ประวัติความเป็นมา
โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนศาสตราจารย์ ดอกเตอร์ เนวิน สคริมชอว์ เดิมชื่อโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนบ้านป่าไม้ ตั้งอยู่ หมู่ที่ ๑๔ ตำบลคอแลน อำเภอบุณฑริก จังหวัดอุบลราชธานี พิกัด WB ๕๐๕๔๖๔ ปัจจุบันโรงเรียนมีพื้นที่ ทั้งหมด ๕๖ ไร่ ๒ งาน ๗๑ ตารางวา อยู่ห่างจากที่ว่าการอำเภอ ๒๕ กิโลเมตร และห่างจากศาลากลางจังหวัดอุบลราชธานี ๑๒๐ กิโลเมตร
เดิมโรงเรียน ตั้งอยู่ที่บ้านป่าไม้ หมู่ที่ ๘ ตำบลคอแลน อำเภอบุณฑริก จังหวัดอุบลราชธานี โดยหมู่บ้านป่าไม้ตั้งขึ้นเมื่อปี ๒๕๓๔ ตามโครงการพัฒนาป่าบุณฑริก ในรูปหมู่บ้านป่าไม้ โดยจัดระบบหมู่บ้านออกเป็นกลุ่ม แต่ละกลุ่มจะมีหัวหน้าเป็นผู้รับผิดชอบ มีราษฎรจำนวน ๒๒๐ คน ขณะนั้นหมู่บ้านยังไม่มีโรงเรียนให้บุตรหลานได้เรียนหนังสือ ดังนั้นในปี ๒๕๓๓ คณะกรรมการหมู่บ้านร่วมกับนายมณเฑียร มะลิทอง หัวหน้าโครงการพัฒนาป่าบุณฑริก พันตำรวจโทจรูญ น่วมโพธิ์ สารวัตรใหญ่สถานีตำรวจภูธรอำเภอบุณฑริก และนายสว่าง มุสิกะสาร นายอำเภอบุณฑริก (ในขณะนั้น) ได้ทำหนังสือถึง กองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ ๒๒ ค่ายสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี เพื่อขอให้จัดตั้งโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนขึ้นที่บ้านป่าไม้ กองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ ๒๒จึงได้เสนอขออนุมัติไปยังหน่วยเหนือ
เมื่อวันที่ ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๓๖ สำนักงานการประถมศึกษาแห่งชาติ ได้อนุมัติให้กองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ ๒๒ จัดตั้งโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนบ้านป่าไม้ ตามหนังสือสำนักงานการประถมศึกษาแห่งชาติ ที่ ศธ ๑๔๐๔/๒๒๗๕๕ ลงวันที่ ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๓๖ ราษฎรบ้านป่าไม้ ได้ร่วมกันก่อสร้างอาคารเรียนชั่วคราวขึ้น จำนวน ๑ หลัง ขนาด ๓ ห้องเรียน ในเขตพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ มีพื้นที่ ๕๖ ไร่ ๒ งาน ๗๑ ตารางวา เปิดทำการเรียนการสอนครั้งแรกเมื่อวันที่ ๑๒ ตุลาคม ๒๕๓๖ โดยนายสว่าง มุสิกะสาร นายอำเภอบุณฑริก เป็นประธานในพิธีเปิด
โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนบ้านป่าไม้ได้เปิดทำการเรียนการสอนครั้งแรกตั้งแต่ชั้นเด็กเล็กถึงชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖ มีนักเรียนจำนวน ๑๐๑ คน มีครูตำรวจตระเวนชายแดนทำการสอน จำนวน ๕ นาย โดยมี จ่าสิบตำรวจวราวุธ พรมกอง ทำหน้าที่ครูใหญ่คนแรก
