ปาล์มน้ำมัน เป็นพืชตระกูลปาล์มลักษณะลำต้นเดี่ยว ขนาดลำต้นประมาณ 12 -20 นิ้ว เมื่ออายุประมาณ 1-3 ปี ลำต้นจะถูกหุ้มด้วยโคนกาบใบ แต่เมื่ออายุมากขึ้นโคนกาบใบจะหลุดร่วงเห็นลำต้นชัดเจน ผิวของลำต้นคล้ายๆ ต้นตาล ลักษณะใบเป็นรูปก้างปลา โคนกาบใบจะมีลักษณะเป็นซี่ คล้ายหนามแต่ไม่คมมาก เมื่อไปถึงกลางใบหนามดังกล่าวจะพัฒนาเป็นใบ การออกดอกเป็นพืชที่แยกเพศ คือต้นที่เป็นเพศผู้ก็จะให้เกสรตัวผู้อย่างเดียว ต้นที่ให้เกสรตัวเมียจึงจะติดผล
ลักษณะผลเป็นทะลายผลจะเกาะติดกันแน่นจนไม่สามารถสอดนิ้วมือเข้าไปที่ก้านผลได้ เวลาเก็บผลปาล์มจึงต้องใช้มีดงอ(มีดขอ)เกี่ยวที่โคนทะลายแล้วดึงให้ขาด ก่อนที่จะตัดทะลายปาล์มต้องตัดทางปาล์มก่อนเพราะผลปาล์มจะตั้งอยู่บนทางปาล์ม กระบวนการตัดทาง(ใบ)ปาล์มและตัดเอาทะลายปาล์มลง เรียกรวมๆ ว่า แทงปาล์ม ปาล์มน้ำมันจัดเป็น พืชเศรษฐกิจ มีถิ่นกำเนิดอยู่ในทวีปแอฟริกา เป็นพืชที่ให้ผลผลิต น้ำมันต่อหน่วยพื้นที่สูงกว่าพืชน้ำมันทุกชนิด
สามารถนำมาแปรรูปทำเป็นทั้งในรูปแบบของน้ำมันพืชที่ใช้ในการประกอบอาหาร และใช้เป็นวัตถุดิบในอุตสาหกรรมอาหารต่างๆ เช่น ขนมขบเคี้ยว บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป นมข้นหวาน ครีมและเนยเทียม เป็นวัตถุดิบในการผลิตพลังงานทดแทน ไบโอดีเซลรวมถึงเป็นส่วนผสมในเพื่อช่วยลดการใช้น้ำมันดีเซล เพิ่มความมั่นคงทางด้านพลังงานให้กับประเทศ อีกทั้งยังจะช่วยลดปัญหาผลกระทบทางด้านสิ่งแวดล้อมอีกด้วย และยังสามารถแปรรูปเป็น สบู่ ผงซักฟอก เครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์เคมีภัณฑ์ต่างๆ และอาหารสัตว์ ด้วย ใบมาบดเป็นอาหารสัตว์ กะลาปาล์มเป็นวัตถุดิบเชื้อเพลิง ทะลายปาล์มใช้เพาะเห็ด และกระทั่งการปลูกลงดินไปแล้วก็ช่วยในการดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ในการช่วยลดภาวะโลกร้อนได้อีก [1]
