สิ่งที่ฉันสนใจคือ สัตว์นานาชนิด สัตว์แปลกตาต่างๆ วันนี้จะมานำเสนอสัตว์ที่ทุกคนอาจจะไม่เคยได้รู้จักมาก่อน
สิ่งที่ฉันสนใจคือ สัตว์นานาชนิด สัตว์แปลกตาต่างๆ วันนี้จะมานำเสนอสัตว์ที่ทุกคนอาจจะไม่เคยได้รู้จักมาก่อน
เจ้ามาร์มอตนั้นอาศัยอยู่ในพื้นที่แถบเทือกเขาสูง แถบยุโรป หรือเอเชียตะวันตกเฉียงเหนือ ซึ่งมีเทือกเขาอยู่เยอะมาก แต่ด้วยอากาศที่หนาวเย็น ทำให้มันต้องขุดโพรงอยู่ใต้ดินเพื่อสร้างความอบอุ่น
โดยโพรงของมันนั้นจะแบ่งออกเป็นหลายห้อง เป็นห้องนอน 1 ห้อง ส่วนห้องอื่นๆ ก็จะเป็นห้องหลบภัย และด้วยความที่เจ้ามาร์มอตนั้นเป็นสัตว์ที่รักความสะอาดจึงจะมีห้องห้องหนึ่งที่ถูกแยกไว้ขับถ่ายโดยเฉพาะอีกด้วยนะ
มาร์มอตนั้นจะจำศีลในช่วงฤดูหนาว เป็นสัตว์กินพืช เช่น หญ้า ลูกไม้ เห็ด รา สาหร่าย ผลไม้ มอส รากไม้ และดอกไม้ชนิดต่างๆ
เป็นสัตว์ที่ชอบเข้าสังคม มันจะใช้เสียงแหลมๆ เล็กๆ คล้ายกับนกหวีดสื่อสารกันในหมู่ของพวกมันเอง และเสียงนั้นจะดังยิ่งขึ้นเมื่อพวกมันรู้สึกถึงภัยอันตราย หรือช่วงที่ตกใจ
นอกจากนี้เจ้ามาร์มอตนั้นยังเป็นสัตว์ที่ได้ชื่อว่าเป็นตัวแพร่เชื้อโรคร้ายอันก่อให้เกิดกาฬโรคสู่มนุษย์ได้อีกด้วย นั่นเพราะว่ามันถูกแพร่โรคโดยหมัดที่เป็นพาหะของเชื้อโรคที่มีชื่อว่า Yersinia pestis อันเป็นเชื้อที่ก่อให้เกิดโรคกาฬโรคนั่นเอง
โดยเจ้าเชื้อนี้จะส่งผ่านจากตัวหมัดที่มีคุณสมบัติการขย้อนได้มาสู่สัตว์ชนิดฟันแทะ และจะไม่แสดงอาการใดๆ เลย แต่หลังจากที่พวกมันติดเชื้อโรคนี้ได้ไม่นานก็จะตายลง
นกชนหิน (Helmeted Hornbill)
นกชนหิน’ (Helmeted Hornbill) เป็นหนึ่งในนกเงือก 13 ชนิดที่พบได้ในประเทศไทย ปัจจุบันมีการกระจายตัวตามพื้นที่ป่าทางใต้ของไทย นกชนหินถือเป็นตัวชี้วัดความอุดมสมบูรณ์ของผืนป่า และระบบนิเวศเป็นอย่างดี เนื่องจากนกชนหินหรือนกเงือกเป็นตัวกระจายเมล็ด (Seed disposal) ที่สำคัญ หรือที่เราเรียกกันว่า ‘นักปลูกป่า’ นั่นเอง นกชนหินเป็นสัตว์ป่าสงวนลำดับที่ 20 ของประเทศไทย เมื่อวันที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2565 ที่ผ่านมา
