ภาวะผู้นำเชิงนวัตกรรมของผู้บริหารสถานศึกษา
บทคัดย่อวิทยานิพนธ์ไทย 3 เรื่อง ฐาน ThaiLIS _https://tdc.thailis.or.th/tdc/basic.php
ภาวะผู้นำเชิงนวัตกรรมของผู้บริหารที่ส่งผลต่อประสิทธิผลของสถานศึกษาในโครงการโรงเรียนประชารัฐ สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสมุทรสงคราม
Abstract: บทคัดย่อ การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาระดับภาวะผู้นำเชิงนวัตกรรมของผู้บริหารสถานศึกษาในโครงการโรงเรียนประชารัฐ สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสมุทรสงคราม 2) ศึกษาระดับประสิทธิผลของสถานศึกษาในโครงการโรงเรียนประชารัฐ และ 3) วิเคราะห์ภาวะผู้นำเชิงนวัตกรรมที่ส่งผลต่อประสิทธิผลของสถานศึกษาในโครงการโรงเรียน ประชารัฐ กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย ประกอบด้วย ผู้บริหาร ครู บุคลากรในโรงเรียนประชารัฐ จำนวน 216 คน โดยใช้วิธีการสุ่มตัวอย่างแบบแบ่งชั้น เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แบบสอบถามที่สร้างขึ้นโดยผู้วิจัย มีค่าความตรงด้านเนื้อหา ระหว่าง 0.67-1.00 มีค่าความเที่ยงด้านภาวะผู้นำเชิงนวัตกรรม เท่ากับ 0.96 และด้านประสิทธิผลของสถานศึกษา เท่ากับ 0.98 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การวิเคราะห์สัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ และการวิเคราะห์การถดถอยพหุคูณแบบขั้นตอน ผลการวิจัยพบว่า 1. ระดับภาวะผู้นำเชิงนวัตกรรม อยู่ในระดับมากทั้งภาพรวมและรายด้าน ประกอบด้วย การมีวิสัยทัศน์ การสร้างบรรยากาศในการองค์กร การบริหารจัดการ การมีส่วนร่วม การสร้างเครือข่าย และการสร้างองค์กรนวัตกรรม ตามลำดับ 2. ระดับประสิทธิผลของสถานศึกษาอยู่ในระดับมากทั้งภาพรวมและรายด้าน ประกอบด้วย การสอนคุณธรรมในโรงเรียน การพัฒนาตนเองของครู การจัดการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ความสามารถในการสอนตามแนวทางสะเต็มศึกษา ความสามารถด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และภาษาอังกฤษ ตามลำดับ 3. ภาวะผู้นำเชิงนวัตกรรม ประกอบด้วย การสร้างบรรยากาศในการองค์กร (X5) และการสร้างองค์กรนวัตกรรม (X2) ส่งผลต่อประสิทธิผลของสถานศึกษาในโครงการโรงเรียนประชารัฐ (Ytot) โดยร่วมกันทำนายได้ร้อยละ 63.20 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 สมการวิเคราะห์การถดถอย คือ Y ̂_tot = 1.14 + 0.57 (X5) + 0.14 (X2)
การอ้างอิง:
วัชรพงศ์ ทัศนบรรจง (2563) ภาวะผู้นำเชิงนวัตกรรมของผู้บริหารที่ส่งผลต่อประสิทธิผลของสถานศึกษาในโครงการโรงเรียนประชารัฐ สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสมุทรสงคราม คุรุศาสตร์มหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม
บทคัดย่อ:
