กระทรวงศึกษาธิการ ได้จัดตั้งสถาบันพัฒนาผู้บริหารการศึกษา เป็นหน่วยงานจัดฝึกอบรมผู้บริหารการศึกษา โดยได้มี
การตราพระราชกฤษฎีกาแบ่งส่วนราชการ ในสำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ. 2522 ลงวันที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2522 และได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ลงวันที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2522 เล่มที่ 96 ตอนที่ 80 โดยมีฐานะเทียบเท่ากอง
การก่อตั้งครั้งแรกได้รับงบประมาณจากรัฐบาลเป็นเงิน 24.07 ล้านบาท และได้รับความช่วยเหลือจากธนาคารโลกในรูปเงินกู้เป็นเงิน 28.29 ล้านบาท เพื่อใช้ในการก่อสร้างอาคารสถานที่ครุภัณฑ์ วัสดุ อุปกรณ์ และความช่วยเหลือทางวิชาการ โดยพระเทพวรเวที เจ้าอาวาสวัดไร่ขิง อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม ซึ่งต่อมาได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ เป็น พระอุบาลีคุณูปมาจารย์ ได้อนุญาตให้ใช้ที่ดินของวัดไร่ขิง จำนวน 49 ไร่ เป็นสถานที่ก่อสร้างที่ตั้งสถาบันพัฒนาผู้บริหารการศึกษา โดยไม่คิดค่าตอบแทนใด ๆ ทั้งสิ้น ประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์สถาบันพัฒนาผู้บริหารการศึกษาเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2525 การดำเนินการก่อสร้างเสร็จเรียบร้อยและเปิดทำการ เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2527
สถาบันพัฒนาผู้บริหารการศึกษามีภารกิจหลัก คือ ทำหน้าที่รับผิดชอบเกี่ยวกับการฝึกอบรมเตรียมผู้บริหารสถานศึกษา (Pre – Promotional Training) และพัฒนาผู้บริหารสถานศึกษาและผู้บริหารการศึกษา สังกัดกระทรวงศึกษาธิการ ทั้งผู้บริหารประจำการ (In-Service Training) การฝึกอบรมเฉพาะสาขาวิชา (Specialized Training) การฝึกอบรมในประเทศ และการประชุมนานาชาติ (International Conference) นอกจากนี้ ยังจัดประชุมสัมมนาระดมความคิดเกี่ยวกับการบริหารการศึกษาตามความต้องการ ของกรมกองต่าง ๆ และได้ปฏิบัติหน้าที่ตามนโยบายและแผนพัฒนาผู้บริหารการศึกษาของ กระทรวงศึกษาธิการอย่างต่อเนื่องถึง ปี พ.ศ. 2529 ซึ่งเป็นปีที่การดำเนินงานตามข้อผูกพันที่มีต่อธนาคารโลกสิ้นสุดลง
รัฐบาลได้มีการปฏิรูปการศึกษาตามแผนพัฒนาการศึกษาระยะที่ 8 (พ.ศ. 2540-2544) และตราพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติในปี พ.ศ. 2542 และแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2545 มาตรา 52 กำหนดให้กระทรวงศึกษาธิการส่งเสริมให้มีระบบกระบวนการผลิต พัฒนาครู คณาจารย์และบุคลากรทางการศึกษา ให้มีคุณภาพ และมาตรฐานที่เหมาะสมกับการเป็นวิชาชีพชั้นสูง โดยการกำกับและประสาน ให้สถาบันที่ทำหน้าที่ผลิตและพัฒนาครู คณาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษา รวมทั้งบุคลากรทางการศึกษาให้มีความพร้อมและความเข้มแข็งในการเตรียมบุคลากรใหม่ และการพัฒนาบุคลากรประจำอย่างต่อเนื่องอันเป็นผลกระทบโดยตรงต่อบทบาท และหน้าที่ของสถาบันพัฒนาผู้บริหารการศึกษา ดังนั้น จึงได้มีการจัดตั้งหน่วยงานตามนโยบายการปฏิรูปการศึกษา ซึ่งเป็นส่วนราชการระดับสำนัก ชื่อว่า “สถาบันพัฒนาครู คณาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษา” โดยตราเป็นพระราชกฤษฎีกาตามราชกิจจานุเบกษา เล่ม 122 ตอนที่ 100 ก เรื่อง ประกาศกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการ สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ. 