สอบถามรับคำแนะนำจากเรา
รู้หรือไม่ แนวโน้มการเกิดมะเร็งปากมดลูกมีอัตราเพิ่มสูงขึ้นทุกปี เพียงแต่หลายคนเข้าใจว่า แค่อาการคันช่องคลอด ตกขาวมีกลิ่น ในช่วงแรกๆไม่ได้มีความเสี่ยงที่จะเป็น มะเร็งปากมดลูกแน่นอน ก็เป็นเรื่องที่ไม่ผิด ที่เราจะเข้าใจแบบนี้ เพราะมะเร็งปากมดลูกไม่ได้เป็นกันง่ายๆ (มะเร็งปากมดลูกจะเริ่มแสดงอาการหลังจาก ติดเชื้อ HPV "Human Papilloma Virus" 5-10 ปีหากไม่ได้รักษา)
อาการคันช่องคลอด ช่องคลอดมีกลิ่น ตกขาวมีกลิ่นเหม็น บางราย คันช่องคลอดตกขาวเยอะ หรือบางรายมีอาการ คันช่องคลอดร่วมกับ (ตกขาวสีน้ำตาล, ตกขาวสีเหลือง, ตกขาวสีเขียว) บางท่าน คันช่องคลอด บวม แดง แสบ ปวดท้องน้อย ร่วมด้วย หากปล่อยไว้โดยไม่ได้รักษา อาจเป็นจุดเริ่มต้นของความเสี่ยงของการลุกลามไปสู่ มะเร็งปากมดลูกได้ หากเราไม่รีบ ดูแลรักษาตั้งแต่ต้น ก็อาจทำให้สายเกินแก้ เรามาทำความเข้าใจกันค่ะ
เนื่องด้วย อาการคันช่องคลอดหรือบริเวณปากช่องคลอดรวมถึงในช่องคลอดและอาจมีตกขาวมีกลิ่นร่วมด้วย อาการเหล่านี้เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ แต่ส่วนใหญ่ เกิดจาก
ติดเชื้อไวรัส
เชื้อรา
เชื้อแบคทีเรีย
พยาธิ
การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน
การใช้ยาปฏิชีวนะติดต่อกันเป็นเวลานาน
การรักษาด้วยฮอร์โมนบำบัด
โรคเบาหวานที่ไม่ได้ควบคุม เสี่ยงในการติดเชื้อราในช่องคลอดมากขึ้น
ระบบภูมิต้านทานต่ำ เช่น ผู้ติดเชื้อเอชไอวี
ผู้รับการบำบัดด้วยยาคอร์ติโคสเตียรอยด์
สาเหตุที่กล่าวมาข้างต้น ถ้าหากไม่ดูแลรักษาปล่อยให้เป็นซ้ำๆ ก็ทำให้เนื้อเยื่่อบริเวณปากมดลูกมีการเปลี่ยนแปลงได้ ซึ่งเป็นผลให้เป็นมะเร็งปากมดลูกได้
การติดเชื้อไวรัส HPV ( Human Papilloma Virus ) เป็นต้นเหตุหลักๆ ที่ทำให้เนื้อเยื่่อปากมดลูกเปลี่ยนแปลง จนทำให้เป็นมะเร็งปากมดลูก มะเร็งปากมดลูก 80% เกิดจากการ ติดเชื้อไวรัส HPV ( Human Papilloma Virus ) เชื้อไวรัส HPV ติดจากการมีเพศสัมพันธ์ โดยเชื้อไวรัส จะใช้เวลา 5-10 ปี ในการค่อยๆ เปลี่ยนแปลงเนื้อเยื่่อบริเวณปากมดลูก
ในช่วงเริ่มต้น 1-5 ปีแรกอาจจะแสดงแค่ อาการคันช่องคลอด มีตกขาวและมีกลิ่นบ้าง เพราะร่างกายยังแข็งแรง พอที่จะสู้กับเชื้อไวรัส HPV ได้ แต่พออายุ เริ่มมากขึ้น ก็จะเริ่มแสดงอาการมากขึ้นเพราะ ภูมิคุ้มกันโรค เริ่มต่ำลง จึงไม่แปลกที่มะเร็งปากมดลูก ส่วนใหญ่จะพบในผู้หญิงวัย 30-55 ปีขึ้นไป
ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้ติดเชื้อ ไวรัส HPV ( Human Papilloma Virus ) ได้แก่
การมีเพศสัมพันธ์ โดยไม่ป้องกัน
การเปลี่ยนคู่นอนบ่อย ๆ
การไม่รักษาสุขอนามัยบริเวณปากช่องคลอด
ผู้ชายไม่รักษาสุขอนามัยอวัยวะเพศ (พาหะ)
ภูมิคุ้มกันบกพร่อง
ปัจจัยจากการสูบบุหรี่
ปัจจัยจากการดื่มสุรา
ปัจจัยจากการมีเพศสัมพันธ์ตั้งแต่อายุยังน้อย
ปัจจัยการอักเสบและมีแผลที่ปากมดลูกที่ทิ้งไว้ไม่รักษา
ช่องคลอดมีกลิ่น หรือ อวัยวะเพศหญิงมีกลิ่น
เป็นอาการที่พบได้ทุกวัย ตั้งแต่เด็กไปจนถึงผู้สูงอายุ ประมาณ 1 ใน 3 ของคุณผู้หญิงอาจเคยมีปัญหาช่องคลอดมีกลิ่น อย่างน้อย 1 ครั้ง
ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว บริเวณช่องคลอดของคุณผู้หญิงทุกคน และทุกวัย มักจะมีกลิ่นคาวอ่อน ๆ เป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว และอาจจะมีกลิ่นคาวที่แรงขึ้นบ้างในช่วงใกล้มีประจำเดือน เนื่องมาจากอิทธิพลของฮอร์โมนเพศ โดยอาจมีกลิ่นแรงร่วมกับการ มีตกขาว สีขาวเหมือนแป้งเปียก หรือขาวใสเล็กน้อยพอติดกางเกงในได้ ซึ่งทั้งหมดถือเป็นภาวะปกติ
แต่ถ้า ช่องคลอดมีกลิ่น หรือ อวัยวะเพศหญิงมีกลิ่น ที่รุนแรงมากขึ้น ร่วมกับมีตกขาวปริมาณมาก มีสีและลักษณะที่ผิดปกติ เช่น สีเหลือง หรือเป็นมูก มูกปนเลือด หรือ เป็นเลือด มีผื่นบริเวณอวัยวะเพศ คัน แสบผิวหนังส่วนอวัยวะเพศหรือช่องคลอด เกิดการเจ็บเมื่อมีเพศสัมพันธ์ ปวด เจ็บ แสบเมื่อปัสสาวะ หรือปัสสาวะขุ่น อาการแบบนี้ ถือว่าเป็นอาการที่ผิดปกติ