Introduction

วิธีเลี้ยงหนูแกสบี้นั้นไม่ยาก หนูแกสบี้นั้นเลี้ยงง่าย เหมาะสำหรับผู้ที่รักสัตว์ทุกเพศทุกวัย เมื่อรับน้องมาเลี้ยงครั้งแรกย่อมต้องตื่นเต้น หรือ วิตกกังวลบ้าง ซึ่งผู้เขียนก็เคยผ่านจุดนั้นมาแล้วจึงเข้าใจ และ อยากสรุปเกร็ดความรู้ที่สำคัญเรื่อง วิธีเลี้ยงหนูแกสบี้ มาให้มือใหม่ ที่เพิ่งรับน้องหนูแกสบี้มาเลี้ยงได้อ่านกัน

ทำไมถึงเรียกว่าหนูแกสบี้?

หนูแกสบี้อยู่ในตระกูลสัตว์ฟันแทะ ชื่อในภาษาอังกฤษคือ Guinea pig หรือ Cavy โดยในไทยจะเรียกกันว่า หนูแกสบี้ หรือ หนูตะเภา เหตุที่เรียกว่าแกสบี้ก็ไม่มีใครทราบแน่ชัด เชื่อว่าเกิดจากการเรียกผิดและ ก็มีการเรียกผิดต่อๆกันมา

12 ความรู้เกี่ยวกับ วิธีเลี้ยงหนูแกสบี้ ที่ผู้เลี้ยงควรรู้

1. เลือก กรงแกสบี้ ให้เหมาะกับหนูแกสบี้

• ขนาดกรงควรมีขนาดใหญ่พอที่น้องจะสามารถเดินหรือวิ่งได้ ถ้าขนาดกรงเล็กเกินไปอาจทำให้น้องเครียด และเป็นเรื่องสำคัญที่ขนาดของกรงควรใหญ่พอที่จะให้น้องเดินหรือวิ่งในแนวตรงได้

• ถ้าใช้กรงที่มีตะแกรง ต้องมีที่รองเท้าให้น้องเพราะตะแกรงจะทำให้เท้าน้องที่บอบบางเป็นแผล อย่างร้ายแรงอาจเป็นแผลอักเสบที่อันตรายถึงชีวิตได้

• กรงควรตั้งอยู่ในที่ที่อากาศถ่ายเทสะดวกและไม่โดนแดดตรงๆ

2. อาหารหลักของหนูแกสบี้ คือหญ้าแห้ง

80% ของอาหารที่แกสบี้กินควรเป็นหญ้าแห้ง เช่น หญ้าทิโมธี ย้ำว่าเป็นหญ้าแห้งไม่ใช่อาหารเม็ด เนื่องจากปริมาณไฟเบอร์และสารอาหารที่เหมาะสม อีกทั้งหนูแกสบี้ต้องกินของที่แข็งเพียงพอที่จะลับฟันของตนไม่ให้ยาวจนเกินไป อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ อาหารที่หนูแกสบี้กินได้ รวมถึงอาหารเม็ดแนะนำสำหรับหนูแกสบี้

3. หนูแกสบี้ห้ามใช้วงล้อหมุน

หนูแกสบี้ห้ามใช้วงล้อหมุนเพื่อวิ่งเด็ดขาดเพราะมันไม่เหมาะกับสรีระน้องและจะทำให้ หลังน้องบาดเจ็บได้ ที่เห็นมีขายอยู่ตามตลาดนั้นสำหรับหนูแฮมสเตอร์ เม่นแคระ หรือ กระรอก

4. หนูแกสบี้ต้องได้รับ Vitamin C ทุกวัน

ร่างกายหนูแกสบี้ไม่สามารถสังเคราะห์ วิตามิน C เองได้ดังนั้นน้องต้องได้รับ วิตามินซี เสริม หรือ กินอาหารเม็ดที่มีปริมาณ วิตามินซีเพียงพอ รวมทั้งควรกินอาหารเสริมบ้างเป็นครั้งคราว

6. การติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจส่วนบน เป็นสาเหตุการเสียชีวิตส่วนใหญ่ของหนูแกสบี้

ถ้าน้องมีอาการหายใจแรง มีเสียงครืดๆ หรือหายใจแล้วตัวกระเพื่อม รวมถึงมีน้ำมูก ควรรีบพาไปหาหมอทันที เพราะนี่อาจเป็นสัญญาณเบื้องต้นของอาการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ โดยปกติแล้วจะไม่สามารถหายเองได้ ต้องให้น้องได้รับฆ่าเชื้อ แล้วอาการจะดีขึ้นอย่างรวดเร็ว