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เพื่อศึกษาสภาพปัจจุบันสภาพที่พึงประสงค์และความต้องการ จำเป็นภาวะผู้นำเชิงนวัตกรรมของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา ร้อยเอ็ด เขต 1 2) เพื่อศึกษาแนวทางการพัฒนาภาวะผู้นำเชิงนวัตกรรมของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาร้อยเอ็ด เขต 1 การวิจัยแบ่งเป็น 2 ระยะ ได้แก่ ระยะที่1 สภาพปัจจุบันสภาพที่พึงประสงค์และความต้องการจำเป็นภาวะผู้นำเชิงนวัตกรรมของ ผู้บริหารสถานศึกษากลุ่มตัวอย่างประกอบด้วยผู้บริหารสถานศึกษาและครูผู้สอน จำนวน 320 คน โดยกำหนดกลุ่มตัวอย่างตามตารางเครจซี่และมอร์แกนใช้วิธีการเลือกแบบแบ่งชั้นตามสัดส่วนและ เครื่องมือที่ใช้คือแบบสอบถามมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ สถิติที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ได้แก่ คาดัชนีความสอดคลองรอยละ คาเฉลี่ย สวนเบี่ยงเบนมาตรฐาน สัมประสิทธิ์สหสัมพันธ สัมประสิทธิ์ แอลฟาของครอนบาคคาดัชนีความตองการจําเปน ( PNIModified ) ระยะที่ 2 ศึกษาแนวทางการพัฒนา ภาวะผู้นำเชิงนวัตกรรมของผู้บริหารสถานศึกษาโดยใช้แบบสัมภาษณ์การสัมภาษณ์ผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวน 5 ท่าน และวิเคราะห์สรุปแบบพรรณาวิเคราะห์ผลการวิจัยพบว่า 1) สภาพปัจจุบันสภาพปัจจุบันของ การพัฒนาภาวะผู้นำเชิงนวัตกรรมของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา ร้อยเอ็ด เขต1 พบว่าโดยรวมอยู่ในระดับปานกลาง ( X = 3.48) และสภาพที่พึงประสงค์โดยรวมอยูใน ระดับมากที่สุด ( X = 4.87) 2) แนวทางการพัฒนาภาวะผู้นำเชิงนวัตกรรมของผู้บริหารสถานศึกษาซึ่งมี แนวทางการพัฒนาเป็นหลักสูตรการพัฒนาภาวะผู้นำเชิงนวัตกรรมของผู้บริหารสถานศึกษาโดยมีโครงสร้าง หลักสูตรประกอบด้วย 1) หลักการและเหตุผล 2) วัตถุประสงค์ของหลักสูตร 3) โครงสร้างหลักสูตรหรือ เนื้อหาสาระ 4) และวิธีการพัฒนาและกิจกรรม 5)การวัดละประเมินผลผลการประเมินแนวทางการพัฒนา ภาวะผู้นำเชิงนวัตกรรมโดยรวมพบว่ามีความเหมาะสมและความเป็นไปไดอยูในระดับมากที่สุด
การอ้างอิง:
ลัดดาวัลย์ ซาซิโย. (2566). แนวทางการพัฒนาภาวะผู้นำเชิงนวัตกรรมของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาร้อยเอ็ด เขต 1. กรุงเทพฯ: วิทยานิพนธ์ คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม.
บทคัดย่อ:
งานวิจัยนี้มุ่งเน้นไปที่การศึกษาภาวะผู้นำเชิงนวัตกรรมของผู้บริหารสถานศึกษาในยุคดิจิทัล โดยใช้วิธีสัมภาษณ์และแบบสอบถามเพื่อเก็บข้อมูลจากผู้บริหารและครูในโรงเรียนต่าง ๆ ผลการวิจัยพบว่าผู้บริหารที่มีภาวะผู้นำเชิงนวัตกรรมสามารถปรับตัวเข้ากับเทคโนโลยีใหม่ ๆ ได้ดี ส่งผลให้เกิดความสำเร็จในการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการเรียนการสอนและบริหารจัดการ นอกจากนี้ยังได้เสนอแนวทางในการฝึกอบรมเพื่อเสริมสร้างทักษะด้านดิจิทัลให้กับผู้บริหาร
การอ้างอิง:
ฐิตินันท์ นันทะศรี. (2566). การศึกษาภาวะผู้นำเชิงนวัตกรรมของผู้บริหารสถานศึกษาในยุคดิจิทัล. กรุงเทพฯ: วิทยานิพนธ์ คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา.
