รายงานสถานการณ์โรคเลปโตสไปโรสิส จังหวัดระนอง

โรคฉี่หนู (Leptospirosis) คืออะไร
โรคฉี่หนูเป็นโรคที่พบว่าระบาดมากที่สุดในช่วงฤดูฝน น้ำฝนจะชะล้างเอาเชื้อโรคต่างๆ จากสภาพแวดล้อมไหลมารวมกันอยู่ในบริเวณที่น้ำท่วมขัง ซึ่งโรคฉี่หนูเกิดจากเชื้อแบคทีเรียที่อยู่ในปัสสาวะของสัตว์ที่เป็นพาหะ เช่น หนู สุกร โค กระบือ สุนัข และแรคคูน โดยสัตว์ที่เป็นพาหะอาจไม่แสดงอาการแต่มีการติดเชื้อที่ท่อไตทำให้มีการปล่อยเชื้อออกมากับปัสสาวะ ซึ่งเชื้อจะแฝงอยู่ในจุดที่น้ำท่วมขังตามดิน โคลน แอ่งน้ำ ร่องน้ำ น้ำตก แม่น้ำ ลำคลอง และสามารถมีชีวิตอยู่ได้นานเป็นเดือน ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อม
ผู้ที่ความเสี่ยงสูงที่จะติดเชื้อโรคฉี่หนู
ผู้ที่อยู่ในพื้นที่ประสบอุทกภัย ที่มีน้ำท่วมขัง
ผู้ที่ต้องทำงานในภาคเกษตร (ชาวนา ชาวไร่ เลี้ยงสัตว์ เช่น คนงานบ่อปลา ฯลฯ)
คนงานขุดลอกท่อระบายน้ำ
คนงานเหมืองแร่ โรงฆ่าสัตว์ รวมถึงผู้ที่ชอบเดินป่า ท่องเที่ยวตามแม่น้ำ ทะเลสาบ น้ำตก
โรคฉี่หนูเป็นโรคติดต่อหรือไม่
เชื้อโรคฉี่หนูสามารถเข้าสู่ร่างกายผ่านทางผิวหนังที่มีแผล หรือรอยขีดข่วน หรือผิวหนังที่เปื่อย เนื่องจากแช่อยู่ในน้ำนานๆ และผ่านเข้าทางเยื่อบุที่อ่อนนุ่ม เช่น ตา จมูก ปาก มักจะพบเชื้อในน้ำ ซึ่งอาจติดโรคขณะว่ายน้ำ หรือขณะประกอบอาชีพ เช่น สัมผัสน้ำที่ปนเปื้อนปัสสาวะ เลือดของสัตว์ที่มีเชื้อโดยตรง โดยสัมผัสกับสิ่งแวดล้อมที่มีการปนเปื้อนของเชื้อ แต่ไม่พบการติดต่อจากคนถึงคนโดยตรง ซึ่งเชื้อเลปโตสไปร่า (Leptospira) อาจถูกขับออกมาในปัสสาวะผู้ป่วยต่อเนื่องยาวนานถึง 1 เดือน โดยระยะฟักตัวของโรคจะใช้เวลาประมาณ 1-2 สัปดาห์ แต่อาจนานได้ถึง 3 สัปดาห์
อาการแสดงภายหลังการติดเชื้อ
ผู้ที่ได้รับเชื้อนี้จำนวนหนึ่งอาจไม่มีอาการ ส่วนผู้ป่วยที่มีอาการ อาจแบ่งเป็น 2 ระยะดังนี้
