เมื่อพูดถึงยุทโธปกรณ์ของกองทัพเยอรมันในสงครามโลกครั้งที่สอง หลายคนคงจะนึกถึงรถถังก่อนเป็นอันดับแรกๆ โดยเฉพาะรถถังหนัก (heavy tank) ในช่วงปลายสงครามเช่น Tiger I และ Tiger II หรือ King Tiger ซึ่งแทบจะเป็นสัญลักษณ์หนึ่งของสงครามโลกครั้งที่สอง รถถังเหล่านี้แม้จะมีขีดความสามารถสูง แต่ก็ไม่ได้ปฏิบัติการแบบเดี่ยวๆตามที่มักปรากฏในหนัง Hollywood แต่จะสังกัดอยู่ในกองพันรถถังหนัก (schwere Panzerabteilung) ซึ่งเป็นหนึ่งในหน่วยรบสำคัญของเยอรมันตั้งแต่ช่วงกลางถึงปลายสงครามโลกครั้งที่สอง
สาเหตุที่กองพันรถถังหนักของเยอรมันพึ่งจะปรากฏเป็นรูปเป็นร่างขึ้นในช่วงกลางสงครามโลกครั้งที่สอง เป็นเพราะตามหลักนิยมสงครามสายฟ้าแลบ (Blitzkrieg) ต้นฉบับของไฮนซ์ กูเดเรียน (Heinz Guderian) ปฏิบัติการของกองทัพเยอรมันจะเน้นความรวดเร็วคล่องตัวเป็นหลัก ซึ่งไม่เหมาะกับคุณสมบัติของรถถังหนัก โดยกองทัพเยอรมันจะใช้รถถังกลาง (medium tank) จำนวน 2 รุ่นเป็นกำลังรบหลักคือ Panzer III ติดอาวุธปืนใหญ่ขนาด 37 มิลลิเมตร (ภายหลังเปลี่ยนเป็นขนาด 50 มิลลิเมตร) สำหรับต่อสู้รถถัง และรถถัง Panzer IV ติดปืนใหญ่ขนาด 75 มิลลิเมตร ลำกล้องสั้น สำหรับสนับสนุนทหารราบ (ภายหลังเปลี่ยนเป็นแบบลำกล้องยาวเพื่อต่อสู้รถถัง)
แม้รถถัง Panzer III และ Panzer IV จะเป็นกำลังรบหลักของเยอรมนี คว้าชัยชนะในสมรภูมิสำคัญๆในช่วงต้นสงครามทั้งในยุโรปตะวันตกและแอฟริกาเหนือ แต่ทว่าในแนวรบด้านตะวันออก เมื่อเยอรมนีเผชิญหน้ากับรถถังรุ่นใหม่ๆของสหภาพโซเวียตได้แก่รถถังกลาง T-34 และรถถังหนัก KV-1 และ KV-2 เยอรมนีก็พบว่าตัวเองมีความต้องการรถถังหนักที่มีเกราะหนาและอำนาจการยิงสูงขึ้น ได้แก่รถถังแบบ Tiger I ซึ่งเข้าประจำการช่วงปลายปี ค.ศ.1942 นำไปสู่การจัดตั้งกองพันรถถังหนักในช่วงระหว่างปี ค.ศ.1942 – 1943 โดยในช่วงแรกๆเยอรมนีจะจัดกองพันรถถังหนักให้มีทั้งรถถังหนักและรถถังกลางผสมกัน เช่นมีรถถัง Tiger I จำนวน 20 คันและ Panzer III จำนวน 16 คัน เป็นต้น ก่อนที่ภายหลังจะจัดให้มีเฉพาะรถถังหนัก Tiger I และ King Tiger (เข้าประจำการในปี ค.ศ.1944) จำนวน 45 คัน ประกอบด้วยกองร้อยรถถังหนัก 3 กองร้อยๆ ละ 14 คันและรถบัญชาการอีก 3 คัน เป็นมาตรฐานเดียวกัน