บทคัดย่อวารสารไทย 3 เรื่อง ฐาน ThaiJO _https://www.tci-thaijo.org/
ภาวะผู้นำเชิงนวัตกรรมของผู้บริหารสถานศึกษาในศตวรรษที่ 21 ในสหวิทยาเขตรัชวิภา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษากรุงเทพมหานคร เขต 2
บทคัดย่อ บทความวิจัย
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาระดับความคิดเห็นของผู้บริหารสถานศึกษาและครูต่อภาวะผู้นำเชิงนวัตกรรมของผู้บริหารสถานศึกษาในศตวรรษที่ 21 ในสหวิทยาเขตรัชวิภา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษากรุงเทพมหานคร เขต 2 และ 2) เปรียบเทียบความคิดเห็นของผู้บริหารสถานศึกษาและครูและครูที่มี เพศ ตำแหน่ง ประสบการณ์การทำงานในตำแหน่ง อายุและขนาดสถานศึกษาต่อภาวะผู้นำเชิงนวัตกรรมของผู้บริหารสถานศึกษาในศตวรรษที่ 21 กลุ่มตัวอย่างคือผู้บริหารสถานศึกษาและครูจากโรงเรียนในสหวิทยาเขตรัชวิภา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษากรุงเทพมหานคร เขต 2 จำนวน 289 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ แบบสอบถาม สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ การแจกแจงความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การทดสอบค่าที (t-test) การวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว (One-way ANOVA) การทดสอบความแตกต่างรายคู่แบบ LSD และการวิเคราะห์เนื้อหา
ผลการวิจัยพบว่า 1) ภาวะผู้นำเชิงนวัตกรรมของผู้บริหารสถานศึกษาในศตวรรษที่ 21 ในสหวิทยาเขตรัชวิภา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษากรุงเทพมหานคร เขต 2 ทั้งโดยรวมและรายด้านอยู่ในระดับมาก และ 2) ผู้บริหารและครูที่มี เพศ ตำแหน่ง ประสบการณ์การทำงานในตำแหน่ง อายุและขนาดสถานศึกษา มีความคิดเห็นต่อภาวะผู้นำเชิงนวัตกรรมในศตวรรษที่ 21 ของผู้บริหารไม่แตกต่างกัน
นิติกร ระดม และชลาภรณ์ สุวรรณสัมฤทธิ์ (2566) ภาวะผู้นำเชิงนวัตกรรมของผู้บริหารสถานศึกษาในศตวรรษที่ 21 ในสหวิทยาเขตรัชวิภา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษากรุงเทพมหานคร เขต 2 . วาระสารวิชาการสถาบันการอาชีวศึกษา. หลักสูตรศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยราชพฤกษ์. ปีที่ 8. ฉบับที่ 2 พ.ศ. 2566 ; หน้า 73-84
บทคัดย่อ:
บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาภาวะผู้นำเชิงนวัตกรรมของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาศรีสะเกษ ยโสธร เปรียบเทียบภาวะผู้นำเชิงนวัตกรรมของผู้บริหารสถานศึกษา จำแนกตามขนาดสถานศึกษา และศึกษาข้อเสนอแนะในการพัฒนาภาวะผู้นำเชิงนวัตกรรม ผลการวิจัยพบว่า ภาวะผู้นำเชิงนวัตกรรมอยู่ในระดับมากทุกด้าน ไม่มีความแตกต่างกันตามขนาดสถานศึกษา และควรพัฒนาองค์ประกอบด้านการบริหารความเสี่ยงและติดตามผลอย่างมีระบบ
การอ้างอิง:
แสงนิล อ., สมพงษ์ธรรม เ., & เทวอนสิริกุล บ. (2567). ภาวะผู้นำเชิงนวัตกรรมของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาศรีสะเกษ ยโสธร. วารสารมหาจุฬาคชสาร, 15(1), 226–240. สืบค้นจาก: https://so06.tci-thaijo.org/index.php/gajasara/article/view/271716
เเนวทางการพัฒนาภาวะผู้นำที่ยั่งยืนกับประสิทธิภาพการบริหารงานวิชาการโรงเรียนของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษานนทบุรี
บทคัดย่อ (Abstract)
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาระดับภาวะผู้นำที่ยั่งยืนของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษานนทบุรี 2) เพื่อศึกษาระดับประสิทธิภาพการบริหารงานวิชาการโรงเรียนของผู้บริหารสถานศึกษา 3) เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างภาวะผู้นำที่ยั่งยืนกับประสิทธิภาพการบริหารงานวิชาการโรงเรียนของผู้บริหารสถานศึกษา และ 4) เพื่อนำเสนอแนวทางการพัฒนาภาวะผู้นำที่ยั่งยืนกับประสิทธิภาพการบริหารงานวิชาการโรงเรียนของผู้บริหารสถานศึกษา กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ ข้าราชการครู จำนวน 332 คน คัดเลือกโดยใช้สูตรของทาโร ยามาเน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย 1) แบบสอบถามระดับภาวะผู้นำที่ยั่งยืนของผู้บริหารสถานศึกษาและระดับประสิทธิภาพการบริหารงานวิชาการโรงเรียนของผู้บริหารสถานศึกษา ที่มีค่าความเชื่อมั่น .98 2) แบบสัมภาษณ์แนวทางการพัฒนาภาวะผู้นำที่ยั่งยืนกับประสิทธิภาพการบริหารงานวิชาการโรงเรียนของผู้บริหารสถานศึกษา สถิติที่ใช้ ได้แก่ ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ของเพียร์สัน
ผลการวิจัยพบว่า 1) ระดับภาวะผู้นำที่ยั่งยืนของผู้บริหารสถานศึกษา โดยรวมและรายด้านมีค่าเฉลี่ย อยู่ในระดับมาก 2) ระดับประสิทธิภาพการบริหารงานวิชาการโรงเรียนของผู้บริหารสถานศึกษา โดยรวมและรายด้านมีค่าเฉลี่ย อยู่ในระดับมาก 3) ความสัมพันธ์ระหว่างภาวะผู้นำที่ยั่งยืนกับประสิทธิภาพการบริหารงานวิชาการโรงเรียนของผู้บริหารสถานศึกษา พบว่า มีความสัมพันธ์ทางบวก ในระดับสูง (r = .862**) อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 และ 4) แนวทางการพัฒนาภาวะผู้นำที่ยั่งยืนกับประสิทธิภาพการบริหารงานวิชาการโรงเรียนของผู้บริหารสถานศึกษา ได้แก่ ผู้บริหารต้องพัฒนาตนเองให้เป็นผู้นำแห่งการเรียนรู้ พัฒนาบุคลากรให้มีศาสตร์ทางวิชาชีพ
สร้างวิสัยทัศน์ กระจายอำนาจให้บุคลากรอย่างเหมาะสม คำนึงถึงความแตกต่างระหว่างบุคคล ผลประโยชน์ของทุกภาคส่วน สร้างความสมดุลของทรัพยากรทางการศึกษา และให้ความสำคัญกับความรู้ ประสบการณ์ที่เคยเกิดขึ้นในอดีต
วสัน ศักดาศักดิ์(2565) เเนวทางการพัฒนาภาวะผู้นำที่ยั่งยืนกับประสิทธิภาพการบริหารงานวิชาการโรงเรียนของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษานนทบุรี .นนทบุรี .มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร
บทคัดย่องานวิจัยต่างประเทศ 3 เรื่อง ฐาน ERIC _http://www.thaiedresearch.org/
Innovative Leadership Factors and Leader Characteristics That Affecting Professional Learning Community of Primary Schools in Bangkok and Its Vicinity
Khanthap, Juladis
World Journal of Education, v12 n4 p50-58 2022
