CARBON FOOTPRINT TO CARBON NEUTRALITY

CARBON FOOTPRINT ?

อยากช่วยโลก...ทำได้ไม่ยากเริ่มจากการลด "CARBON FOOTPRINT" ของตัวเอง

Carbon Footprint คือ ปริมาณของก๊าซเรือนกระจกที่ปล่อยออกมาในระหว่างกระบวนการต่างๆ ที่เกิดขึ้นจากกิจกรรมหรือการใช้ชีวิตประจำวันของบุคคลหรือองค์กร โดยส่วนใหญ่จะวัดในหน่วยของ ตันคาร์บอนไดออกไซด์หรือเทียบเท่าคาร์บอน ซึ่งรวมถึงก๊าซเรือนกระจกชนิดอื่นๆ ที่มีผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยก๊าซเรือนกระจกที่นำมาพิจารณาจะมีอยู่ 7 ชนิด ได้แก่

ที่มา :

Overview of Greenhouse Gases, เว็บไซต์ https://www.epa.gov/ghgemissions
United States Environmental protection Agency
องค์การบริหารจัดการก๊าวเรือนกระจก (องค์การมหาชน)

CARBON FOOTPRINT OF ORGANIZATION : CFO

คาร์บอนฟุตพริ้นท์ขององค์กร คือ ปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่ปล่อยออกมาจากกิจกรรมต่าง ๆ ขององค์กร เช่น การเผาไหม้ของเชื้อเพลิง การใช้ไฟฟ้า การจัดการของเสีย และการขนส่ง ซึ่งวัดออกมาในรูปตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า โดยแบ่งเป็น SCOPE ดังนี้

SCOPE I : คาร์บอนฟุตพริ้นท์ทางตรง (Direct Emissions)จากกิจกรรมต่าง ๆ ขององค์กรโดยตรง เช่น การใช้น้ำมันและแก๊ส การใช้พาหนะขององค์กร การรั่วไหลของสารทำความเย็น เป็นต้น
SCOPE II : คาร์บอนฟุตพริ้นท์ทางอ้อมจากการใช้พลังงาน (Energy Indirect Emissions)ได้แก่ การซื้อพลังงานมาใช้ในองค์กร เช่น พลังงานไฟฟ้า พลังงานความร้อน พลังงานไอน้ำ เป็นต้น
SCOPE III : คาร์บอนฟุตพริ้นท์ทางอ้อมด้านอื่น ๆ (Other Indirect Emissions)ได้แก่ การเดินทางของพนักงานด้วยพาหนะที่ไม่ใช่ขององค์กร การเดินทางไปสัมมนานอกสถานที่ การใช้วัสดุอุปกรณ์ต่าง ๆ เป็นต้น

ร้านหลักสูตร ตอน “Low Carbon ”

CARBON NEUTRALITY ?

ทุกสิ่งที่เราทำในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นการขับรถ การใช้ไฟฟ้า ซื้อสินค้า หรือแม้กระทั่งการจัดงานเลี้ยง ล้วนมีการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ออกมาสู่ชั้นบรรยากาศ ก๊าซเหล่านี้เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดภาวะโลกร้อนและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ดังนั้น Carbon Neutrality จึงเป็นแนวคิดสำคัญ ที่จะช่วยทำให้การปล่อยก๊าซเรือนกระจก " เป็นศูนย์ " เพื่อให้มนุษย์อยู่ร่วมกับโลกได้อย่างยั่งยืน

Carbon Neutrality หรือ Carbon Neutral คือ ความเป็นกลางทางคาร์บอน หมายถึง การปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์สู่ชั้นบรรยากาศ ให้สมดุลกับปริมาณของคาร์บอนที่ถูกดูดซับกลับคืนผืนป่า ผืนดิน และมหาสมุทร รวมไปถึงวิธีอื่น ๆ ซึ่งการที่หลายองค์กรหันมาทำ Carbon Neutral กันมากขึ้น จะช่วยลดปัญหามลพิษและภาวะโลกร้อนได้ เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่ยั่งยืนและลดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศให้เหมาะสมกับสิ่งมีชีวิตบนโลก พูดง่าย ๆ ก็คือ

การปล่อยคาร์บอน ลด/เลี่ยง ชดเชย

(Low Carbon Event) (ปลูกป่าหรือซื้อคาร์บอนเครดิต)

ทำไม❓Carbon Neutrality ถึงสำคัญ

🌡️ ลดผลกระทบจากภาวะโลกร้อน ➡️ การควบคุมอุณหภูมิโลกไม่ให้เกิน 1.5 °C ตามเป้าหมายสากล
🤝 เป็นพันธสัญญาระดับโลก ➡️ หลายประเทศลงนามใน “ข้อตกลงปารีส” และตั้งเป้า Net Zero ภายในปี 2050 – 2065
🌱 สร้างคุณค่าให้กับองค์กร ➡️ แสดงความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม เพิ่มความเชื่อมั่นจากลูกค้าและนักลงทุน

เส้นทางสู่ Carbon Neutrality

⚡ ลด ➡️ เปลี่ยนไปใช้พลังงานหมุนเวียน ลดการใช้ทรัพยากร ปรับพฤติกรรมการทำงาน
🌳 ดูดกลับ ➡️ เพิ่มแหล่งดูดซับกักเก็บก๊าซเรือนกระจกจากชั้นบรรยากาศ เช่น การปลูกป่า
🌱 ชดเชย ➡️ ชดเชยการปล่อยที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ด้วยการลงทุนในโครงการดูดซับหรือลดคาร์บอน เช่น การปลูกป่าหรือซื้อคาร์บอนเครดิต

ตัวอย่างการนำไปใช้

🎌 ระดับประเทศ ➡️ สหภาพยุโรปและญี่ปุ่นตั้งเป้าหมายจะลดก๊าซเรือนกระจกลงเท่ากับศูนย์ภายในปี 2050
🏢 ระดับองค์กร ➡️ บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ เช่น Google และ Microsoft ประกาศเป็น Carbon Neutral แล้ว
🎉 ระดับกิจกรรม ➡️ การจัดประชุมหรือการกิจกรรมในรูปแบบ Low Carbon Event

คุณเองก็มีส่วนร่วมได้ (Low Carbon Event)

🚲 ใช้การเดินทางที่ปล่อยคาร์บอนต่ำ เช่น รถสาธารณะ จักรยาน หรือ Carpool
💡 ใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ ปิดไฟและเครื่องใช้ไฟฟ้าเมื่อไม่ใช้
🛍️ เลือกใช้สินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมหรือมีฉลาก Carbon Neutral
🍃 ลดการใช้พลาสติกและจัดการขยะอย่างถูกวิธี

Page updated

Google Sites

Report abuse