ภารกิจหลักของกองพันรถถังหนักคือการเป็นหัวหอกเจาะทะลวงแนวหน้าของข้าศึก เปิดทางให้ยานเกราะประเภทอื่นๆและทหารราบเคลื่อนที่ผ่านไป หลังเจาะแนวข้าศึกได้แล้ว รถถังหนักก็จะถอนตัวกลับไปที่แนวหลังเพื่อทำการซ่อมบำรุงก่อนจะรับภารกิจเจาะแนวหน้าของข้าศึกบริเวณอื่นต่อไป ด้วยเหตุนี้ในทางทฤษฎีการที่รถถังเยอรมันโดยเฉพาะตระกูล Tiger มีความซับซ้อน ต้องการการซ่อมบำรุงรักษาสูง จึงไม่เป็นอุปสรรคต่อหลักนิยมของกองทัพเยอรมันแต่อย่างใด ปัญหาคือในทางปฏิบัติหลังสมรภูมิคูร์ส (Battle of Kursk) ในเดือนกรกฎาคม ค.ศ.1943 เยอรมนีกลายเป็นฝ่ายตั้งรับ ต้องคอยรับมือฝ่ายสัมพันธมิตรที่ค่อยๆรุกเข้ามาทุกด้านทั้งในแนวรบด้านตะวันออก แนวรบด้านอิตาลี และแนวรบด้านตะวันตกหลังวัน D-Day ส่งผลให้กองพันรถถังหนักของเยอรมันต้องเคลื่อนกำลังสลับไปมาระหว่างแนวหน้าต่างๆเพื่ออุดช่องว่างในแนวหน้าของเยอรมันอยู่ตลอด ไม่มีเวลาพักซ่อมบำรุงรถถังอย่างเพียงพอ ประกอบกับช่วงปลายสงครามเยอรมนีประสบปัญหาขาดแคลนทั้งกำลังพลและยุทโธปกรณ์ส่งผลให้กองพันรถถังหนักแทบไม่เคยมีรถถังอยู่ในสภาพพร้อมใช้งานเต็มอัตราเลย
แม้จะประสบปัญหาขาดแคลนรวมถึงต้องเผชิญหน้ากับฝ่ายตรงข้ามที่มีกำลังพลมากกว่า แต่กองพันรถถังหนักของเยอรมันก็แสดงขีดความสามารถ เป็นที่ครั่นคร้ามของข้าศึก โดยกองพันรถถังหนักของเยอรมันสามารถทำลายรถถังฝ่ายสัมพันธมิตรได้รวมกันถึง 9,850 คัน โดยที่สูญเสียรถถังไปเพียง 1,715 คันเท่านั้น คิดเป็นอัตราส่วนโดยเฉลี่ยประมาณ 5.74 ต่อ 1 เสือรถถังที่มีชื่อเสียงของเยอรมันจำนวนมากก็สังกัดอยู่ในกองพันรถถังหนักเหล่านี้เช่น มิคาเอล วิทท์มานน์ (Michael Wittmann) สังกัดกองพันรถถังหนักเอสเอสที่ 501 (schwere SS-Panzerabteilung 501) แต้มทำลายรถถังข้าศึก 138 คัน ออตโต คาริอุส (Otto Carius) สังกัดกองพันรถถังหนักที่ 502 (schwere Panzerabteilung 502) แต้มทำลายรถถังข้าศึก 150 คัน และคูร์ท คนิสเปล (Kurt Knispel) สังกัดกองพันรถถังหนักที่ 503 (schwere Panzerabteilung 503) แต้มทำลายรถถังข้าศึก 168 คัน เป็นต้น
Panzerkampfwagen VI "Tiger II"
ทีเกอร์ 2 เป็นรถถังหนักสัญชาติเยอรมันในสงครามโลกครั้งที่สอง ชื่อที่ถูกตั้งขึ้นอย่างเป็นทางการคือ พันท์เซอร์คัมพฟ์วาเกิน ทีเกอร์ เอาสฟ์ เบ มักจะเรียกคำย่อว่า ทีเกอร์ เบ ชื่อที่ถูกตั้งขึ้นในคลังอาวุธยุโธปกรณ์คือ เอ็สเด.เคเอฟเซท. 182 (เอ็สเด.เคเอฟเซท. 267 และ 268 สำหรับยานพาหนะกองบัญชาการ) เป็นที่รู้จักกันภายใต้ชื่ออย่างไม่เป็นทางการว่า เคอนิจส์ทีเกอร์ (หมายความว่าพญาเสือ) ทหารสัมพันธมิตรเรียกว่า คิงไทเกอร์
ข้อมูลจำเพาะ
น้ำหนัก 9.8 ตัน
ความยาว 7.38 เมตร (ตัวถัง) 10.286 เมตร (รวมปืนใหญ่)
ความกว้าง 3.755 เมตร
ความสูง 3.09 เมตร
ลูกเรือ 5 นาย 5 นาย (ผู้บังคับ, พลปืน, พลบรรจุ, พลขับ, พลวิทยุ)
เกราะ 25–185 mm (1–7 in)
อาวุธหลัก ปืนใหญ่ 8.8 ซม.