เมื่อวันที่ ๑๗ ตุลาคม ๒๕๓๖ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ วสันต์ พรหมบุญ จากวิทยาลัยครูจันทรเกษมกรุงเทพมหานคร ได้นำนักศึกษาจำนวน ๓๘ คน ออกค่ายอาสาพัฒนาและทำการก่อสร้างอาคารเรียนถาวรจำนวน ๑ หลัง ๗ ห้องเรียน โดยมีนายศุชัย–นางกุหลาบ ยอดโพธิ์ทอง เป็นผู้บริจาคเงิน จำนวน ๓๓๐,๐๐๐ บาท ก่อสร้างแล้วเสร็จและทำพิธีมอบอาคารให้กับกองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ ๒๒ เมื่อวันที่ ๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๓๖ โดยนายศุชัย–นางกุหลาบ ยอดโพธิ์ทอง เป็นผู้มอบ และพันตำรวจเอกสุทิน เขียวรัตน์ รองผู้บังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค ๒ รักษาการในตำแหน่ง ผู้กำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ ๒๒ เป็นผู้รับมอบ และขึ้นทะเบียนที่ราชพัสดุประเภทสิ่งก่อสร้างของรัฐ ที่อาศัยปลูกอยู่ที่ดิน ที่มิใช่ที่ราชพัสดุเป็นลำดับที่ อบ. ๑๑๔๗
เมื่อเดือน กันยายน ๒๕๓๗ คณะกรรมการโรงเรียน ผู้ปกครองคณะครูและชุดช่างจากกองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ ๒๒๕ อำเภอเดชอุดม ได้ร่วมกันก่อสร้างโรงอาหารจำนวน ๑ หลัง และอาคารร้านค้าสหกรณ์ จำนวน ๑ หลัง โดยใช้วัสดุที่รื้อจากอาคารเรียนชั่วคราว โดยกองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ ๒๒ สนับสนุนวัสดุบางส่วน
เมื่อวันที่ ๕ ตุลาคม ๒๕๓๗ นายวรินทร์ ยอดโพธิ์ทอง ผู้ช่วยผู้อำนวยการวิทยาลัยกาญจนาภิเษก นายวิสุตร พึ่งบุญ และนายสรณะ กองกุลศิริ อาจารย์วิทยาลัยเทคนิคมีนบุรี นำนักศึกษา จำนวน ๔๙ คน ออกค่ายอาสาพัฒนาและก่อสร้างอาคารอเนกประสงค์ จำนวน ๑ หลัง เสาธงชาติและสนามเด็กเล่น ๑ แห่ง โดยกองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ ๒๒ สนับสนุนวัสดุอุปกรณ์ในการก่อสร้าง และได้ทำพิธีมอบอาคารให้กับทางราชการ เมื่อวันที่ ๒๐ ตุลาคม ๒๕๓๗ โดยมีนายสมเกียรติ พึ่งอามาตย์ ผู้อำนวยการวิทยาลัยเทคนิคมีนบุรี เป็นผู้มอบ พันตำรวจโทโชติ ไทยยิ่ง รองผู้กำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ ๒๒ เป็นผู้รับมอบ ซึ่งต่อมาได้ขึ้นทะเบียนเป็นที่ราชพัสดุ ประเภทสิ่งปลูกสร้างของรัฐที่อาศัยอยู่บนที่ดินที่มิใช่ที่ราชพัสดุ เป็นลำดับที่ อบ.๑๑๔๘
ปี ๒๕๓๙ โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนบ้านป่าไม้ ได้ดำเนินงานโครงการตามพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เพิ่มเติมอีก ๑ โครงการ คือ โครงการส่งเสริมโภชนาการและสุขภาพอนามัยแม่และเด็กในถิ่นทุรกันดาร รวมดำเนินการทั้งสิ้น ๘ โครงการ
เมื่อวันที่ ๑๐ สิงหาคม ๒๕๔๓ จังหวัดอุบลราชธานี ได้มีประกาศเรื่องจัดตั้งหมู่บ้านตามพระราชบัญญัติปกครองท้องที่ พ.ศ.๒๔๕๗ ทำให้โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนบ้านป่าไม้ ตั้งอยู่ในเขตท้องที่บ้านเจริญชัย หมู่ที่ ๑๔ ตำบลคอแลน อำเภอบุณฑริก จังหวัดอุบลราชธานี