นกชนหินตัวผู้จะมีลักษณะคอเป็นหนังสีแดงเข้ม ส่วนตัวเมียหนังคอสีฟ้าอ่อนแกมม่วง ปลายปากและโหนกด้านหน้ามีสีเหลือง ส่วนที่เหลือจะมีสีแดงเข้ม ปลายขนปีกบินขาว และนกชนหินจะมีปากที่ค่อนข้างสั้น สียงร้องของนกชนหินตัวผู้ สามารถดังไปไกลถึง 2 กิโลเมตร เสียงดังกังวาน โดยเริ่มจากเสียง ‘อู๊ก’ ติดต่อกัน จากนั้นค่อยๆ เร่งจังหวะขึ้นเรื่อยๆ ก่อนถึงจุดพีคสุดตอนท้าย คล้ายกับเสียงหัวเราะ และในบางครั้งจะมีเสียงตัวเมียร่วมร้องด้วย โดยระดับเสียงตัวเมียจะสูงกว่าตัวผู้เล็กน้อย พบได้บ่อยในช่วงฤดูผสมพันธุ์
นกชนหินส่วนใหญ่กินผลไม้เป็นหลัก โดยเฉพาะมะเดื่อที่มีหลากหลายสายพันธุ์ในภาคใต้ของประเทศไทย นอกจากมะเดื่อแล้วยังมีผลไม้ชนิดอื่นที่นกชนหินกินได้ และยังสามารถกินสัตว์ขนาดเล็ก อาทิเช่น หนูและรังนก รวมถึงนกเงือกที่มีขนาดเล็กกว่าได้ และนกชนหินจะใช้เวลาครึ่งวันในการล่าเหยื่อโดยประมาณ
ปัจจุบันนกชนหินอยู่ในสถานภาพเสี่ยงสูญพันธุ์อย่างยิ่ง (Critically endangered) ตาม IUCN Red List ต้องติดตามกันต่อไปว่าแนวโน้มประชากรของนกชนหินในอนาคตจะเป็นเช่นไร และปัญหาการค้าสัตว์ป่าจะลดลงได้หรือไม่ ในเมื่อนกชนหินได้ปรับสถานะจากสัตว์ป่าคุ้มครองเป็น ‘สัตว์ป่าสงวน’ ที่หมายความว่าเราต้องสงวนไว้อย่างยิ่งยวด
เต่ามะเฟือง (Leatherback turtle)
เต่ามะเฟือง (Leatherback turtle) มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Dermochelys coriacea จัดอยู่ในกลุ่มสัตว์เลื้อยคลาน (Reptile) เป็นเต่าทะเล โตเต็มวัยมีขนาด 1.5 ถึง 2.5 เมตร น้ำหนัก 800 ถึง 900 กิโลกรัม จัดเป็นเต่าทะเลที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก
กระดองของเต่ามะเฟือง มีลักษณะเป็นหนังหุ้ม ซึ่งต่างจากเต่าชนิดอื่นที่กระดองแข็ง ลักษณะตีนเป็นใบพาย เพื่อใช้ในการเคลื่อนที่ในน้ำ หัวใหญ่ไม่สามารถหดกลับเข้ากระดองได้ และกระดองหลังมีลักษณะร่องสันนูนตามยาว 7 สัน คล้ายผลมะเฟือง จึงเป็นที่มาของชื่อ ‘เต่ามะเฟือง’
เต่ามะเฟืองมีการดำรงชีวิตใต้ทะเลเกือบชั่วชีวิต โดยมีอาหารหลักจำพวกแมงกะพรุน และสามารถดำน้ำได้ลึกถึง 1,280 เมตร จะขึ้นมาผสมพันธุ์และวางไข่บนบกบริเวณชายหาดเท่านั้น เต่ามะเฟืองเพศเมียจะวางไข่ประมาณ 66 ถึง 104 ฟองต่อหลุม ขึ้นอยู่กับ อายุ สภาพอากาศ และสภาพแวดล้อมของหาดที่วางไข่ โดยหาดต้องมีลักษณะที่เหมาะสม คือ มีระดับน้ำลึก และมีแนวลาดชันขึ้นสู่หาด
