https://tdc.thailis.or.th/tdc/
Title
คุณภาพการให้บริการประชาชนขององค์การบริหารส่วนตำบลในเขตอำเภอหัวตะพาน จังหวัดอำนาจเจริญ
Title Alternative
Service Quality of Tambon Administrative Organizations in Huatapan District, Amnatchareon Province
Creator
Name: สุนทร ฤกษ์ใหญ่
Subject
keyword: คุณภาพบริการ
ThaSH: องค์การบริหารส่วนตำบล
Description
Abstract: การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาคุณภาพการให้บริการประชาชนขององค์การบริหารส่วนตำบลในเขตอำเภอหัวตะพาน จังหวัดอำนาจเจริญ และเปรียบเทียบความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับคุณภาพการให้บริการประชาชนขององค์การบริหารส่วนตำบลในเขตอำเภอ หัวตะพาน จังหวัดอำนาจเจริญ จำแนกตามเพศ อายุ รายได้/เดือน อาชีพ การศึกษา สถานภาพสมรส กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในงานวิจัยครั้งนี้ เป็นประชาชนในเขตอำเภอหัวตะพาน จังหวัดอำนาจเจริญ จำนวน 29,418 คน โดยกำหนดขนาดกลุ่มตัวอย่างตามเกณฑ์ตารางสำเร็จของ Krejcie และ Morgan ได้ขนาดกลุ่มตัวอย่าง จำนวน 380 คน โดยการสุ่มตัวอย่างแบบชั้นภูมิแบบไม่เป็นสัดส่วน (Disproportionate Stratified Sampling) เครื่องมือในการวิจัยเป็นแบบสอบถามแบบมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ มีค่าความเชื่อมั่นของแบบสอบถามทั้งฉบับ เท่ากับ .88 สถิติที่ใช้ ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การทดสอบค่า t และ การทดสอบค่า F ผลการวิจัยพบว่า 1. คุณภาพการให้บริการประชาชนขององค์การบริหารส่วนตำบลในเขตอำเภอ หัวตะพาน พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามเห็นว่า คุณภาพการให้บริการโดยภาพรวมอยู่ในระดับดี ( = 3.77) เมื่อพิจารณาคุณภาพเป็นรายด้านเรียงลำดับ ค่าเฉลี่ยจากมากไปน้อย คือ ด้านสถานที่ในการให้บริการ ( = 3.85) ด้านความเสมอภาคในการให้บริการ ( = 3.83) ด้านการประสานงานที่ต่อเนื่อง ( = 3.81) ด้านกระบวนการให้บริการ ( = 3.72) และด้านความพร้อมในการให้บริการ ( = 3.65) ตามลำดับ 2. เปรียบเทียบความคิดเห็นของประชาชนที่มีต่อคุณภาพการให้บริการประชาชนขององค์การบริหารส่วนตำบลในเขตอำเภอหัวตะพาน จังหวัดอำนาจเจริญ จำแนกตามเพศ อายุ รายได้/เดือน อาชีพ การศึกษา และสถานภาพสมรส พบว่า 2.1 กลุ่มตัวอย่างที่มีรายได้ การศึกษา สถานภาพสมรส ต่างกันเห็นว่า คุณภาพการให้บริการขององค์การบริหารส่วนตำบลในเขตอำเภอหัวตะพาน ทั้งภาพรวมและรายด้านไม่แตกต่างกัน 2.2 กลุ่มตัวอย่างที่มีเพศต่างกัน เห็นว่า คุณภาพการให้บริการในภาพรวมและรายด้านไม่แตกต่างกัน ยกเว้น ด้านกระบวนการให้บริการและด้านการประสานงานที่ต่อเนื่อง มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 2.3 กลุ่มตัวอย่างที่มีอายุต่างกัน เห็นว่า คุณภาพการให้บริการในภาพรวมไม่แตกต่างกัน ยกเว้น ด้านการประสานงานที่ต่อเนื่อง แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 2.4 กลุ่มตัวอย่างที่มีอาชีพต่างกัน เห็นว่า คุณภาพการให้บริการในภาพรวมและด้านสถานที่ในการให้บริการแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ส่วนด้านอื่นๆ ไม่แตกต่างกัน This research aimed to study and compare service quality of Tambon administrative organizations in Huatapan District, Amnatchareon Province as perceived by people who received the services as they were classified according to their gender, age, income, occupation, education, and marital status. The sample group consisted of 380 people selected by means of the disproportionate stratified random sampling from the population of 29,418 people living Huatapan District. The sample size was determined using Krejcie and Morgan Table. The research instrument was a questionnaire with a five-level rating scale yielding the reliability value of .88. The data were analyzed using descriptive statistics which included percentage, mean, standard deviation, t-test, and F-test. The findings were as follows: 1. The overall service quality of Tambon administrative organizations in Huatapan District was found to be at good level, with service quality in individual aspects, all at good level, in a descending order from high to low as follows: place, service equity, service coordination, service process, and service readiness. 2. The comparison of the service quality as perceived by people of different groups yielded the results as follows: 2.1 The people who were different in income, education, and marital status were not significantly different in their perceptions about the service quality of the Tambon administrative organizations. 2.2 There was no significant difference in the perceptions of those who were different in gender regarding the overall service quality. Their perceptions regarding the service quality in the aspects of service process and service coordination were, however, significantly different at the level of .05. 2.3 There was no significant difference in the perceptions of those who were different in age regarding the overall service quality. Their perceptions regarding the service quality in the aspect of service coordination were, however, significantly different at the level of .05. 2.4 The people who were different in occupation were significantly different, at the level of .05, in their perceptions about the overall service quality and the service quality in the aspect of place. There perceptions about the service quality in the other aspects were not significantly different.
