สาเหตุที่แกสบี้เป็นสัตว์เลี้ยงที่ครองใจผู้เลี้ยงได้อย่างมาก คือ ความที่แกสบี้มีขนาดพอเหมาะสำหรับคนเลี้ยงทุกเพศทุกวัย ตั้งแต่เด็กอายุ 5 ขวบไปจนถึงผู้ใหญ่ มีน้ำหนักเมื่อโตเต็มที่ประมาณ 0.8-1.5 กิโลกรัม ซึ่งทำให้ง่ายในการดูแลและนำไปด้วยได้ง่าย ตลอดจนแกสบี้เป็นสัตว์เลี้ยงที่เชื่องคุ้นเคยกับเจ้าของได้ง่าย มีความสุภาพไม่กัดเจ้าของเหมือนสัตว์เลี้ยงอื่นๆ เช่น แฮมสเตอร์หรือเฟอร์เรท ไม่ปีนป่ายกระโดดหรือกัดแทะข้าวของเครื่องใช้ให้ได้รับความเสียหายทำให้เราสามารถ จัดหาที่อยู่ให้กับ แกสบี้ได้ง่ายราคาไม่สูงเหมือนสัตว์ประเภทอื่นๆซึ่งถ้าจะประเมินความน่าเลี้ยงของแกสบี้แล้ว ความน่าเลี้ยงจะจัดอยู่ในเกณฑ์ A+ ทีเดียว ผู้ใดได้เลี้ยงแล้วจะหลงใหลในความน่ารักของมันมาก จนไม่อยากเปลี่ยนไปเลี้ยงสัตว์อื่นๆ อีกเลย
แกสบี้มีชื่อเรียกกันทั่วโลกว่ากินนี่พิก (Guinea Pig) ถ้าท่านใดเล่น Internet สามารถ Search หาคำว่า Guinea pig และหาข้อมูลต่างๆ ได้อย่างไม่จำกัด คำว่า Guinea pig ถ้าเปิดใน Dictionary จะแปลว่าหนูตะเภา ซึ่งจริงๆแล้วแกสบี้คือหนูในตระกูลเดียวกับหนูตะเภา แต่ได้รับการพัฒนาสายพันธุ์มานับร้อยๆปี ในต่างประเทศ (ในประเทศไทยไม่มีการพัฒนาสายพันธุ์หนูตะเภา) ทำให้แกสบี้มีความสวยงามแตกต่างไปจากหนูตะเภาโดยสิ้นเชิง ดังนั้นในช่วงที่แกสบี้ในเมืองไทยได้รับความนิยมมากๆ มีผู้เพาะเลี้ยงที่ทำไม่ถูกต้องคือนำหนูแกสบี้มีผสมกับหนูตะเภาออกมาขายหลอกผู้เลี้ยงทำให้ผู้เลี้ยงบางคนเข้าใจผิดไปว่าหนูที่เห็นเป็นแกสบี้สายพันธุ์แท้ปัจจุบันยังมีแกสบี้พันธุ์ผสมกับหนูตะเภาออกขายอยู่ในท้องตลาด โดยมีการพัฒนาให้มีสายเลือดของแกสบี้พันธุ์แท้ 75% หนูตะเภา 25% ซึ่งตอนที่ยังเล็กๆอยู่ผู้ที่ไม่ชำนาญจะดูได้ยาก
สำหรับชื่อเรียกของแกสบี้ คือ Guinea Pigs ในต่างประเทศก็มักมีชื่อเรียกในแต่ละประเทศ โดยในประเทศไทยชื่อที่เป็นที่ยอมรับคือ “แกสบี้” ไม่ว่าวงการสัตว์เลี้ยง สัตวแพทย์ สื่อสารมวลชน ถ้าบอกว่าแกสบี้ก็จะเป็นที่เข้าใจตรงกัน สำหรับประเทศต่างๆ มีชื่อเรียกดังนี้ ประเทศญี่ปุ่น เรียกว่า “Moru-Motto” ประเทศสวีเดน เรียกว่า “Marsvin” ประเทศฟิลิปปินส์ เรียกว่า “Costa” เป็นต้น เช่นเดียวกับชื่อว่า “แกสบี้” ในประเทศไทยก็จัดว่าเป็น “Local Name” ที่เข้าใจตรงกันทุกวงการ สำหรับในปี 2010 แกสบี้ในประเทศไทยยังคงเดินหน้าเป็นสัตว์เลี้ยงขนาดเล็กที่ยังหาคู่แข่งได้ยากมาก และนับวันจะได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น ในอังกฤษและอเมริกามีการจัดตั้งชมรมผู้รักแกสบี้มากมาย มีการประกวดแข่งขันกันทุกสัปดาห์ ทำให้เกิดธุรกิจต่อเนื่อง เช่น อาหาร อุปกรณ์การเลี้ยง หนังสือ และของที่ระลึกเกี่ยวกับสัตว์ตัวนี้มากมาย
ผู้เลี้ยงหนูแกสบี้ เป็นจำนวนมากบางคนก็เริ่มเลี้ยงตามความนิยม บางคนก็เริ่มเลี้ยงโดยมีคนให้มา บางคนอยากได้มาก ไปซื้อพันธุ์ผสมมาเลี้ยงเพราะไม่รู้ว่าเป็นพันธุ์ผสม ทำให้เกิดไม่แน่ใจว่าหนูของตนเองเป็นพันธุ์แท้หรือไม่ ดังนั้นในส่วนนี้คงได้มีโอกาสแนะนำเกี่ยวกับหนูสายพันธุ์ต่างๆ เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้อง หนูสายพันธุ์ขนยาวอาจจำเป็นต้องดูแลเกี่ยวกับขนอย่างสม่ำเสมอ หนูสายพันธุ์ขนยาวต้องมีการหวีและแปรงขนเป็นประจำ เพื่อความสะอาดและขนไม่พันกัน รวมไปถึงการตัดแต่งขนเพื่อให้ดูสวยงาม ถ้าผู้เลี้ยงต้องการให้ขนสั้นมากก็สามารถไปตัดแต่งตามร้านตัดของสัตว์เลี้ยงได้ หรือไว้ยาวผูกจุก ผูกแกละสองข้างตามแฟชั่นได้
หนูแกสบี้แต่ละสายพันธุ์ก็จะมีความแตกต่างกัน เช่นลักษณะขน หรือ สัดส่วน แต่หนูแกสบี้ นิสัยจะไม่ค่อยแตกมากในแต่ละสายพันธ์ุ จริงๆแล้วหนูแกสบี้ก็เหมือนคน มีนิสัยที่แตกต่างกัน โดยการเลี้ยงดูในวัยเด็กนั้นก็มีผลอย่างมากต่อนิสัย ลักษณะนิสัยที่พบได้มาก เช่น ขี้เล่น ร่าเริง และ ขี้สงสัย แต่น้องบางคนก็อาจขี้อาย ซึ่งต้องอย่าลืมว่าหนูแกสบี้นั้นเป็นเหยื่อตามธรรมชาติ น้องจึงจะตกใจได้ง่ายเวลามีเสียงดังเกิดขึ้น ถึงแกสบี้ นิสัยแต่ละพันธุ์จะไม่แตกต่างกันมากนัก แต่ก็มีลักษณะภายนอกที่แตกต่างกันอย่างชัดเจนเรามาลองดูลักษณะที่แตกต่างกันของแต่ละสายพันธุ์ โดยหลักๆจะแยกได้เป็นลักษณะ ขนสั้น ขนยาว และ ไร้ขน และหากผู้อ่านท่านใดเพิ่งเริ่มต้นเลี้ยงหนูแกสบี้สามารถอ่านวิธีเริ่มเลี้ยงหนูแกสบี้จากเราได้
สายพันธุ์แกสบี้อเมริกันนั้นจะมีขนสั้น เป็นหนึ่งในสายพันธุ์ที่มีความเก่าแก่ที่สุด ที่นักเพาะพันธุ์มีข้อมูล โดยมีต้นกำเนิดจากทางอเมริกาใต้
