการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการจัดประชุมชี้แจง มอบนโยบาย และพบปะกับคณะกรรมการดำเนินการออมทรัพย์ครูต้นแบบ ผู้แทนส่วนราชการสังกัดกระทรวงศึกษาธิการระดับจังหวัด ผู้แทนกรมส่งเสริมสหกรณ์ในพื้นที่ สถาบันการเงินในพื้นที่ และผู้แทนสมาชิกสหกรณ์ออมทรัพย์ครูต้นแบบ
4) คณะกรรมการแก้ไขปัญหาหนี้สินครูและบุคลากรทางการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการร่วมประชุม Focus Group กับคณะกรรมการดำเนินการสหกรณ์ออมทรัพย์ครูต้นแบบ ผู้แทนส่วนราชการสังกัดกระทรวง ศึกษาธิการระดับจังหวัด และผู้แทนกรมส่งเสริมสหกรณ์ในพื้นที่ เพื่อรับฟังแนวทางการแก้ไขปัญหาหนี้สินครูและบุคลากรทางการศึกษา
5) คณะกรรมการแก้ไขปัญหาหนี้สินครูและบุคลากรทางการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการร่วมประชุม Focus Group กับผู้แทนสมาชิกสหกรณ์ออมทรัพย์ครูต้นแบบ เพื่อรับฟังปัญหา ความต้องการ และข้อเสนอ ในการแก้ไขหนี้สินครูและบุคลากรทางการศึกษา
6) คณะกรรมการแก้ไขปัญหาหนี้สินครูและบุคลากรทางการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการประชุมเจรจาแก้ไขปัญหาหนี้สินครูและบุคลากรทางการศึกษากับสถาบันการเงินในพื้นที่ร่วมกับสหกรณ์ออมทรัพย์ครูต้นแบบ
7) สหกรณ์ออมทรัพย์ครูต้นแบบจัดทำหรือปรับแผนการแก้ไขปัญหาหนี้สินครูและบุคลากรทาง การศึกษาตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการปัญหาหนี้สินครูและบุคลากรทางการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการ
8) สหกรณ์ออมทรัพย์ครูต้นแบบดำเนินการแก้ไขปัญหาหนี้สินครูและบุคลากรทางการศึกษาตามแผนและขอบเขตการดำเนินงาน ร่วมกับสถาบันการเงิน สำนักงานศึกษาธิการจังหวัด สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา กศน. สอศ. และ สกสค. ในพื้นที่
9) กำกับ ติดตาม และประเมินผลการแก้ไขปัญหาหนี้สินครูและบุคลากรทางการศึกษาโดยคณะกรรมการแก้ไขปัญหาหนี้สินครูและบุคลากรทางการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการ และผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการ จากกลุ่มเป้าหมาย 2 ส่วน คือ
9.1) สมาชิกของสหกรณ์ออมทรัพย์ครูต้นแบบ
9.2) ผลการดำเนินงานของสหกรณ์ออมทรัพย์ครูต้นแบบ
10) ศึกษาและถอดบทเรียนจากสหกรณ์ออมทรัพย์ครูต้นแบบ จำนวน 12 แห่ง และจัดทำชุดความรู้
11) รายงานผลการดำเนินงานและข้อเสนอเชิงนโยบายต่อคณะกรรมการแก้ไขปัญหาหนี้สินและบุคลากรทางการศึกษา และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
12) กระทรวงศึกษาธิการมอบโล่ประกาศเกียรติคุณ สหกรณ์ออมทรัพย์ครูต้นแบบที่เข้าร่วมโครงการ และจัดกิจกรรมเผยแพร่ประชาสัมพันธ์การแก้ไขปัญหาหนี้สินครูของสหกรณ์ออมทรัพย์ครู รวมถึงเผยแพร่ชุดความรู้ผ่านสื่อออนไลน์
ผลที่คาดว่าจะได้รับ
1. ได้เกิดการพัฒนาสหกรณ์ออมทรัพย์ครูตัวอย่างและสหกรณ์ออมทรัพย์ครูต้นแบบที่มีการบริหารจัดการและแก้ไขปัญหาหนี้สินครูและบุคลากรทางการศึกษาที่สามารถนำไปขยายผล จำนวน 12 รูปแบบ
2. เกิดการพัฒนาองค์ความรู้ นวัตกรรมเพื่อการแก้ไขปัญหาหนี้สินครูและบุคลากรทางการศึกษาลดความไม่เป็นธรรม ลดยอดหนี้ เกิดสภาพคล่องทางการเงิน มีคุณภาพชีวิต มีศักดิ์ศรี และมีวินัยทางการเงินอย่างน้อย 8 ประเด็น
3. เกิดการพัฒนากลไกการทำงานของภาคีเครือข่ายในการแก้ไขปัญหาหนี้สินครูและบุคลากรทางการศึกษาของสถาบันการเงิน ส่วนราชการ ตัวแทนสมาชิกสหกรณ์ออมทรัพย์ครู อย่างน้อย 3 กลไก
4. เกิดข้อเสนอเชิงนโยบายนำไปสู่การขับเคลื่อนเพื่อแก้ไขปัญหาหนี้สินครูและบุคลากรทางการศึกษา อย่างน้อย 3 ประเด็น
5. ครูและบุคลากรทางการศึกษามีสภาพคล่องในการชำระหนี้มีคุณภาพชีวิตที่ดีอยู่อย่างมีศักดิ์ศรีเป็นสมาชิกสหกรณ์ออมทรัพย์ครูที่มีคุณภาพ มีวินัยทางด้านการเงิน เกิดขวัญและกำลังใจในการทำงาน และส่งผลต่อคุณภาพการศึกษาและคุณภาพสังคมต่อไป