ในประเทศไทยมีการปลูกทั้งทางภาคใต้และภาคตะวันออก พันธุ์ปาล์มน้ำมันที่ส่งเสริมให้เกษตรกรปลูก เป็นปาล์มน้ำมันลูกผสมเทเนอรา โดยเฉพาะที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ช่วงปี 2547 - 2550 มีการส่งเสริมการปลูกปาล์มน้ำมันในพื้นที่นาร้าง โดยกรมพัฒนาที่ดิน มีการขุดร่องให้ฟรี ให้พันธุ์และปุ๋ย โดยให้เหตุผลในการส่งเสริมการปลูกเนื่องจากเป็นปาล์มที่ให้นำมันใช้ได้ทั้งการบริโภคและใช้เป็นไบโอดีเซลได้โดยประเทศที่ปลูกปาล์มนำมันได้แก่ อินโดนีเซีย 50ล้านไร่ มาเลเซีย 35ล้านไร่ ส่วนไทย 5.5ล้านไร่ปัจจุบันภาครัฐของไทยมีเป้าหมายจะปลูกปาล์มให้ได้ทั้งสิ้น 10ล้านไร่ภายในปี 2572 จากพื้นที่มีศักยภาพ ทั้งสิ้น 20ล้านไร่
ปัจจุบัน ประเทศที่ผลิตและส่งออกน้ำมันปาล์มรายใหญ่ที่สุดในโลกคือประเทศมาเลเซีย ผลิตเป็นสัดส่วนมากถึงร้อยละ 47 ของการผลิดของโลก
ปาล์มน้ำมันแต่ละต้นจะกำหนดปริมาณการให้ช่อดอกตัวผู้ และช่อดอกตัวเมีย ล่วงหน้า 33 เดือน โดยขึ้น กับปริมาณน้ำ ที่ต้นปาล์มน้ำมันนั้น ๆ ได้รับ เช่น หากต้นปาล์มได้รับน้ำ ในปริมาณที่เหมาะสมในวันนี้ต้นปาล์มก็จะกำหนดให้ลำต้นออกช่อดอกตัวเมียมากกว่าช่อดอกตัวผู้ ในทางกลับกัน หากต้นปาล์มนั้น ๆได้รับน้ำ ในปริมาณที่ไม่เพียงพอในวันนี้ต้นปาล์มก็จะกำหนดให้ลำต้นออกช่อดอกตัวผู้มากกว่าช่อดอกตัวเมีย ซึ่งช่อดอกทั้ง ตัวผู้และตัวเมียที่ถูกกำหนดล่วงหน้านี้จะไปผลิออกเป็นช่อดอกในอีก 33 เดือนข้างหน้า ดังนั้น ปาล์มที่ปลูกโดยอาศัยน้ำ ฝนจากธรรมชาติเพียงอย่างเดียว จะให้ผลผลิตตามปริมาณน้ำ ฝนที่ได้รับ ยิ่งถ้าพื้นที่ที่ปลูกปาล์มน้ำมันมีช่วงฝนแล้ง หรือขาดน้ำ หลายเดือน ปาล์มนั้น ๆ ก็จะให้ช่อดอกตัวผู้ในปริมาณมาก หรือแทบไม่ให้ช่อดอกตัวเมียเลย ต้นปาล์มจะมีลักษณะสูงเร็ว เพราะไม่ต้องสูญเสียธาตุอาหารในการออกลูกออกผลปาล์มน้ำมันที่ขาดน้ำ เป็นระยะเวลาหลายเดือน จะให้แต่ช่อดอกตัวผู้ หรือแทบจะไม่ให้ช่อดอกตัวเมียเลย แม้ว่าเราจะให้น้ำ ให้ปุ๋ยอย่างเต็มที่กับต้นปาล์มในเวลาต่อมา ก็ไม่สามารถแก้ไขให้ต้นปาล์มออกช่อดอกตัวเมียมากขึ้น ได้ เพราะปริมาณการออกช่อดอกตัวเมียได้ถูกกำหนดไว้แล้วเมื่อ 33 เดือนที่แล้วตามปริมาณน้ำ ที่ต้นปาล์มน้ำมันต้นดังกล่าวได้รับ แต่การให้น้ำ ให้ปุ๋ยอย่างเต็มที่กับต้นปาล์มในเวลาต่อมา จะไปมีผลให้ต้นปาล์มออกช่อดอกตัวเมียมากขึ้น ในอีก 33 เดือนข้างหน้าอย่างไรก็ตามหากช่อดอกตัวเมียที่ออกมา กระทบกับช่วงฤดูแล้ง หรือภาวะต้นปาล์มขาดน้ำ ช่อดอกตัวเมียดังกล่าวก็อาจจะฝ่อไม่ให้ผล เพื่อลดการสูญเสียน้ำ
