แหล่งเรียนรู้ท้องถิ่น

วัดพระธาตุหลวงจำไก่

เป็นวัดเก่าแก่โบราณสร้างมานานหลายร้อยปี โดยตั้งอยู่ภายในบริเวณเวียงโบราณชาวบ้านเรียกว่า “เวียงชมพู” เดิมมีสภาพทุรกันดาร รกร้างเป็นป่ารกชัฏเต็มไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ มีวัชพืชขึ้นปกคลุมหนาแน่น สถานที่แห่งนี้ ชาวบ้านไม่กล้าเข้าไปใกล้เพราะมีความเชื่อว่าผีดุ เจ้าที่แรงและยังพบซากปรักหักพักของซากเจดีย์ ซากโบสถ์ซึ่งเหลือเพียงกองอิฐกองดิน ทับถมกันอยู่มีเศษชิ้นส่วนพระพุทธรูปหิน มีสภาพเศียรหัก องค์แตกแขนขาด เป็นภาพที่น่าเศร้าสลดสังเวชใจอย่างยิ่ง ยังมีเหตุมหัศจรรย์ปรากฏอยู่ในยามค่ำคืน ชาวบ้านมักจะเห็นดวงแก้ว (ดวงไฟ) ลักษณะเป็นดวงกลมมีแสงสว่างมากล่องลอยไปมาอยู่บริเวณวัดร้างแห่งนี้ ในวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา ดังนั้นศรัทธาชาวบ้านตลอดจนชาวพุทธทั้งหลาย จึงได้ร่วมใจกันฟื้นฟู บูรณปฏิสังขรณ์วัดแห่งนี้ขั้นมาอีกครั้งเพื่อจรรโลงพระพุทธศานาให้เจริญรุ่งเรืองสืบไป

ในปี พ.ศ. 2538 มีพระธุดงค์จาริกมาปักกลดอาศัยอยู่ และชาวบ้านได้นิมนต์ท่านเพื่อปฏิบัติธรรม ชาวบ้านได้ช่วยกันสร้างเพิงที่พักอาศัยหลังเล็กๆต่อมามีญาติโยมมาถวายพระพุทธรูปและหลวงปู่ฤาษี ต่อมามีคุณสมศักดิ์ ดูเบย์ ซึ่งเป็นคนอินเดียได้มาขายมุ้งในบริเวณหมู่บ้านมีชาวบ้านแนะนำให้ไปขอโชคลาภ ซึ่งคุณสมศักดิ์ ดูเบย์ได้ขี่จักรยานไปหาพระรูปนั้น (หลวงพ่อศรีสวัสดิ์) ซึ่งมีศรัทธามากราบไหว้จำนวนมาก และได้พบหลวงพ่อ คุณสมศักดิ์ ได้กราบเรียนถามว่า หลวงพ่อทำไมไม่บูรณะองค์พระธาตุเจดีย์ซึ่งเจดีย์นั้นมีต้นไม้และวัชพืชรกรุงรัง หลวงพ่อตอบว่าไม่กล้ายุ่งเกี่ยวกับเนินดินบริเวณนั้นเพราะมีอาถรรพ์มาก หลังจากนั้นอีกระยะหนึ่งท่านก็ย้ายจากวัดไปต่อจากนั้นก็มีพระธรรมยุติมาอยู่ ไม่นานก็ย้ายไปอีก

ในปี พ.ศ. 2544 มีพระธุดงค์ (ธรรมยุติ) มาปักกลดชาวบ้านได้นิมนต์มาจำพรรษา (พระอาจารย์ธวัช) พระรูปนี้เป็นคนภาคอีสานจึงได้จำพรรษา ชาวบ้านจำไก่มีคนอีสานจำนวนมาก ต่อมาท่านพระธวัช ได้ปรึกษาหารือกับชาวบ้านและลุงศักดิ์เพื่อหาผู้มีจิตศรัทธาในการสร้างพระเจดีย์จึงได้ชวนคุณชาญชัย ภู่มีเกียรติ เป็นผู้นำชาวบ้าน พ่อค้า ประชาชน ในจังหวัดพะเยาและศรัทธาทางอำเภอดอกคำใต้ ร่วมกับหลวงพ่ออนันต์วัดห้วยทรายเลื่อน จัดผ้าป่าและวางศิลาฤกษ์ ก่อสร้างพระเจดีย์ ( ทอดผ้าป่าครั้งแรกได้เงินประมาณ 80,000 บาท) จากนั้นก็มีผ้าป่ากองเล็กเมื่อมีทุนสนับสนุนก็สร้างไปเรื่อย