This research aimed to investigate the innovative leadership factors and leader characteristics of school administrators in affecting teachers' involvement in the professional learning community of primary education schools in Bangkok and its vicinity of Thailand. Hence, the researcher would shed light on a linear structural relationship model to examine the impacts of innovative leadership factors and leader characteristics of primary school administrators on teachers' involvement in the professional learning community. A quantitative approach survey design was employed in this research. A total of 840 respondents responded to questionnaires in a proportional of two teachers to one school administrator from 280 primary schools. The respondents participated in a survey utilizing a multi-stage sampling technique. The researcher planned to test whether the identified innovative leadership factors and leader characteristics are fitting with empirical data as the key research output. The findings indicated that there was a total of five innovative leadership factors and three leader characteristics in a professional learning community model. The linear structural relationship model was supported to the empirical data, with X[superscript 2] = 42.321, df = 31, X[superscript 2]/df = 1.3652, CFI = 0.998, TLI = 0.997, RMSEA = 0.021, and SRMR = 0.01, p = 0.0845. In conclusion, the linear structural relationship model for primary school administrators has a goodness of fit with the attained data. Finally, the findings of this research have successfully proposed a linear structural relationship model that would be guidelines for a primary school administrator to develop his capabilities to promote a professional learning community.
ปัจจัยภาวะผู้นำเชิงนวัตกรรมและคุณลักษณะผู้นำที่ส่งผลต่อการเรียนรู้เชิงวิชาชีพของชุมชนโรงเรียนประถมศึกษาในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล
ขันธ์ทับ จุลดี
วารสารการศึกษาโลกฉบับที่ 12 ฉบับที่ 4 หน้า 50-58 2022
งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปัจจัยความเป็นผู้นำเชิงนวัตกรรมและลักษณะผู้นำของผู้บริหารโรงเรียนที่ส่งผลต่อการมีส่วนร่วมของครูในชุมชนการเรียนรู้ระดับมืออาชีพของโรงเรียนประถมศึกษาในกรุงเทพมหานครและปริมณฑลของประเทศไทย ดังนั้น นักวิจัยจะนำเสนอแบบจำลองความสัมพันธ์เชิงโครงสร้างเชิงเส้นเพื่อตรวจสอบผลกระทบของปัจจัยความเป็นผู้นำเชิงนวัตกรรมและลักษณะผู้นำของผู้บริหารโรงเรียนประถมศึกษาต่อการมีส่วนร่วมของครูในชุมชนการเรียนรู้ระดับมืออาชีพ การวิจัยครั้งนี้ใช้การออกแบบการสำรวจเชิงปริมาณ ผู้ตอบแบบสอบถามทั้งหมด 840 คนตอบแบบสอบถามในสัดส่วนครู 2 คนต่อผู้บริหารโรงเรียน 1 คนจากโรงเรียนประถมศึกษา 280 แห่ง ผู้ตอบแบบสอบถามเข้าร่วมการสำรวจโดยใช้เทคนิคการสุ่มตัวอย่างหลายขั้นตอน นักวิจัยวางแผนที่จะทดสอบว่าปัจจัยความเป็นผู้นำเชิงนวัตกรรมและลักษณะผู้นำที่ระบุนั้นเหมาะสมกับข้อมูลเชิงประจักษ์ซึ่งเป็นผลลัพธ์หลักของการวิจัยหรือไม่ ผลการวิจัยระบุว่ามีปัจจัยความเป็นผู้นำเชิงนวัตกรรมทั้งหมด 5 ปัจจัยและลักษณะผู้นำ 3 ประการในแบบจำลองชุมชนการเรียนรู้ระดับมืออาชีพ แบบจำลองความสัมพันธ์เชิงโครงสร้างเชิงเส้นได้รับการสนับสนุนจากข้อมูลเชิงประจักษ์ โดย X[superscript 2] = 42.321, df = 31, X[superscript 2]/df = 1.3652, CFI = 0.998, TLI = 0.997, RMSEA = 0.021 และ SRMR = 0.01, p = 0.0845 สรุปได้ว่าแบบจำลองความสัมพันธ์เชิงโครงสร้างเชิงเส้นสำหรับผู้บริหารโรงเรียนประถมศึกษามีความสอดคล้องกับข้อมูลที่ได้รับ ในที่สุด ผลการวิจัยนี้ได้เสนอแบบจำลองความสัมพันธ์เชิงโครงสร้างเชิงเส้นสำเร็จ ซึ่งจะเป็นแนวทางให้ผู้บริหารโรงเรียนประถมศึกษาพัฒนาศักยภาพในการส่งเสริมชุมชนการเรียนรู้ระดับมืออาชีพ