Publisher
มหาวิทยาลัยราชภัฎอุบลราชธานี. สำนักวิทยบริการและเทคโนโลยีสารสนเทศ
Address: อุบลราชธานี
Email: info.lib@ubru.ac.th
Contributor
Name: ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.กิตติมา จึงสุวดี
Role: ประธานกรรมการที่ปรึกษา
Name: ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ประนอม คำผา
Role: กรรมการที่ปรึกษา
Date
Created: 2554
Modified: 2557-03-13
Issued: 2554-08-04
Type
วิทยานิพนธ์/Thesis
Format
application/pdf
Identifier
URL:URL://www.lib.ubru.ac.th/thesis/Sunthorn_2554/title.pdf
Language
tha
Thesis
DegreeName: บริหารธุรกิจมหาบัณฑิต
Level: ปริญญาโท
Descipline: การจัดการ
Grantor: มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี
Rights
©copyrights มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี
สุนทร ฤกษ์ใหญ่ (2554). คุณภาพการให้บริการประชาชนขององค์การบริหารส่วนตำบลในเขตอำเภอหัวตะพาน จังหวัดอำนาจเจริญ มหาวิทยาลัยราชภัฎอุบลราชธานี. สำนักวิทยบริการและเทคโนโลยีสารสนเทศ.
ชินวัตร เจริญนิตย์
สาขาวิชาการบริหารการศึกษา คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี
ภาณุพงษ์ บุญรมย์
สาขาวิชาการบริหารการศึกษา คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี
สุวิมล โพธิ์กลิ่น
สาขาวิชาการบริหารการศึกษา คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ดังนี้ 1) เพื่อศึกษาสภาพและปัญหาทักษะการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล ในการบริหารสถานศึกษา 2) เพื่อเปรียบเทียบสภาพและปัญหาทักษะการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในการบริหารสถานศึกษา จำแนกตามเพศ อายุ ประสบการณ์ทำงานในตำแหน่งผู้บริหารสถานศึกษา และขนาดสถานศึกษา 3) เพื่อศึกษาแนวทางการส่งเสริมทักษะการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในการบริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุบลราชธานี เขต 1 การวิจัยนี้เป็นการวิจัยแบบผสมผสาน ประชากรที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ ผู้บริหารสถานศึกษา ในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุบลราชธานี เขต 1 จำนวน 241 คน ใช้วิธีสุ่มอย่างง่าย โดยการสุ่มตัวเลขจำนวน 155 ตัวอย่าง รวมกลุ่มตัวอย่างทั้งสิ้น 155 คน เครื่องมือที่ใช้เป็นแบบสอบถาม และแบบสัมภาษณ์ มีค่าระดับความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.98 สถิติที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การทดสอบค่าที และการทดสอบค่าเอฟ
ผลการวิจัยพบว่า 1) สภาพและปัญหาทักษะการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในการบริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุบลราชธานี เขต 1 โดยภาพรวมอยู่ในระดับมากและปานกลางตามลำดับ ทักษะที่มีสภาพและปัญหามากที่สุด คือ ทักษะการสืบค้นข้อมูลและทักษะการสร้างนวัตกรรมดิจิทัล ตามลำดับ 2) ผลการเปรียบเทียบสภาพและปัญหาทักษะการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในการบริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุบลราชธานี เขต 1 จำแนกตามเพศ อายุ พบว่า ทั้งสภาพและปัญหา โดยภาพรวมมีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.01 ด้านการจำแนกตามประสบการณ์ทำงานในตำแหน่งผู้บริหารสถานศึกษาไม่มีความแตกต่างกัน และจำแนกตามขนาดสถานศึกษา โดยภาพรวมมีปัญหาแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.01 ส่วนสภาพทักษะการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลไม่มีความแตกต่างกัน 3) แนวทางการส่งเสริมทักษะการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในการบริหารสถานศึกษา พบว่าผู้บริหารควรเปิดใจรับความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี สร้างขวัญกำลังใจในการพัฒนานวัตกรรมแก่บุคลากร และกระตุ้นให้บุคลากรในองค์กรของตัวเอง ได้รับความรู้ ความเข้าใจและฝึกทักษะปฏิบัติเพื่อให้สามารถนำพาองค์กรไปสู่องค์กรดิจิทัลได้
ชินวัตร เจริญนิตย์ ภาณุพงษ์ บุญรมย์ และสุวิมล โพธิ์กลิ่น (2566). สภาพและปัญหาทักษะการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในการบริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุบลราชธานี เขต 1. วารสารวิชาการมหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษ. ปีที่ 17 ฉบับที่ 2 (2566) :98-113.
