โทรศัพท์มือถือให้งานกันด้วย Lithium-ion (Li-ion)  เพราะมีการเก็บไฟได้แยะ 5,000 mAh กับโทรศัพท์ Android 9-12 และตั้งแต่นั้นมาได้เปลี่ยนแปลงเป็น Lithium Polymer (Li-Po)  เพราะด้วยการทนความร้อนมากกว่าและการชาร์จที่ได้ประสิทธิภาพมากกว่า แต่ก็แลกมากับด้วยประริมาณแบตที่น้อย

          แต่ในปัจจุบันนี้ได้มีการเปลี่ยนแปลงในการใช้ Battery คือ Silicon–Carbon (ซิลิคอน-คาร์บอน) เพราะด้วยมีการแก้ไขและพัฒนาแบบไม่หยุดยั้ง เลยทำให้มีประสิธิภาพที่เพิ่มขึ้นมาคือ ก่รเก็บไฟที่เพิ่มมากขึ้น 20% การทนความร้อนได้มากขึ้น 38-45 องค์ศา ชาร์ไว้เพิ่มมากขึ้น 20-30% แต่การเสื่อมสภาพก็ขึ้นอยู่กับการใช้งาน

1. จอขาวดำ (Monochrome Display) – ยุค 1990s

• ใช้กับมือถือยุคแรก เช่น Nokia 3310

• แสดงผลได้แค่ ตัวอักษร/สัญลักษณ์ (ไม่มีสี)

• ใช้พลังงานน้อย แบตอึดมาก

• เทคโนโลยี: STN LCD (Super Twisted Nematic LCD)
  
  

2. จอสีแบบพื้นฐาน (Color STN LCD) – ช่วงต้น 2000s

• มือถือเริ่มมีหน้าจอสี 256 – 65K สี

• ความละเอียดต่ำ (เช่น 128×160 พิกเซล)

• ใช้กับฟีเจอร์โฟน (Nokia, Siemens, Motorola)
  
  

3. TFT LCD (Thin Film Transistor LCD) – กลาง 2000s

• จอสีชัดขึ้น สว่างกว่า STN

• แสดงผลได้ถึง 262K – 16 ล้านสี

• เริ่มใช้กับมือถือจอสี/สมาร์ทโฟนยุคแรก เช่น Sony Ericsson, Nokia N-series
  
  

4. Resistive Touchscreen (หน้าจอสัมผัสกดแรง) – 2000s

• พบใน PDA และสมาร์ทโฟนรุ่นแรก เช่น Nokia 5800, Windows Mobile

• ต้องใช้ สไตลัสหรือกดแรง

• รองรับการเขียน แต่ไม่รองรับ มัลติทัช
  
  

5. Capacitive Touchscreen (หน้าจอสัมผัสไฟฟ้าสถิต) – 2007 เป็นต้นมา

• เปิดตัวพร้อม iPhone รุ่นแรก (2007)

• ใช้นิ้วสัมผัสเบา ๆ ก็ทำงาน

• รองรับ มัลติทัช (Multi-touch) เช่น pinch-to-zoom

• กลายเป็นมาตรฐานมือถือจนถึงปัจจุบัน
  
  

6. IPS LCD (In-Plane Switching LCD) – 2010s

• พัฒนาจาก TFT LCD

• สีสวย มุมมองกว้างกว่า

• ใช้ใน iPhone รุ่น 4 – iPhone 8 และมือถือ Android หลายรุ่น
  
  

7. AMOLED (Active-Matrix OLED) – 2010s เป็นต้นมา

• ใช้หลอด OLED (Organic Light Emitting Diode) แต่ควบคุมด้วย Active Matrix

• สีสด ดำสนิท (True Black)

• ประหยัดพลังงานกว่าจอ LCD

• เริ่มใช้ใน Samsung Galaxy S รุ่นแรก ๆ
  
  

8. Super AMOLED – Samsung นำเสนอ (2010)

• จอ AMOLED ที่รวมชั้นสัมผัสเข้ากับจอ ลดความหนา

• สว่างขึ้น ใช้น้อยกว่า

• กลายเป็นจุดขายหลักของ Samsung Galaxy
  
  

9. จอโค้ง / Flexible OLED – กลาง 2010s

• เริ่มมีจอโค้ง เช่น Galaxy Edge Series

• พัฒนาไปสู่ มือถือพับได้ (Foldable) เช่น Galaxy Z Fold, Huawei Mate X
  
  

10. LTPS LCD / LTPO OLED – ปัจจุบัน

• LTPS LCD (Low Temperature Polycrystalline Silicon LCD) → ความละเอียดสูง ใช้ในมือถือระดับกลาง

• LTPO OLED (Low Temperature Polycrystalline Oxide OLED) → รองรับ การปรับรีเฟรชเรตแบบไดนามิก (1Hz–120Hz/144Hz) ช่วยประหยัดแบต เช่น iPhone 13 Pro, Galaxy S21 Ultra