Khanthap, Juladis (2022 ) Innovative Leadership Factors and Leader Characteristics That Affecting Professional Learning Community of Primary Schools in Bangkok and Its Vicinity . Journal Articles; Reports - Research .World Journal of Education, v12 n4 p50-58 2022
Intermediate Inverted Leadership: The Inclusive Leader's Model
Charalampous, Constantia A.; Papademetriou, Christos D.
International Journal of Leadership in Education, v24 n3 p349-370 2021
The marginalization of pupils characterized as having special educational needs (SEN) is a phenomenon that persists despite the international intense efforts to avoid it. The school headmaster and the leadership model which he/she follows are key factors that could contribute to the creation of an inclusive school environment. The mixed methodology action research (MMAR) was used in an attempt to invent an innovative leadership model to make education more inclusive for pupils characterized as having SEN within a mainstream secondary school in Cyprus. The preliminary data for this research were gathered using a mixed methodology approach. Action research was then carried out in a mainstream secondary school in Cyprus with a total of 80 participants, applying the proposed method to implement the innovative 'Intermediate inverted Leadership Model'. The study was then examined and critically evaluated through MMAR the extent to which the proposed leadership model enhanced inclusive education. The results showed that the innovative leadership model can contribute to inclusive education, by identifying the factors that lead to marginalization in order to convert them into factors that contribute in promoting inclusion.
ภาวะผู้นำแบบกลับหัวระดับกลาง: แบบจำลองของผู้นำที่รวมทุกคนเข้าด้วยกัน
ชาราลัมปัส, คอนสแตนเทีย เอ. ; ปาปาเดเมทริอู, คริสตอส ดี.
วารสารความเป็นผู้นำด้านการศึกษาระหว่างประเทศฉบับที่ 24 ฉบับที่ 3 หน้า 349-370 2021
การละเลยนักเรียนที่มีความต้องการพิเศษทางการศึกษา (SEN) เป็นปรากฏการณ์ที่ยังคงมีอยู่แม้จะมีความพยายามอย่างเข้มข้นจากนานาชาติเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหานี้ ผู้อำนวยการโรงเรียนและรูปแบบความเป็นผู้นำที่เขา/เธอปฏิบัติตามเป็นปัจจัยสำคัญที่อาจมีส่วนสนับสนุนในการสร้างสภาพแวดล้อมในโรงเรียนที่ครอบคลุม การวิจัยเชิงปฏิบัติการโดยใช้วิธีการแบบผสม (MMAR) ถูกใช้เพื่อพยายามคิดค้นรูปแบบความเป็นผู้นำที่สร้างสรรค์เพื่อให้การศึกษามีความครอบคลุมมากขึ้นสำหรับนักเรียนที่มีความต้องการพิเศษทางการศึกษาในโรงเรียนมัธยมศึกษาตอนปลายในไซปรัส