ล์มจะเริ่มออกดอก ให้ผลผลิต มีผลปาล์มออกดกรอบต้น เนื่องจากต้นปาล์มได้น้ำ จากแปลงเพาะต้นกล้า ในช่วงอายุปลูกประมาณ 2 ½ ขึ้น ไป การกำหนดปริมาณช่อดอกตัวผู้-ตัวเมีย จะขึ้น อยู่กับปริมาณน้ำ ที่ต้นปาล์มได้รับบนแปลงปลูกนั้น ๆ(น้ำ จากฝน และการรดน้ำ )
อายุปลูกลงดินประมาณ 3 ½ ปี เป็นช่วงปาล์มขาดคอ ต้นปาล์มจะให้ช่อดอกตัวผู้ในปริมาณมากเป็นระยะเวลาประมาณ 3-6 เดือน ขึ้น อยู่กับสภาพภูมิอากาศและการได้รับน้ำ ในแปลงปลูกนั้น ๆ
อายุปลูกลงดิน 4 – 7 ปี ปาล์มน้ำมันพันธุ์ดีจะเริ่มให้ผลผลิตมากขึ้น ๆเรื่อย ถ้าเกษตรกรมีการให้ทั้ง ปุ๋ยเคมีและปุ๋ยคอกอย่างถูกต้อง รวมทั้ง ถ้ามีการให้น้ำ ได้ตลอดทั้ง ปี ปริมาณน้ำ หนักทะลายปาล์มเป็นตันต่อไร่ต่อปีที่รับประกันเอาไว้โดยผู้ผลิตแต่ละแหล่ง สามารถที่ จะรับประกันได้ที่อายุต้นปาล์ม 8 ปี อายุปลูก8 ปีขึ้น ไป ปาล์มน้ำมันจะให้ผลผลิตสม่ำเสมอ ถ้าเกษตรกรมีการให้ทั้ง ปุ๋ยเคมี และปุ๋ยคอกอย่างถูกต้อง และถ้ามีการให้น้ำ ได้ตลอดทั้ง ปี ปริมาณน้ำ หนักทะลายปาล์มเป็นตันต่อไร่ต่อปี ต้องได้ตามปริมาณที่แต่ละแหล่งผลิตรับประกันด้วย อย่างไรก็ตามเนื่องจากวิธีการเก็บเกี่ยวผลปาล์มที่ต้นสูงมาก ไม่สามารถใช้เสียมแทงปาล์มได้ต้องใช้เคียวตัดทางใบล่างออกก่อนแล้วจึงจะสามารถใช้เคียวตัดทะลายปาล์มลงมาได้ด้วยวิธีดังกล่าว จะทำให้ต้นปาล์มมีทางใบน้อยลง เสมือนมีขนาดโรงครัวปรุงอาหารเล็กลง ทำให้ปาล์มน้ำมันให้ผลผลิตน้อยลงตามไปด้วย
การให้นํ้ากับต้นปาล์มนํ้ามันในปริมาณที่เหมาะสม