สายพันธุ์แกสบี้เท็กเซลถือเป็นสายพันธุ์ที่ค่อนข้างใหม่ มีขนยาว สายพันธุ์นี้เกิดขึ้นที่ประเทศอังกฤษ โดยเกิดจากการผสมสายพันธุ์ Silkie และ Rex เข้าด้วยกัน สายพันธุ์นี้ได้รับการยอมรับอย่างเป็นทางการจาก American Cavy Breeders Association (ACBA) ใน ปี 1988 โดยลักษณะจะเหมือน Silkie คือมีขนยาว แต่ตัวขนจะมีความหยิกที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว
สายพันธุ์นี้มีต้นกำเนิดอยู่ที่อเมริกาใต้ มีขนสั้น ส่วนใหญ่แล้วแกสบี้สายพันธุ์ฮิมาลายันจะมีสีขาวอุ้งเท้าดำและตาสีแดง ถ้าน้องมีสีเข้มบริเวณจมูกและหูจะเป็นที่นิยมในหมู่นักเพาะพันธุ์ ที่มักจะนำน้องมาจัดแสดง
สายพันธุ์เร็กซ์มีขนสั้นชี้คล้ายรูปแบบของเม่น โดยจากข้อมูลบอกว่าเล็บของสายพันธ์ุเร็กซ์จะยาวเร็วเป็นพิเศษดังนั้นจึงต้องการการดูแลเพิ่มเล็กน้อย โดยควรจับมาดูบริเวณเล็บบ่อยๆว่ายาวหรือยัง
สายพันธุ์แกสบี้ เท็ดดี้นั้นจะมีลักษณะตัวสั้น โดยขนนั้นจะมีลักษณะคล้ายลวดโดยไม่ถึงขนาดหยิกมากนัก โดยสายพันธุ์เกิดขึ้นจากการกลายพันธุ์ด้านกรรมพันธุ์
มีขนยาวเหมือน ซิลกี้ (Silkie) แต่จะแตกต่างที่มีขนบนหัวและมีขนหยิกเป็นลอนๆ
มีลักษณะขนยาวเป็นหนึ่งในสายพันธุ์หนูแกสบี้ที่มีคนนิยมเลี้ยงกันมาก โดยจะมีขนตรงและไม่มีขวัญบนหัว
มีลักษณะขนยาว เกิดจากการผสมกันระหว่างพันธ์ Peruvian และ Abyssinian คือจะมีขนยาวแต่มีขวัญจึงทำให้ขนชี้ไปในทิศทางต่างๆ
มีขนสั้นและมีลักษณะคล้ายกับพันธุ์อเมริกันมาก แต่มีขวัญสีขาวอยู่บนหัว
มีลีกษณะใกล้เคียงกับหนูแกสบี้ สายพันธุ์ซิลกี้ แต่ขนบริเวณด้านบนของลำตัวจะชี้ไปด้านหน้า โดยบนหัวจะมีขวัญ
ตามชื่อเลยคือสายพันธุ์นี้จะไม่มีขนบริเวณลำตัว แต่จะมีขนที่ปลายจมูกและหนวดปกติ
ลักษณะขนจะสั้นและชี้ไปในหลายทิศทางเนื่องจาก สายพันธุ์นี้จะมีขวัญอยู่ 10 ขวัญทั่วลำตัว ซึ่งกระจายกันอยู่อย่างเป็นระเบียบ
ที่บ้านของผู้เขียน จะมีน้องบันบันซึ่งเป็นสายพันธุ์ American มีสามสี และ น้องบิ้นบิ้นคุณแม่ลูกสาม ซึ่งเป็นพันธุ์ White Crest มงกุฎสีขาวโดยสามารถติดตามความน่ารักของน้องๆได้ทาง ช่อง Youtube ของเรา
ไม่ว่าจะเลี้ยงน้องสายพันธุ์ไหนก็ควรดูแลน้องให้ดีที่สุดเพื่อให้เค้ามีชีวิตที่ยืนยาว อาหารเม็ดที่ให้น้องก็ควรมีคุณภาพดีและมี Vitamin C เป็นส่วนประกอบด้วย โดยสามารถดูยี่ห้ออาหารเม็ดแนะนำจากเราได้ รวมถึงสินค้าอื่นๆที่แนะนำสำหรับน้องแกสบี้ ตะเภา หรือ หนูขวัญเราก็เขียนแนะนำไว้แล้ว