เมื่อวันที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๔๓ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้เสด็จพระราชดำเนินทรงเยี่ยมโรงเรียนและทอดพระเนตรโครงการพระราชดำริ ครั้งที่สอง และมีพระราชกระแสที่สำคัญความว่า “เนื่องจากพื้นที่ของโรงเรียนมีบริเวณกว้างน่าที่จะปลูกพืชและเลี้ยงสัตว์ได้อย่างเพียงพอและจัดทำเป็นศูนย์ศึกษาแบบย่อย ๆ เป็นศูนย์การศึกษาที่ส่วนราชการส่วนใหญ่เข้ามาจัดกิจกรรมเกี่ยวกับการพัฒนาอาชีพ ที่ไม่ต้องลงทุนมาก จัดทำเป็นสวนตัวอย่างทำการเกษตร สามารถที่จะสาธิตให้กับชาวบ้านได้”
จากพระราชกระแสดังกล่าวโรงเรียนฯ จึงได้ตั้งโครงการขึ้นชื่อว่า“โครงการฟาร์มตัวอย่าง”โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนบ้านป่าไม้ โดยเริ่มดำเนินการในปี พ.ศ. ๒๕๔๔
เมื่อวันที่ ๑๔ กรกฎาคม ๒๕๔๗ นางสาวสนอง ขจรศิลป์-นายประสงค์ ขจรศิลป์ พร้อมญาติได้ทำการก่อสร้างอาคารเรียนถาวร ขนาด ๗ ห้องเรียน จำนวน ๑ หลัง พร้อมห้องน้ำ,ห้องส้วม ๘ ที่จำนวน ๑ หลัง และได้ทำการมอบอาคารเรียนและห้องน้ำ ห้องส้วมให้กับทางราชการเมื่อวันที่ ๘ พฤศจิกายน ๒๕๔๗ โดยมี พล.ต.ต.เธียรชัย เอี่ยมรักษา รองผู้บัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน เป็นผู้รับมอบ
เมื่อวันที่ ๒๗ มิถุนายน ๒๕๔๘ บริษัทเกียรติสุรนนท์กรุ๊ปร่วมกับบริษัทเอพีฮอนด้า จำกัด ได้ทำการก่อสร้างอาคารบ้านพักครู อาคารขนาด ๒ ชั้น ๔ ห้องนอน ๒ ห้องน้ำ จำนวน ๑ หลัง งบประมาณก่อสร้าง ๕๙๙,๗๖๕ บาท (ห้าแสนเก้าหมื่นเก้าพันเจ็ดร้อยหกสิบห้าบาทถ้วน) และได้ทำการมอบอาคารบ้านพักครูให้กับทางราชการเมื่อวันที่ ๒๘ กันยายน ๒๕๔๘ โดยมี พันตำรวจเอกโชติ ไทยยิ่ง รองผู้บังคับการกองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค ๒ ในนามของกองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน เป็นผู้รับมอบ
เมื่อวันที่ ๑ เมษายน ๒๕๕๙ มูลนิธิ ดร.พิชนี โพธารามิก เพื่อเด็กและคนชรา ได้ทำการก่อสร้างอาคารห้องปฏิบัติการคอมพิวเตอร์อาคารชั้นเดียวทรงมะลิลา ขนาด ๘×๑๐ ม.๒ จำนวน ๒ ห้อง ๑ ห้องน้ำ เสาคอนกรีตพื้นคอนกรีตเสริมเหล็กโครงหลังคาเหล็กมุงกระเบื้อง จำนวน ๑ หลัง งบประมาณก่อสร้าง ๑,๐๐๐,๐๐๐ บาท (หนึ่งล้านบาทถ้วน)
เมื่อวันที่ ๒๕ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๖ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงมีพระราชกระแสฯ กับ พล.ต.ท. อรรถชัย เกิดมงคล ผู้บัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน ให้พัฒนา รร.ตชด. ในภาคอีสาน เพื่อเป็นอนุสรณ์แก่พระอาจารย์ ศ.ดร.เนวิน เอส สคริมชอว์
เมื่อวันที่ ๒๙ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๖ พล.ต.ท. อรรถชัย เกิดมงคล ผู้บัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน กราบบังคมทูลถวายรายงานข้อมูลเพื่อทรงพิจารณาโปรดเกล้าฯ ที่ รร.ตชด.บ้านเทพภูเงิน ตำบลน้าโสม อำเภอน้าโสม จังหวัดอุดรธานี สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงมีพระราชกระแสรับสั่ง ให้พัฒนา รร.ตชด.บ้านป่าไม้ ตำบลคอแลน อำเภอบุณฑริก จังหวัดอุบลราชธานี เพื่อเป็นอนุสรณ์แก่พระอาจารย์ ศ.ดร.เนวิน เอส สคริมชอว์ (ตามข้อมูลที่กราบบังคมทูล ถวายรายงาน )