อาวุธรอง ปืนกล 7.92 มม. สองกระบอก ที่ 5,850 รอบ
เครื่องยนต์ ไมบัค HL 230 P30 เบนซิน V-12 700 PS (690 hp, 515 kW)
กำลัง/น้ำหนัก 8.97 แรงม้า/ตัน
เครื่องถ่ายกำลัง Maybach OLVAR EG 40 12 16 B (8 เกียร์เดินหน้า, 4 เกียร์ถอย)
Panzerkampfwagen VI "Tiger"
พันเซอร์คัมฟ์วาเก็น 6 "ทีเกอร์" (เยอรมัน: Panzerkampfwagen VI „Tiger“) หรือเรียกว่า ทีเกอร์ไอน์ (เยอรมัน: Tiger I) ฝ่ายสัมพันธมิตรเรียก ไทเกอร์วัน เป็นรถถังหนักของกองทัพบกเยอรมันซึ่งถูกใช้ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง
ข้อมูลจำเพาะ (RfRuK VK 4501H Ausf.E, Blatt: G-330)
น้ำหนัก 54 ตัน 57 ตัน (แบบ E) (น้ำหนักพร้อมรบ)
ความยาว 6.316 เมตร (เฉพาะตัวถัง) 8.45 เมตร (รวมปืนใหญ่)
ความกว้าง 3.56 เมตร
ความสูง 3.00 เมตร
ลูกเรือ 5 นาย (ผู้บังคับ, พลปืน, พลบรรจุ, พลขับ, ผู้ช่วยพลขับ)
เกราะ 25–120 mm (0.98–4.72 in)
อาวุธหลัก ปืนใหญ่ 8.8 ซม. หนึ่งกระบอก พร้อมกระสุนเจาะเกราะ
อาวุธรอง ปืนกล 7.92 มม สองกระบอก
เครื่องยนต์ ไมบัค HL230 P45 V-12 700 PS (690 แรงม้า, 515 กิโลวัตต์)
พิสัยปฏิบัติการ 195 กิโลเมตร
Panzerkampfwagen V "Panther"
ข้อมูลจำเพาะ Panzerkampfwagen V Panther
น้ำหนัก 44.8 ตัน
ความยาว 6.87 เมตร (22 ft 6 in) 8.66 เมตร (28 ฟุต 5 นิ้ว) gun forward
ความกว้าง 3.27 เมตร (10 ft 9 in) 3.42 m (11 ft 3 in) with skirts
ความสูง 2.99 เมตร (9 ft 10 in)
เกราะ 80 ม.ม. (ด้านหน้า) ลาดเอียง 55°
อาวุธหลัก 1 × 7.5 cm KwK 42 L/70
อาวุธรอง 2 × 7.92 mm MG 34 machine guns
เครื่องยนต์ V-12 petrol Maybach HL230 P30 700 PS (690 hp, 515 kW)
พิสัยปฏิบัติการ 250 กิโลเมตร (160 mi)
ความเร็ว 55 km/h (34 mph) (first models), 46 km/h (29 mph) (later models)
พันเทอร์ (เยอรมัน: Panther) หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า พันท์เซอร์ 5 (Panzer V) ชื่ออย่างเป็นทางการคือ Panzerkampfwagen V Panther เป็นรถถังขนาดกลางของนาซีเยอรมนีที่ถูกใช้ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง เป็นหนึ่งในรถถังที่ต่อสู้กับยานเกราะสัมพันธ์มิตรได้อย่างดี เพราะทั้งเกราะหนาและปืนขนาด75มิลเมตรทำให้ได้เปรียบในการต่อสู้ ซึ่งถูกออกแบบในช่วงปี ค.ศ. 1941
Panzerkampfwagen Pz.Kpfw. IV "Panzer IV"