7. วิธีอุ้มหนูแกสบี้

• วิธีอุ้มหนูแกสบี้นั้นควรเอามือหนึ่งประคองตัวน้องและอีกมือรองก้นน้องไว้เสมอ

• เวลาอุ้มน้องออกจากกรงไม่ควรต้อนน้องนานเพราะจะทำให้เกิดความเครียด ควรรีบอุ้มออกมาเลย หรือไม่ก็หาอุโมงค์ให้น้องมุด พอน้องอยู่ด้านในแล้วค่อยยกออกมา

• ขณะวางตัวกลับเข้ากรง ให้ปล่อยน้องโดยน้องหันหน้าเข้าตัวเราเพื่อไม่ให้น้องดิ้นก่อนที่จะลง

9. เสริมสร้างภูมิคุ้มกันด้วยการโดนแดดอ่อนๆได้

หนูแกสบี้ไม่ควรตากแดดตรงๆเพราะจะทำให้ร้อนจนเป็น Heat Stroke ได้ แต่การตากแดดอ่อนยามเช้าจะช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันได้เช่นเดียวกับมนุษย์

10. เมื่อรับน้องมาเลี้ยงใหม่

• หนูแกสบี้แต่ละตัวก็จะมีนิสัยที่ต่างกันเหมือนคน ดังนั้นการปรับตัวได้ช้าเร็วก็ขึ้นอยู่น้องๆเป็นรายไป แรกๆน้องจะไม่ยอมให้จับวิ่งหนีตลอดต้องให้เวลาน้องเค้าปรับตัวจนเคยชิน และเค้าจะยอมให้จับเอง

• ถ้ามีหนูแกสบี้ที่เคยเลี้ยงอยู่แล้วให้แยกกรงกันก่อน เพื่อสังเกตุอาการดูว่าตัวใหม่นั้นมีโรคติดต่อรึเปล่า แยกไว้สัก 1 – 2 สัปดาห์เมื่อแน่ใจแล้วว่าไม่ได้มีอาการผิดปกติค่อยพาน้องมารวมกับหนูแกสบี้ที่เคยเลี้ยงไว้แล้ว

11. ไม่จำเป็นต้องอาบน้ำให้น้องบ่อย

• ปกติน้องแกสบี้ จะเป็นสัตว์ที่รักสะอาดอยู่ประมาณนึงแล้ว น้องสามารถจัดการทำความสะอาดตัวเองได้ค่อนข้างดีอยู่แล้ว

• ถ้ารู้สึกว่าน้องมีกลิ่นเริ่มเหม็นให้ทำความสะอาดกรงบ่อยๆดูก่อน เพราะกรงอาจสกปรกจนทำให้น้องมีกลิ่น

• การอาบน้ำบ่อยๆและเป่าตัวไม่แห้ง อาจทำให้น้องป่วยได้ ถ้าอยากทำความสะอาดสามารถเช็ดตัวน้องแทนก่อนได้ ด้วยทิชชู่เปียกสัตว์เลี้ยง

• โดยเฉลี่ยแล้วอาบน้ำปีละ 1-2 ครั้งก็เพียงพอแล้ว

12. วิธีนำน้องที่ไม่เคยอยู่ด้วยกันมาอยู่ร่วมกัน

• ควรแยกเพศน้อง ไม่ควรนำเพศผู้และเมียจำนวนมากมาอยู่รวมกัน

• ก่อนจะนำมาอยู่ร่วมกรงเดียวกันให้อาบน้ำให้อาบจนไม่เหลือกลิ่นของน้องแต่คนก่อน

• ทำความสะอาดกรงให้หมดจดจนไม่เหลือกลิ่นเดิม

• หลังจากทำให้กลิ่นเป็นกลิ่นใหม่ทั้งหมดแล้วจึงนำน้องมาอยู่ร่วมกัน

ยาสามัญประจำบ้านของคนเลี้ยงหนูแกสบี้

สิ่งที่เป็นเสมือนยาสามัญประจำบ้านของคนเลี้ยงหนูแกสบี้ หนูตะเภา หนูขวัญ นั่นก็คือผงอาหารบำรุงร่างกาย ซึ่งใช้ผสมน้ำและป้อนน้องที่ป่วยหรือกำลังฟื้นตัวให้มีผ่านไซริ้ง เพื่อให้มีสุขภาพที่ดีขึ้นและแข็งแรงโดยเร็ว ในกรณีที่น้องป่วยและไม่ยอมกินอาหารเลยอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ อาหารยาบำรุงร่างกายที่เป็นที่นิยมมีสองแบบที่จะแนะนำ