ข้อมูลเบื้องต้นสำหรับการวิจัยนี้รวบรวมโดยใช้แนวทางวิธีการแบบผสม จากนั้นจึงดำเนินการวิจัยเชิงปฏิบัติการในโรงเรียนมัธยมศึกษาตอนปลายในไซปรัสที่มีผู้เข้าร่วมทั้งหมด 80 คน โดยใช้แนวทางที่เสนอเพื่อนำ 'รูปแบบความเป็นผู้นำแบบกลับด้านระดับกลาง' ที่เป็นนวัตกรรมมาใช้ จากนั้นจึงตรวจสอบและประเมินผลการศึกษาอย่างมีวิจารณญาณผ่าน MMAR ว่ารูปแบบความเป็นผู้นำที่เสนอนั้นช่วยส่งเสริมการศึกษาแบบครอบคลุมในระดับใด ผลลัพธ์แสดงให้เห็นว่ารูปแบบความเป็นผู้นำที่สร้างสรรค์สามารถมีส่วนสนับสนุนการศึกษาแบบครอบคลุมได้ โดยการระบุปัจจัยที่นำไปสู่การละเลยเพื่อแปลงปัจจัยเหล่านี้ให้เป็นปัจจัยที่สนับสนุนในการส่งเสริมการรวมกลุ่ม
Charalampous, Constantia A., & Papademetriou, Christos D. (2021). Intermediate Inverted Leadership: The Inclusive Leader's Model. International Journal of Leadership in Education, 24(3), 349–370.
Research on the Influence of Undergraduates' Perceived Servant Leadership in China: The Effect of Innovative Atmosphere and Innovative Self-Efficacy
Bao-Jian Geng; Hsuan-Po Wang
Higher Education Studies, v14 n1 p33-45 2024
This study explores the influence mechanism of perceived servant leadership on innovative behavior among college students in Hebei Province, China, and the chain-mediating role of innovative atmosphere and innovative self-efficacy. This study adopts the questionnaire survey method and the convenience sampling method, and 478 college students are collected. The results show that the perception of servant leadership by college students in Hebei Province in China significantly positively affects innovative behavior; The innovative atmosphere and innovative self-efficacy mediate between college students' perceived servant leadership and innovative behavior.
การวิจัยเกี่ยวกับอิทธิพลของการรับรู้ความเป็นผู้นำแบบผู้รับใช้ของนักศึกษาปริญญาตรีในประเทศจีน: ผลกระทบของบรรยากาศนวัตกรรมและประสิทธิภาพในตนเองด้านนวัตกรรม
เป่าเจี้ยนเกิง; หวังซวนโป
การศึกษาระดับอุดมศึกษาฉบับที่ 14 ฉบับที่ 1 หน้า 33-45 2567
การศึกษาครั้งนี้สำรวจกลไกอิทธิพลของการรับรู้ความเป็นผู้นำแบบรับใช้ต่อพฤติกรรมสร้างสรรค์ในหมู่นักศึกษาในมณฑลเหอเป่ย ประเทศจีน และบทบาทการไกล่เกลี่ยแบบลูกโซ่ของบรรยากาศสร้างสรรค์และประสิทธิภาพในการสร้างสรรค์นวัตกรรม การศึกษาครั้งนี้ใช้แบบสอบถามและวิธีการสุ่มตัวอย่างแบบสะดวก และรวบรวมนักศึกษา 478 คน ผลการศึกษาแสดงให้เห็นว่าการรับรู้ความเป็นผู้นำแบบรับใช้ของนักศึกษาในมณฑลเหอเป่ย ประเทศจีน ส่งผลในเชิงบวกอย่างมีนัยสำคัญต่อพฤติกรรมสร้างสรรค์ บรรยากาศสร้างสรรค์และประสิทธิภาพในการสร้างสรรค์นวัตกรรมเป็นตัวกลางระหว่างการรับรู้ความเป็นผู้นำแบบรับใช้และพฤติกรรมสร้างสรรค์ของนักศึกษา
Geng, Bao-Jian, & Wang, Hsuan-Po. (2024). Research on the Influence of Undergraduates' Perceived Servant Leadership in China: The Effect of Innovative Atmosphere and Innovative Self-Efficacy. Higher Education Studies, 14(1), 33–45.