ค่ารับรองสามารถนำมาเป็นค่าใช้จ่ายได้ แต่มีหลักเกณฑ์ที่นำมาเป็นค่าใช้จ่ายทางภาษีได้ตามสรรพกร ดังนั้นส่วนที่เกินจากหลักเกณฑ์จะถือเป็นค่าใช้จ่ายต้องห้าม
ไม่เกิน 0.3% ของรายได้ของบริษัทใน 1 ปี
หรือ ไม่เกิน 0.3% ของรายได้ (กรณีรายได้สูงกว่าทุนจดทะเบียน)
ค่ารับรองสามารถแบ่งออกได้ 2 แบบ
ค่ารับรองที่เป็นค่าบริการ เช่น
ค่าที่พัก
ค่าพาหนะ
ค่าอาหารและเครื่องดื่ม
ค่ารับรองที่เป็นค่าบริการกฎหมายไม่ได้กำหนดเพดานมูลค่าบริการเอาไว้
ค่ารับรองที่ให้เป็นสิ่งของ
มูลค่าของสิ่งของที่ให้นั้นต้องไม่สูงเกินสมควร โดยจำกัดไว้ที่ไม่เกิน 2,000 บาทต่อคนต่อคราวที่ให้การรับรอง (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)
ต้องจัดทำใบขออนุมัติเบิกค่ารับรอง โดยต้องมีกรรมการ หรือผู้จัดการ หรือบุคคลที่ได้รับมอบหมายจากกิจการให้เป็นผู้มีอำนาจอนุมัติ
ต้องระบุว่าบุคคลภายนอกที่กิจการเลี้ยงรับรองเป็นใคร เกี่ยวข้องกับกิจการอย่างไร ควรระบุชื่อ ที่อยู่ และหมายเลขโทรศัพท์ของบุคคลที่เลี้ยงรับรองด้วย
ต้องมีหลักฐานการจ่ายเงินค่ารับรอง เช่น ใบเสร็จรับเงิน ใบสำคัญรับเงิน