วันที่ ๑๙ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๖ กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน โดย พล.ต.ท. อรรถชัย- เกิดมงคล ผู้บัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน เรียนเชิญ ว่าที่ร้อยตรี กิตติ ขันธมิตร กรมวังผู้ใหญ่ ร่วมประชุมหารือแนวทางเพื่อจัดทาแผนพัฒนา รร.ตชด.บ้านป่าไม้ ตามพระราชกระแส สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน สรุปสาระการประชุม ที่ประชุมได้ กำหนดกรอบการพัฒนาโรงเรียนไว้ ๔ ด้าน ได้แก่
๑ ด้านกายภาพ มีความพร้อมด้านอาคาร สถานที่ มีความเหมาะสมกับการจัดการ เรียนการสอน
๒ ด้านการศึกษา การพัฒนาด้านครู นักเรียน ห้องปฏิบัติการทางภาษา และห้องปฏิบัติการวิทยาศาสตร์
๓ ด้านสุขอนามัย โรงเรียนและชุมชนมีสุขอนามัยที่ดี
๔ ด้านคุณภาพชีวิต ได้แก่ การดำเนินงานโครงการตามพระราชดาริฯ ให้โรงเรียน สามารถพึ่งตนเองได้โดยการผลิตวัตถุดิบทางการเกษตรและการประกอบอาหารกลางวันที่เพียงพอต่อความต้องการบริโภคของนักเรียน
เมื่อวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๗ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม พระราชทานเปลี่ยนชื่อโรงเรียนเป็นโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน “ศาสตราจารย์ ดอกเตอร์ เนวิน สคริมชอว์”
เมื่อวันที่ ๒๕ เมษายน ๒๕๕๗ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารีพระราชทานงบประมาณจำนวน ๒๐๐,๐๐๐ บาท เพื่อให้โรงเรียนจัดหาสื่อและอุปกรณ์ประจำห้องวิทยาศาสตร์
เมื่อวันที่ ๒๙ พฤษภาคม ๒๕๕๗ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินทรงเยี่ยมทอดพระเนตรติดตามโครงการตามพระราชดำริ ครั้งที่ห้า และทรงเปิดป้ายชื่อโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนศาสตราจารย์ ดอกเตอร์ เนวิน สคริมชอว์ และป้ายอาคารเรียนโมโนกรุ๊ป ๕ (ห้องปฏิบัติการคอมพิวเตอร์) มูลนิธิ ดร.พิชนี โพธารามิก เพื่อเด็กและคนชรา
ปัจจุบันโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนศาสตราจารย์ดอกเตอร์เนวิน สคริมชอว์ เปิดทำการสอนตั้งแต่ระดับชั้นอนุบาล ถึง ชั้นประถมศึกษาที่ ๖ มีนักเรียนทั้งหมด ๘๓ คน ชาย ๔๐ หญิง ๔๓ คน มีครูตำรวจตระเวนชายแดนทำหน้าที่สอนจำนวน ๙ นาย โดยมีร้อยตำรวจโทวีระพล วิลานันท์ ทำหน้าที่ครูใหญ่
สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินติดตามผลการดำเนินงานโครงการตามพระราชดำริ และทรงเยี่ยมราษฎร จำนวน ๖ ครั้ง
ครั้งที่ ๑ วันที่ ๒๒ ธันวาคม ๒๕๓๗ ลำดับที่ (๑๒๒ )
ครั้งที่ ๒ วันที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๔๓ ลำดับที่ (๒๗๗ )
ครั้งที่ ๓ วันที่ ๒๒ ธันวาคม ๒๕๔๗ ลำดับที่ (๓๗๙ )
ครั้งที่ ๔ วันที่ ๑๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๒ ลำดับที่ (๕๕๙ )
ครั้งที่ ๕ วันที่ ๒๙ พฤษภาคม ๒๕๕๗ ลำดับที่ (๗๔๕ )
ครั้งที่ ๖ วันที่ ๒๙ มกราคม ๒๕๖๒ ลำดับที่ ( )