ต่อมา การก่อสร้างได้ความสูงประมาณ 5 ถึง 6 เมตร (การก่อสร้างเป็นเจดีย์ตันทำให้มีน้ำหนักมาก ซึ่งการก่อสร้างได้สร้างทับครอบเจดีย์ของเดิม ซึ่งเป็นเนินดิน มีเศษอิฐเศษปูนทับถมกันและมีหลุมซึ่งเกิดจากมีผู้มาลักลอบขุดของโบราณจึงได้ถมหลุมไม่มีการตอกเสาเข็ม จึงทำให้พระเจดีย์ทรุดเอียง จึงได้หาวิธีปักเสาหินซึ่งเป็นเสาไฟฟ้าไม่มีตระแกรงตีนเสาจำนวน 56 ต้น เมื่อประสบปัญหาและขาดแคลนปัจจัยสนับสนุนจึงได้หยุดการก่อสร้าง จากนั้นไม่นานพระธวัชก็ได้ย้ายออกไปจำพรรษาที่วัดอื่นทางภาคอีสาน ทำให้วัดร้างอีกครั้ง

ในปี พ.ศ. 2548 ชาวบ้านได้นิมนต์พระอำพร อนาลโย ให้มาจำพรรษา คณะคุณศักดิ์ คุณชาญชัยได้ปรึกษาหารือกับคุณภัทราวดี วงศ์มีเกียรติ ช่วยบอกบุญหาปัจจัยมาช่วยสร้างวัดพระธาตุหลวงจำไก่ต่อมามีคณะของท่านอาจารย์พิชัยและคุณอารยา พร้อมคณะศรัทธาจากกรุงเทพ ฯ – พะเยา ได้มาช่วยสร้างพระธาตุเจดีย์ต่อ แต่ติดขัดเรื่องโครงสร้างพระธาตุเจดีย์และรูปแบบพระเจดีย์

คุณศักดิ์ คุณชาญชัย และคุณพิบูลย์ จึงได้มาติดต่อขอให้คุณอุดม ช่วยออกแบบโครงสร้างและรูปแบบพระธาตุเจดีย์ให้ใหม่ และขอให้ช่วยควบคุมการก่อสร้างพระเจดีย์ด้วยซึ่งระหว่างสร้างพระเจดีย์ก็ได้สร้างศาลาปฏิบัติธรรม ศาลาประดิษฐานเจ้าแม่กวนอิม ซุ้มพระพุทธนิมิตรจฤทธิ์ ศาลาประดิษฐานแม่พระธรณี ทำเสาอโศก 2 ต้น พระธาตุเจดีย์หลวง และสาธารณูปโภค สิ่งก่อสร้างอื่นๆ จนเสร็จสมบูรณ์แล้วถวายไว้ในพระพุทธศาสนา ในปี พ.ศ. 2551

ปี พ.ศ. 2552 หลังจากสร้างวัดพระธาตุหลวงจำไก่เสร็จแล้ว ท่านอาจารย์พิชัยและคณะอารยา พร้อมคณะศรัทธาจากกรุงเทพ ฯ และชาวดอกคำใต้ได้ทอดกฐินที่วัดบุญเกิด แล้วสร้างองค์พระธาตุเจดีย์ศรีอริยเมตตรัยจนสำเร็จและถวายไว้ในพระพุทธศาสนาปี พ.ศ. 2557 หลวงตาพร ได้ย้ายออกไปจำพรรษาที่วัดอื่น ทำให้วัดพระธาตุหลวงจำไก่กลายเป็นวัดร้างอีกครั้งหนึ่งในเดือน มกราคม พ.ศ. 2558 ศรัทธาชาวบ้านได้นิมนต์พระศุภกร ปัญญาวโร (ธรรมยุต) เพื่อให้ท่านมาพัฒนาวัดและเผยแพร่พระธรรมสืบไป