ไข่เต่ามะเฟืองจะใช้เวลาในการฟักประมาณ 60 ถึง 70 วัน และมีเพียง 85 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ที่จะได้ฟักออกมา ระหว่างนี้อุณหภูมิในหลุมไข่จะเป็นตัวแปรสำคัญในการกำหนดเพศของลูกเต่า โดยทั่วไปสัดส่วนของลูกเต่าเพศเมียจะมีมากขึ้น เมื่ออุณหภูมิในหลุมฟักไข่สูงขึ้น
เมื่อฟักออกมาจากไข่ เหล่าลูกเต่าจะยังคงอยู่ในหลุมฟักไข่อีก 1 ถึง 2 วัน เพื่อรอให้ไข่ฟองที่เหลือฟักตัวออกมา จากนั้นจะอาศัยช่วงเวลากลางคืนคลานออกมาจากหลุมพร้อม ๆ กัน และมุ่งหน้าลงสู่ทะเล เพื่อไปเผชิญกับโลกใบใหม่
ปัจจุบันเต่ามะเฟืองจัดอยู่ในสถานภาพการอนุรักษ์ในระดับโลก คือ มีแนวโน้มใกล้สูญพันธุ์ (Vulnerable : VU) โดย IUCN และสถานภาพการอนุรักษ์ในประเทศไทยเป็น “สัตว์ป่าสงวน” ตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2562
นกแม็กพายออสเตรเลีย (Australian magpie - 𝘎𝘺𝘮𝘯𝘰𝘳𝘩𝘪𝘯𝘢 𝘵𝘪𝘣𝘪𝘤𝘦𝘯) คือหนึ่งในนกที่อันตรายที่สุดในโลกร่วมกับนกคาสโซวารี่และนกปิโตฮุย (Pitohui) มันจัดเป็นนกวงศ์เดียวกับพวก Butcher bird ซึ่งเป็นนกเกาะคอนจำพวกหนึ่งที่คล้ายกับอีกา นกแม็กพายชนิดนี้จะพบได้ตามพื้นที่ป่าและที่ราบในออสเตรเลียตะวันออกและตอนใต้เสียส่วนมาก
นกแม็กพายเป็นนกที่ฉลาดมาก มันสามารถแก้ปัญหาการกินอาหารที่อยู่ในขวดน้ำได้ ด้วยการคาบก้อนหินมาใส่ในขวดให้น้ำเพิ่มระดับแล้วกินอาหารที่ลอยมาได้ระดับที่จะงอยปากจิกได้ จัดว่าเป็นพฤติกรรมที่แสดงถึงการแก้ปัญหาของนกได้
ช่วงฤดูที่นกแม็กพายทำรังก็คือช่วงเดือนสิงหาคม-พฤศจิกายน (ปลายฤดูหนาวกับฤดูใบไม้ผลิ) กับ ช่วงกุมภาพันธ์-เมษายน (ฤดูร้อน) ซึ่งช่วงเดือนที่จะไม่เจอนกแม็กพายคือช่วงมิถุนายนกับกรกฎาคม ซึ่งเป็นฤดูใบไม้ร่วงของออสเตรเลียนั่นเอง
นกแม็กพายตัวที่ทำหน้าที่ปกป้องรังคือพ่อนก โดยระยะที่พวกมันรู้สึกปลอดภัยขณะไล่ผู้บุกรุกคือช่วงประมาณ 50-100 เมตร หรือช่วงเว้นระยะห่างต้นไม้ 4-5 ต้น โดยการจู่โจมเน้นไปที่หัวและลูกตา ซึ่งพวกมันก็แม่นด้วยเรื่องการจู่โจมเข้าเต็มๆอย่างหนักหน่วง แถมสามารถตีหัวติดคริแบบเบิ้ลสองได้ด้วย