จากการศึกษาทางวิชาการ เสนอไว้ว่า ปาล์มน้ำมันแต่ละต้นต้องการน้ำ วันละ200 ลิตรซึ่งเป็นเรื่องยากสำหรับเกษตรกรที่จะต้องจัดหาน้ำ ปริมาณดังกล่าว เพื่อใช้รดให้กับต้นปาล์มน้ำมันอูติพันธุ์พืชเสนอให้ใช้วิธีสังเกตยอดต้นปาล์มที่มียอดแหลม ไม่คลี่ออก คล้ายหอก หากปรากฏว่าปาล์มน้ำมันต้นใดมียอดแหลม ไม่คลี่ คล้ายหอก สูงในระดับใกล้เคียงกัน มากกว่า 2 ยอดหอกแสดงว่าปาล์มน้ำมันต้นดังกล่าวขาดน้ำ แล้ว ต้องให้น้ำ แก่ต้นปาล์มนั้น ๆมากขึ้นลักษณะการให้น้ำ ด้วยท่อพีอี พันรอบลำต้นปาล์มและใส่หัวฉีดขนาดเล็กจำนวน 3 หัว พ่นน้ำ หันออกจากลำต้นทำให้ไม่เกะกะและเสียหายจากการเก็บเกี่ยวผลปาล์มน้ำมันลักษณะของยอดปาล์มที่แหลม ไม่คลี่ใบออก คล้ายหอกหากมียอดหอกดังกล่าว ที่มีความสูงระดับใกล้เคียงกันมากกว่า 2 ยอด แสดงว่าปาล์มอยู่ในภาวะขาดน้ำ หรือได้รับน้ำ ไม่เพียงพอ ต้องเพิ่มการให้น้ำ
ไผ่เลี้ยง
►ไผ่เลี้ยง (Hedge Bamboo) เป็นไผ่ประเภทหนึ่ง เป็นไม้ยืนต้นมีอายุยืนยาว มีเหง้าใต้ดิน แตกออกขึ้นเป็นกอ ออกหน่อเหนือดิน มีกาบหุ้มหน่อสีเหลืองอมเขียว มีลำต้นเป็นปล้องๆ แบ่งเป็นสองส่วน ลำต้นใต้ดินและลำต้นเหนือดิน มีหน่ออ่อนแตกเหง้าออกจากดิน เป็นลำต้นเหนือดิน สูงผอมเรียว มีลักษณะทรงกลมยาว มีเป็นข้อปล้อง เหนือข้อปล้องมีวงแหวนขาวรอบ และมีรากอากาศรอบๆ ข้างในกลมกลวง เนื้อไม้แข็ง มีสีเขียว มีกาบหุ้มลำต้น และหน่อออกอยู่ใต้ดินขนาดเล็ก มีกาบหุ้มหน่อสีเหลืองอมเขียว ใช้รับประทาน เนื้อแน่นฉ่ำน้ำ มีสีเหลืองนวล มีรสชาติหวานมัน กรอบอร่อย มีกลิ่นหอมเฉพาะตัว ถ้าปล่อยไว้จะเป็นต้น ไม่มีหนาม แตกกิ่งตลอดลำ มีถิ่นกำเนิดในทวีปเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นที่นิยมปลูกกันทั่วไป ในหลายประเทศ ประเทศไทยพบในภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ไผ่เลี้ยงมีปลูกหลายสายพันธุ์ มีประโยชน์และสรรพคุณ ทางยาหลายอย่าง ใช้ทำเครื่องจักสาน นำมาประกอบอาหาร เมนูต่างๆได้หลายเมนู
พืชผักสมุนไพร
ไผ่เลี้ยง : Hedge Bamboo
ไผ่เลี้ยง : Bambusa nana
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Bambusa mulfiplex
อยู่ในวงค์ : Poaceae