2548 ลงวันที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2548 ซึ่งระบุอำนาจหน้าที่เป็นศูนย์ประสานงานการพัฒนาครู คณาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษา สำหรับหน่วยงานภาครัฐ และเอกชน จัดทำนโยบายแผนและแนวทางการพัฒนาครู คณาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษา เสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติ แนะนำ และติดตามประเมินผลการปฏิบัติงานของหน่วยเป็นไปตามแผนและแนวทาง การพัฒนาครู คณาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษา ส่งเสริมการวิจัย พัฒนานวัตกรรมและสื่อในการพัฒนา พัฒนารูปแบบ และมาตรฐานการฝึกอบรมจัดทำฐานข้อมูลในการพัฒนา ส่งเสริม ประสานเครือข่ายการพัฒนาครู คณาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษา ประสานงานการระดมทรัพยากรและแสวงหาความร่วมมือจากภาครัฐเอกชนทั้งภายใน และภายนอกประเทศ ดำเนินการพัฒนาครู คณาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษาที่เป็นการทดลอง นำร่องหรือการพัฒนาสนับสนุน ปฏิบัติงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหรือที่ได้รับมอบหมาย
ตราสถาบันพัฒนาครู คณาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษา เป็นตรารูปดอกบัวสีขาวเผยอบานออกแล้ว 4 กลีบ โผล่เหนือน้ำซึ่งเป็นเกลียวคลื่นสีคราม ล้อมรอบด้วยกลีบดอกบัวสีทอง ตัดเส้นด้วยสีดำ 16 กลีบ ตั้งอยู่บนก้านบัวสีดำถักร้อยต่อกัน 32 ท่อน ภายในดวงตราเหนือดอกบัวมีอักษร ไทยเป็นภาษาบาลีลายเส้นสีดำว่า “ปญฺญา นตฺถิ อฌายโต” และภายใต้ดวงตราด้านล่างมีตัวอักษรภาษาไทยสีดำเส้นทึบกำกับไว้ว่า สถาบันพัฒนาครู คณาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษา
ความหมายสัญลักษณ์ของตราสถาบันพัฒนาครู คณาจารย์และบุคลากรทางการศึกษา
1. สีเทาอ่อน หมายถึง มันสมอง
2. สีฟ้า หมายถึง อาณาจักรแห่งความรู้อันกว้างใหญ่ไพศาล หาขอบเขตมิได้ประดุจท้องฟ้า
3. ดอกบัว หมายถึง ปัญญา
4. น้ำ หมายถึง สิ่งที่ทำให้ชุ่มชื่นและก่อให้เกิดชีวิตโดยเฉพาะในการบริหารงาน อาศัยน้ำ 4 อย่าง คือ น้ำใจ (การเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่) น้ำคำ (พูดสุภาพไพเราะ) น้ำแรง (กำลังใจในการทำงาน) และน้ำพัก (การรู้จักพักจิตใจไว้ระยะหนึ่งมิให้เกิดความเหนื่อยเมื่อยล้าและเกิดความท้อถอย)
5. ดอกบัวเหนือน้ำ หมายถึง ผู้ที่เจริญด้วยปัญญาหรือผู้ที่ได้รับการพัฒนาที่ดีแล้ว
6. กลีบดอกบัวบานแล้ว 4 กลีบ หมายถึง ความพร้อมที่จะรับความรู้ตามหลักของนักปราชญ์ 4 ประการ คือ ฟัง คิด ถาม จำ
7. กลีบบัวรอบ หมายถึง ความรู้ซึ่งพึงจะต้องแสวงหารอบตัวเรามีอยู่อีกมาก
8. ก้านบัวร้อยต่อกันหมายถึง การรู้จักบูรณาการความรู้และการนำเอาความรู้ไปประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อสังคม โดยอาศัยคุณธรรมเป็นเครื่องค้ำจุนอีกด้วย
สีฟ้า
สีเทา