พันท์เซอร์คัมพฟ์วาเกิน 4 (เยอรมัน: Panzerkampfwagen (อักษรย่อ Pz.Kpfw. IV)) หรือที่เรียกในอีกชื่อหนึ่งคือ พันท์เซอร์ 4 เป็นรถถังขนาดกลางซึ่งถูกสร้างขึ้นโดยเยอรมันในช่วงยุคปี ค.ศ. 1930 - ค.ศ. 1940 และได้ถูกใช้อย่างแพร่หลายในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง พันท์เซอร์ 4 นั้น ถูกออกแบบมาเพื่อใช้ในการสนันสนุนทหารราบ ไม่ได้ออกแบบมาเพื่อเข้าต่อตีกับรถถังโดยตรง ซึ่ง ณ ขณะนั้น รถถังที่ใช้ในการต่อสู้รถถังด้วยกันของเยอรมันนั้นเป็นรุ่น พันท์เซอร์ 3 แต่เมื่อเยอรมัน ต้องเจอกับสมรรถนะรถถัง ที-34 ของโซเวียตที่ดีกว่า ทำให้ต้องพัฒนา พันท์เซอร์ 4 เป็นรถถังที่ใช้ในการต่อสู้รถถังในที่สุด พันท์เซอร์ 4 ถูกผลิตขึ้นเป็นจำนวนมาก ตัวถังของ พันท์เซอร์ 4 นั้น ได้ถูกนำไปพัฒนาต่อเป็นรถถังในอีกหลายๆรุ่น เช่น รถถังจู่โจม Sturmgeschütz 4, รถถังพิฆาตยานเกราะ Jagdpanzer 4, รถถังต่อสู้อากาศยาน Wirbelwind, ปืนใหญ่อัตราจร Brummbär เป็นต้น
ข้อมูลจำเพาะ (Pz IV Ausf H, 1943)
น้ำหนัก 25 ตัน
ความยาว 5.92 เมตร (19.4 ฟุต) รวมความยาวปืน 7.02 เมตร (23.0 ฟุต)
ความกว้าง 2.88 m (9 ft 5 in)
ความสูง 2.68 m (8 ft 10 in)
ลูกเรือ 5 (ผบ. รถถัง, พลปืน, พลบรรจุกระสุน, พลขับ, พลวิทยุ)
เกราะ 10–80 mm (0.39–3.15 in)
อาวุธหลัก 7.5 cm (2.95 in) KwK 40 L/48 ปืนหลัก
อาวุธรอง 2–3 × 7.92-mm Maschinengewehr 34
เครื่องยนต์ 12-cylinder Maybach HL 120 TRM V12 300 PS (296 hp, 220 kW)
พิสัยปฏิบัติการ 200 km (120 mi)
Panzerkampfwagen Pz.Kpfw. III "Panzer III"
พันท์เซอร์คัมพฟ์วาเกิน 3 (เยอรมัน: Panzerkampfwagen (อักษรย่อ Pz.Kpfw. III) หรือที่เรียกในอีกชื่อหนึ่งคือ พันท์เซอร์ไดร (Panzer III) เป็นรถถังเบาขนาดใหญ่ซึ่งเยอรมนีสร้างขึ้นในช่วงยุค ค.ศ. 1930 และกองทัพเยอรมันได้ใช้อย่างแพร่หลายในสงครามโลกครั้งที่ 2
ข้อมูลจำเพาะ Panzerkampfwagen Pz.Kpfw. III
น้ำหนัก 23.0 ตัน (25.4 short ton)
ความยาว 5.56 เมตร (18 ft 3 in)
ความกว้าง 2.90 เมตร (9 ft 6 in)
ความสูง 2.5 เมตร (8 ft 2 in)
ลูกเรือ 5 (ผบ. รถถัง, พลปืน, พลบรรจุกระสุน, พลขับ, พลวิทยุ)
เกราะ Ausf A-C: 15 mm all around
Ausf D-G: 30 mm all around
Ausf J+: 50 mm all around
อาวุธหลัก 1 × 3.7 cm KwK 36 Ausf. A-F
1 × 5 cm KwK 38 Ausf. F-J
1 × 5 cm KwK 39 Ausf. J¹-M
1 × 7.5 cm KwK 37 Ausf. N
เครื่องยนต์ 12-cylinder Maybach HL 120 TRM 00 PS (296 hp, 220 kW)
กำลัง/น้ำหนัก 12 hp (9.6 kW) / tonne
พิสัยปฏิบัติการ 65 กิโลเมตร (103 mi)
Panzerkampfwagen II PzKpfw II "Panzar II"
พันท์เซอร์ 2 เป็นชื่อสามัญที่ใช้สำหรับตระกูลรถถังเยอรมันที่ถูกใช้งานในสงครามโลกครั้งที่สอง ชื่ออย่างเป็นทางการของภาษาเยอรมันคือ พันท์เซอร์คัมพฟ์วาเกิน 2 (Panzerkampfwagen II, ย่อว่า PzKpfw II).