ไผ่เลี้ยง (Pai-Leang) เป็นไผ่ประเภทหนึ่ง เป็นไม้ยืนต้นมีอายุยืนยาว มีเหง้าใต้ดิน แตกออกขึ้นเป็นกอ ออกหน่อเหนือดิน มีกาบหุ้มหน่อสีเหลืองอมเขียว มีลำต้นเป็นปล้องๆ แบ่งเป็นสองส่วน ลำต้นใต้ดินและลำต้นเหนือดิน มีหน่ออ่อนแตกเหง้าออกจากดิน เป็นลำต้นเหนือดิน สูงผอมเรียว มีขนาดเล็กถึงขนาดกลาง มีลักษณะทรงกลมยาว มีเป็นข้อปล้อง เหนือข้อปล้องมีวงแหวนขาวรอบ และมีรากอากาศรอบๆ ข้างในกลมกลวง เนื้อไม้แข็ง มีสีเขียว และหน่อออกอยู่ใต้ดินขนาดเล็ก มีกาบหุ้มหน่อสีเหลืองอมเขียว ใช้รับประทานสดได้ เนื้อแน่นฉ่ำน้ำ มีสีเหลืองนวล มีรสชาติหวานมัน กรอบอร่อย มีกลิ่นหอมเฉพาะตัว ถ้าปล่อยไว้จะเป็นต้น ไม่มีหนาม แตกกิ่งตลอดลำ ใช้ทำเครื่องจักสาน นำมาประกอบอาหาร เมนูต่างๆได้หลายเมนู ไผ่เลี้ยงมีปลูกหลายสายพันธุ์ ที่นิยมรับประทานคือ ไผ่เลี้ยงหวาน
ลำต้น เป็นไผ่ประเภทหนึ่งนิยมรับประทาน เป็นไม้ยืนต้นมีอายุยืนยาว มีเหง้าใต้ดิน แตกออกขึ้นเป็นกอ ออกหน่อเหนือดิน มีกาบหุ้มหน่อสีเหลืองอมเขียว มีลำต้นเป็นปล้องๆ แบ่งเป็นสองส่วน ลำต้นใต้ดินและลำต้นเหนือดิน มีหน่ออ่อนแตกเหง้าออกจากดิน เป็นลำต้นเหนือดิน สูงผอมเรียว มีขนาดเล็กถึงขนาดกลาง มีลักษณะทรงกลมยาว มีเป็นข้อปล้อง เหนือข้อปล้องมีวงแหวนขาวรอบ และมีรากอากาศรอบๆ ข้างในกลมกลวง เนื้อไม้แข็ง มีสีเขียว มีกาบหุ้มลำต้น และหน่อออกอยู่ใต้ดินขนาดเล็ก มีกาบหุ้มหน่อสีเหลืองอมเขียว ใช้รับประทาน เนื้อแน่นฉ่ำน้ำ มีสีเหลืองนวล มีรสชาติหวานมัน กรอบอร่อย มีกลิ่นหอมเฉพาะตัว ถ้าปล่อยไว้จะเป็นต้น ไม่มีหนาม แตกกิ่งตลอดลำ ใช้ทำเครื่องจักสาน
ราก มีระบบรากแก้ว มีรากฝอย มีลักษณะฝอยเล็กๆ แผ่ขยายออกรอบๆ มีเหง้าใต้ดิน สีน้ำตาล
ใบ เป็นใบเดี่ยว มีก้านใบยาว ออกตามข้อถึงปลายยอด ออกเรียงสลับกัน ออกเรียงเวียนรอบๆข้อลำต้น มีก้านใบย่อย มีใบมีลักษณะทรงรี เรียวยาวเล็กๆ มีสีเขียว มีขนสากๆ
ดอก ออกเป็นช่อ ออกตามกิ่งตามซอกใบ ก้านช่อดอกยาว มีดอกย่อย อยู่เป็นกระจุก แบบช่อกระจะ มีลักษณะทรงยาวรีเล็กๆ กลีบดอกมีสีเหลืองนวล ก้านมีสีเขียว
ผล มีผนังของผล เชื่อมติดกับส่วนเปลือกของเมล็ด มีลักษณะทรงรีเล็กๆ เมล็ดมีสีน้ำตาล
ประโยชน์และสรรพคุณไผ่เลี้ยง