: นาย วันชัย ลมชาย
: ครู
: ครูและบุคลากรทางการศึกษา
: 2565
: 177
บทคัดย่อ (Abstract)
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อพัฒนาสื่อประสม เรื่อง ระบบย่อยอาหาร ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 2) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเรื่อง ระบบย่อยอาหารของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ก่อนและหลังจากการจัดการเรียนรู้โดยใช้สื่อประสม และ 3) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ที่มีต่อสื่อประสม เรื่อง ระบบย่อยอาหาร ประชากรที่ใช้คือ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 จำนวน 10 คน ระยะเวลาที่ใช้ในการทดลองรวม 10 สัปดาห์ เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย 1) สื่อประสม เรื่อง ระบบย่อยอาหาร 2) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน 3) แบบสอบถามความพึงพอใจ สถิติที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ ค่าเฉลี่ย
นาย วันชัย ลมชาย (2565). การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาวิทยาศาสตร์ เรื่อง ระบบย่อยอาหารของนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนอนุบาลกิติยา โดยการใช้สื่อประสม is licensed under a Creative Commons Attribution-Non Commercial-NoDerivatives 3.0 Thailand License. มหาสารคาม สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาเอกชน.
The Educator's Lens: Understanding the Impact of AI on Management Education
Navita Vashista; Preeti Gugnani; Manju Bala; Anuj Kumar
International Journal of Education and Development using Information and Communication Technology, v19 n3 p9-27 2023
This study aims to investigate the impact of AI on management education and its implications for both students and educational institutions from the educator's perspective. As AI technologies continue to advance, it is crucial to understand how educators perceive and adapt to these changes in their teaching practices and the implications for management education. The study employs a qualitative research methodology, including interviews conducted with educators in management schools and institutions. Through in-depth interviews, the research examines how educators perceive AI's impact on teaching methodologies, curriculum design, and student engagement. The results show how educators view AI's impact on management education. AI can improve teaching, student engagement, and decision-making, according to educators. They also emphasize the significance of humanizing AI, critical thinking, and ethical considerations in the classroom. The study finds that educators need continual professional development and training to navigate AI in management education. To responsibly integrate AI technology into management education, instructors, educational institutions, and AI developers must work together. This research article sheds light on management educators' views on AI's impact. It provides a platform for conversations, policymaking, and strategic planning to utilize AI's potential while protecting quality education and human engagement in management learning environments.