แม้ว่ายานพาหนะนี้ในช่วงแรกได้รับการออกแบบอย่างเป็นขั้นตอน ในขณะที่รถถังขนาดใหญ่, ขั้นสูงได้ถูกพัฒนาขึ้น แต่อย่างไรก็ตามยังคงมีบทบาทสำคัญในช่วงปีแรกของสงครามโลกครั้งที่สองในช่วงระหว่างการทัพโปแลนด์และฝรั่งเศส พันท์เซอร์ 2 เป็นรถถังที่มีจำนวนมากที่สุดในกองพลพันท์เซอร์ของเยอรมันในช่วงเริ่มต้นของสงคราม มันยังได้ถูกนำไปใช้ในแอฟริกาเหนือที่ต่อสู้ปะทะกับฝ่ายสัมพันธมิตรตะวันตกและบนแนวรบด้านตะวันออกที่ต่อสู้ปะทะกับสหภาพโซเวียต
ข้อมูลจำเพาะ (Ausf. c-C)
น้ำหนัก 8.9 ตัน
ความยาว 4.81 m (15 ft 9 in)
ความกว้าง 2.22 m (7 ft 3 in)
ความสูง 1.99 m (6 ft 6 in)
ลูกเรือ 3 คน ผู้บังคับการรถัง/พลยิง , พลขับ , พลบรรจุ
เกราะ 5–15 mm (0.20–0.59 in)
อาวุธหลัก 1 × 2 cm KwK 30 Ausf. a–F
1 × 2 cm KwK 38 Ausf. J–L
อาวุธรอง 1 × 7.92 mm Maschinengewehr 34
เครื่องยนต์ Maybach HL 62TRM 6-cylinder petrol
กำลัง/น้ำหนัก 15.7 PS (11.6 kW) / tonne
พิสัยปฏิบัติการ บนถนน 190 กิโลเมตร (120 ไมล์)
Panzerkampfwagen Pz.Kpfw. 35 (t)
พันท์เซอร์คัมพฟ์วาเกิน 35(เท) ชื่อเรียกทั่วไปได้ถูกย่อสั้นว่า พันท์เซอร์ 35(เท) หรือย่อด้วยคำว่า Pz.Kpfw. 35(t), เป็นรถถังเบาที่ถูกออกแบบโดยเชโกสโลวาเกียที่ถูกใช้เป็นส่วนใหญ่โดยนาซีเยอรมนีในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ตัวอักษรคำว่า (ที) หมายถึง tschechisch (German: "Czech") ได้ประจำการอยู่ในเชโกสโลวาเกีย มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า รถถัง Lehký vzor 35 (รถถังเบาแบบ 35) แต่โดยปกติแล้วจะถูกเรียกว่า LT vz. 35 หรือ LT-35.
ข้อมูลจำเพาะ (Panzerkampfwagen 35(t))
น้ำหนัก 10.5 ตัน (10.3 long ton; 11.6 short ton)
ความยาว 4.90 เมตร (16 ft 1 in)
ความกว้าง 2.06 เมตร (6 ft 9 in)
ความสูง 2.37 เมตร (7 ft 9 in)
ลูกเรือ 4 (3 in original design)
อาวุธหลัก 3.7 m (1.5 in) KwK 34(t) gun
อาวุธรอง 2 x 7.92 mm (0.3 in) MG 37(t) machine gun
เครื่องยนต์ 4-cylinder, water-cooled Škoda T11/0 gasoline 20 hp (89kW)
กำลัง/น้ำหนัก 11 hp/tonne
เครื่องถ่ายกำลัง 6 x 6
กันสะเทือน leaf spring
ความจุเชื้อเพลิง 153 l (40 US gal)
พิสัยปฏิบัติการ 120 km (75 mi)[1] or 190 km (120 mi)
ความเร็ว 34 km/h (21 mph)
Panzerkampfwagen Pz. 38 (t)