ระยะแรก (Leptospiremic phase) 4 - 7 วันแรกของการดำเนินโรค จะมีอาการไข้สูงแบบทันทีทันใด ปวดศีรษะ สับสน ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อมาก โดยเฉพาะกล้ามเนื้อหลัง น่อง และ ต้นคอ คลื่นไส้อาเจียน มีอาการตาแดง มักพบใน 3 วันแรกของโรค และเป็นอยู่ได้นานถึง 1 สัปดาห์ ตาเหลือง ตัวเหลือง มีอาการคอแข็ง ความดันโลหิตต่ำ ได้ในผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรง ผื่นแดง ต่อมน้ำเหลืองโต ตับ ม้ามโต (อาจพบได้แต่ไม่บ่อย)
ระยะที่สอง (Immune phase) ผู้ป่วยจะเริ่มสร้างโปรตีนที่เฉพาะต่อเชื้อโรคฉี่หนู โดยพบหลังจากเริ่มมีอาการไข้ประมาณ 1 สัปดาห์ โดยจะมีช่วงที่ไข้ลงประมาณ 1 - 2 วันแล้วกลับมีไข้ขึ้นอีก ในระยะนี้ผู้ป่วยมักมีอาการ ปวดศีรษะ ไข้ต่ำ ๆ คลื่นไส้อาเจียน (อาการมักรุนแรงน้อยกว่าอาการในช่วงแรก) อาจพบอาการเยื่อหุ้มสมองอักเสบ ม่านตาอักเสบ หน้าที่ของตับและไตผิดปกติ ระยะนี้อาจกินเวลาได้นาน ถึง 30 วัน แต่อาการนี้ไม่ได้เกิดในผู้ป่วยทุกราย ซึ่งอาจแบ่งเป็น 2 กลุ่มคือ กลุ่มที่มีตาเหลือง และกลุ่มที่ไม่มีตาเหลือง
การป้องกันการติดเชื้อ
ป้องกันการเกิดโรคด้วยการหลีกเลี่ยงการสัมผัสน้ำ หรือสิ่งแวดล้อมที่อาจปนเปื้อนปัสสาวะสัตว์ที่อาจมีเชื้อโรคฉี่หนู เช่น การเดินลุยน้ำ ย่ำโคลน หรือการแช่น้ำนานๆ ถ้ามีบาดแผลตามร่างกาย หรือแค่รอยถลอก รอยขีดข่วน ควรงดลงน้ำ หากจำเป็นต้องเดินลุยน้ำ ควรให้สวมรองเท้าบูทเพื่อป้องกันน้ำไม่ให้น้ำถูกแผล และระวังอย่าให้มีน้ำขังในรองเท้าบูทที่ใส่ กำจัดขยะไม่ให้เป็นที่อยู่อาศัยของหนู กำจัดหนูตามแหล่งที่อยู่อาศัย หลีกเลี่ยงการว่ายน้ำ ในแหล่งน้ำที่อาจมีเชื้อโรคฉี่หนูปนเปื้อนอยู่ ผู้ที่ทำงานเสี่ยงต่อโรค ควรใช้ถุงมือยาง รองเท้าบูท หลีกเลี่ยงการทำงานในน้ำ ถ้าต้องลุยน้ำเป็นเวลานาน หรือจำเป็นต้องทำงานในสภาวะดังกล่าวควรสวมใส่เครื่องป้องกัน หากไปแช่หรือย่ำน้ำที่อาจมีเชื้อโรคฉี่หนูปนเปื้อนอยู่ควรรีบอาบน้ำทำความสะอาดร่างกายโดยเร็วและเช็ดตัวให้แห้ง
หมายเหตุ ลักษณะอาการของโรคฉี่หนู จะมีไข้สูงทันทีทันใด ปวดศีรษะ ปวดตามกล้ามเนื้อมาก โดยเฉพาะบริเวณน่อง หากมีอาการดังกล่าวให้รีบพบแพทย์ทันที และแจ้งประวัติการเดินลุยน้ำ ย่ำโคลน หรือ การสัมผัสน้ำ แก่แพทย์ผู้รักษาให้ทราบด้วย หากไม่รีบรักษาและปล่อยไว้นานจนอาการมากขึ้น อาจเสียชีวิตได้