Descriptors: Artificial Intelligence, Administrator Education, Technology Uses in Education, Teaching Methods, Technological Advancement, Teacher Attitudes, Curriculum Design, Learner Engagement, Technology Integration, Educational Environment, College Faculty
International Journal of Education and Development using Information and Communication Technology. University of the West Indies Open Campus, Cavehill, Bridgetown, Barbados, BB11000, West Indies. e-mail: chiefeditor-ijedict@open.uwi.edu; Web site: http://ijedict.dec.uwi.edu/
Publication Type: Journal Articles; Reports - Research
Education Level: Higher Education; Postsecondary Education
Audience: N/A
Language: English
Sponsor: N/A
Authoring Institution: N/A
Grant or Contract Numbers: N/A
Facebook TwitterDepartment of EducationInstitute of Education Statistics
มุมมองของผู้ให้การศึกษา: ทำความเข้าใจผลกระทบของ AI ต่อการศึกษาด้านการจัดการ
Navita Vashista; Preeti Gugnani; Manju Bala; Anuj Kumar
วารสารการศึกษาและการพัฒนาระหว่างประเทศโดยใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ฉบับที่ 19 ฉบับที่ 3 หน้า 9-27 2023
การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อตรวจสอบผลกระทบของ AI ต่อการศึกษาด้านการจัดการและผลกระทบต่อทั้งนักเรียนและสถาบันการศึกษาจากมุมมองของผู้ให้การศึกษา เนื่องจากเทคโนโลยี AI ยังคงก้าวหน้าต่อไป จึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องเข้าใจว่าผู้ให้การศึกษารับรู้และปรับตัวอย่างไรกับการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ในแนวทางการสอนและผลกระทบต่อการศึกษาด้านการจัดการ การศึกษานี้ใช้ระเบียบวิธีการวิจัยเชิงคุณภาพ รวมถึงการสัมภาษณ์ที่ดำเนินการกับผู้ให้การศึกษาในโรงเรียนและสถาบันการจัดการ ผ่านการสัมภาษณ์เชิงลึก การวิจัยนี้จะตรวจสอบว่าผู้ให้การศึกษารับรู้ผลกระทบของ AI ต่อวิธีการสอน การออกแบบหลักสูตร และการมีส่วนร่วมของนักเรียนอย่างไร ผลลัพธ์แสดงให้เห็นว่าผู้ให้การศึกษามองว่า AI มีผลกระทบต่อการศึกษาด้านการจัดการอย่างไร AI สามารถปรับปรุงการสอน การมีส่วนร่วมของนักเรียน และการตัดสินใจ ตามที่นักการศึกษากล่าว พวกเขายังเน้นย้ำถึงความสำคัญของการทำให้ AI กลายเป็นมนุษย์ การคิดวิเคราะห์ และการพิจารณาทางจริยธรรมในห้องเรียน การศึกษาพบว่านักการศึกษาต้องได้รับการพัฒนาและฝึกอบรมอย่างต่อเนื่องเพื่อนำทาง AI ในการศึกษาการจัดการ เพื่อบูรณาการเทคโนโลยี AI เข้ากับการศึกษาการจัดการอย่างมีความรับผิดชอบ ผู้สอน สถาบันการศึกษา และนักพัฒนา AI จะต้องทำงานร่วมกัน บทความวิจัยนี้ให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับมุมมองของนักการศึกษาการจัดการเกี่ยวกับผลกระทบของ AI โดยให้แพลตฟอร์มสำหรับการสนทนา การกำหนดนโยบาย และการวางแผนเชิงกลยุทธ์เพื่อใช้ศักยภาพของ AI ในขณะที่ปกป้องการศึกษาที่มีคุณภาพและการมีส่วนร่วมของมนุษย์ในสภาพแวดล้อมการเรียนรู้การจัดการ
คำอธิบาย: ปัญญาประดิษฐ์ การศึกษาของผู้ดูแลระบบ การใช้เทคโนโลยีในการศึกษา วิธีการสอน ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ทัศนคติของครู การออกแบบหลักสูตร การมีส่วนร่วมของผู้เรียน การบูรณาการเทคโนโลยี สภาพแวดล้อมทางการศึกษา คณะวิทยาลัย
วารสารการศึกษาและการพัฒนาระหว่างประเทศโดยใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร มหาวิทยาลัยเวสต์อินดีส วิทยาเขตเปิด เคฟฮิลล์ บริดจ์ทาวน์ บาร์เบโดส BB11000 เวสต์อินดีส อีเมล: chiefeditor-ijedict@open.uwi.edu เว็บไซต์: http://ijedict.dec.uwi.edu/
ประเภทสิ่งพิมพ์: บทความวารสาร รายงาน - การวิจัย
ระดับการศึกษา: การศึกษาระดับสูง การศึกษาระดับหลังมัธยมศึกษา
กลุ่มเป้าหมาย: N/A
ภาษา: อังกฤษ
ผู้สนับสนุน: N/A
สถาบันผู้แต่ง: N/A
หมายเลขทุนหรือสัญญา: N/A
Facebook Twitterกรมการศึกษาสถาบันสถิติการศึกษา
Navita Vashista, Preeti Gugnani,Manju Bala and Anuj Kumar (2024). The Educator's Lens: Understanding the Impact of AI on Management Education.AN EVALUATION OF THE MANAGERIAL CONTEXT FOR DIGITAL TRANSFORMATION IN THE CONTEXT OF OPEN EDUCATION IN HIGHER EDUCATION 2024. Volume 25 Number 3 : Page 225-242