พันท์เซอร์คัมพฟ์วาเกิน 38(เท) แต่เดิมเป็นรถถังของเชโกสโลวาเกียที่ถูกออกแบบในช่วงก่อนสงครามโลกครั้งที่สอง ภายหลังเชโกสโลวาเกียถูกยึดครองโดยเยอรมนี มันได้ถูกครอบครองโดยกองทัพเยอรมัน ซึ่งจะแสดงให้เห็นในทำหน้าที่ในการบุกครองโปแลนด์ ฝรั่งเศส และสหภาพโซเวียต การผลิตได้สิ้นสุดลงในปี ค.ศ. 1942 เมื่ออาวุธยุทธภัณฑ์หลักยังถือว่าไม่เพียงพอ ด้วยที่มีทั้งหมด 1,400 คันของ Pz. 38(t) ที่ถูกผลิตขึ้น ตัวฐานรถถังของ Pz. 38(t) ยังคงผลิตขึ้นอย่างต่อเนื่องสำหรับรถถังมาร์เดอร์ 3 (ค.ศ.1942-1944) กับด้วยส่วนประกอบบางส่วนที่ถูกใช้ในเวลาต่อมาคือ ยากด์แพนเซอร์ 38 (ค.ศ. 1944-1945) รถถังพิฆาตและยานพาหนะที่แตกต่างกันออกไป
ข้อมูลจำเพาะ
น้ำหนัก 9.725–9.85 ตัน (9.571–9.694 long ton; 10.720–10.858 short ton)
ความยาว 4.61 m (15 ft 1 in)
ความกว้าง 2.14 m (7 ft 0 in)
ความสูง 2.25 m (7 ft 5 in) (overall)
ลูกเรือ 4 ( ผู้บังคับการ , พลขับ , ผู้ช่วยพลขับ , พลบรรจุ)
เกราะ 8–30 mm (Ausf. A–D)
8–50 mm (Ausf. E–G)
อาวุธหลัก 37 mm KwK 38(t) L/47.8
อาวุธรอง 2× 7.92 mm ZB-53 (MG 37(t)) machine guns
เครื่องยนต์ Praga Typ TNHPS/II
water-cooled, 6-cylinder gasoline engine
123.3 hp (125 PS, 91.9 kW)
กำลัง/น้ำหนัก 13.15 PS/tonne
เครื่องถ่ายกำลัง 5 + 1 Praga-Wilson Typ CV
Panzerkampfwagen VIII "Maus"
ยานรบหุ้มเกราะที่ 8 "เมาส์" (เยอรมัน: Panzerkampfwagen VIII „Maus“) เป็นสุดยอดรถถังหนักของนาซีเยอรมนีในสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง ซึ่งถูกกล่าวขานว่า เป็นรถถังที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกและมีเกราะที่หนามากยากนักที่กระสุนใดๆจะเจาะเกราะเข้ามาได้ สร้างขึ้นสำเร็จในช่วงหลังปี 1944 Maus นั้นถือว่าเป็นรถถังประจัญบานขนาดใหญ่ที่มีเกราะหนาที่สุดเท่าที่นาซีเยอรมันได้สร้างขึ้นมา มีการสั่งให้สร้างทั้งหมด 5 คัน แต่ทว่ามีเพียงเกราะตัวถัง 2 อันและเกราะป้อมปืน 1 อันเท่านั้นที่สร้างได้สำเร็จ ซึ่งก่อนที่จะทำการทดลองวิ่งนั้นก็ถูกกองทัพโซเวียตบุกยึดฐานไปเสียก่อน
ข้อมูลจำเพาะ
น้ำหนัก 188 ตัน (207 short ton; 185 long ton)
ความยาว 10.2 เมตร (33 ฟุต 6 นิ้ว)
ความกว้าง 3.71 เมตร (12 ฟุต 2 นิ้ว)
ความสูง 3.63 เมตร (11 ฟุต 11 นิ้ว)
ลูกเรือ 6
เกราะ 220 mm (8.7 in) (เกราะป้อมปืนหน้า)
200 mm (7.9 in) (เกราะป้อมปืนข้างและเกราะหลัง)
200 mm (7.9 in) (เกราะตัวรถด้านหน้า)
180 mm (7.1 in) (เกราะตัวรถด้านข้าง)
150 mm (5.9 in) (เกราะตัวรถด้านหลัง)
อาวุธหลัก 128 mm (5 in) KwK 44 gun L/55 (68 นัด)
อาวุธรอง 75 mm (3 in) KwK 44 gun L/36.5 (co-axial) (100 นัด)
7.92 mm (0.31 in) MG 34 machine gun (co-axial) (1,000 นัด)
เครื่องยนต์ (V1) MB509 V12 petrol engine, DB 603 derivative
(V2) MB 517 V12 diesel engine (V2) (V1) 1,080 hp (805 kW) (V2) 1,200 hp (895 kW)
กำลัง/น้ำหนัก 6.4 แรงม้า/ตัน