มีฟอสฟอรัส มีวิตามินเอ มีโฟเลต มีวิตามินซี มีวิตามินบี1 มีวิตามินบี2 มีวิตามินบี3 มีวิตามินบี5 มีวิตามินบี6 มีวิตามินบี9 มีคาร์โบไฮเดรต มีพลังงาน มีเส้นใย มีไขมัน มีเหล็ก มีสังกะสี มีแคลเซียม มีน้ำตาล มีโปรตีน มีแมกนีเซียม มีแมงกานีส มีโพแทสเซียม มีวิตามินอี
ช่วยป้องกันโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ ช่วยป้องกันโรคมะเร็ง ช่วยขับสารพิษ แก้กระหาย แก้ไอ ช่วยขับเสมะ ช่วยบำรุงกำลัง ช่วยบำรุงกระดูก ช่วยบำรุงฟัน ช่วยสร้างเม็ดเลือด ช่วยรักษาโรคโลหิตจาง มีอนุมูลอิสระ แก้ท้องผูก ช่วยย่อยอาหาร
การปลูกและขยายพันธุ์ไผ่เลี้ยง
ไผ่เลี้ยงเจริญได้ในดินทุกชนิด ชอบดินร่วนซุย ดินร่วนปนทรายจะเจริญได้ดี การปลูกโดยปักชำ นำมาเพาะชำก่อน และแยกเหง้า แล้วนำปลูกลงในแปลงดินที่เตรียมไว้ ปลูกให้ระยะห่างประมาณ 2×2 ม.แล้วรดน้ำให้เพียงพอ
วิธีดูแลรักษาไผ่เลี้ยง
ไผ่เลี้ยงเป็นพืชที่ทนความแห้งแล้งได้ดี ชอบระบายน้ำดี น้ำไม่ขัง ชอบแสงแดด ปลูกในช่วงแรก ต้องดูแลรดน้ำให้เพียงพอ ให้โดนแดดตลอดวัน จะทำให้เจริญเติบโตได้เร็ว ต้องถอนหญ้ารอบๆลำต้นเสมอ เมื่อต้นเจริญเติบโตให้ลดน้ำได้ ให้ตัดแต่งกิ่งเสมอ ให้นำฟางแห้งวางคลุมรอบๆบริเวณลำต้น
การเก็บเกี่ยวผลผลิตไผ่เลี้ยง
ไผ่เลี้ยงจะเก็บเกี่ยวหน่อใช้เวลา ประมาณ 8 เดือน หลังย้ายปลูกลงแปลง หน่อโผล่ออกมาบนดินเล็กน้อย มีขนาดโตเต็มที่ หน่อตรงปลายหน่อแน่น จะเก็บผลผลิตได้ โดยใช้พลั่วแซะก่อน แล้วมีดตัดตรงโคนต้น แล้วนำใส่ในภาชนะที่มิดชิด อย่าให้โดนแสงแดด จะทำให้เหี่ยวได้ ให้เหลือหน่อไว้ 3-4 หน่อต่อต้น เพื่อให้ต้นโตขยายกอเพิ่ม
การเก็บรักษาไผ่เลี้ยง
นำหน่อไผ่เลี้ยงสดที่ตัดไว้ นำมาทำความสะอาด ดินให้สะอาด แล้ววางในที่อากาศถ่ายเท หรือใส่ในกล่องหรือภาชนะ แล้วนำไปแช่ตู้เย็น หรือต้มสุกแล้วแช่แข็งไว้นาน จะสามารถเก็บไว้ได้นาน
ไผ่เลี้ยง (Hedge Bamboo) เป็นไผ่ประเภทหนึ่ง มีเหง้าใต้ดิน แตกออกขึ้นเป็นกอ ลำต้นเป็นปล้อง สูงผอมเรียว เนื้อไม้แข็ง มีสีเขียว หน่อใช้รับประทาน เนื้อแน่นฉ่ำน้ำ สีเหลืองนวล รสชาติหวานมัน กรอบอร่อย มีกลิ่นหอมเฉพาะตัว