จังหวัดเชียงใหม่มีประวัติศาสตร์อันยาวนานและสืบเนื่องมาตั้งแต่สมัยโบราณ โดยเคยเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรล้านนาซึ่งเป็นรัฐเอกราชในอดีต มีชื่อเต็มตามประวัติศาสตร์ว่า "นพบุรีศรีนครพิงค์เชียงใหม่" การก่อตั้งเมืองเชียงใหม่มีขึ้นเมื่อ พ.ศ. 1839 โดยพญามังราย ปฐมกษัตริย์แห่งอาณาจักรล้านนา เมืองนี้เจริญรุ่งเรืองในฐานะศูนย์กลางการเมือง เศรษฐกิจ ศาสนา และวัฒนธรรมของภาคเหนือ โดยมีคำเมืองเป็นภาษาถิ่นที่ยังคงใช้สืบต่อกันมาจนถึงปัจจุบัน เชียงใหม่มีเอกลักษณ์ด้านประเพณี วัฒนธรรม และวิถีชีวิตซึ่งแตกต่างจากภูมิภาคอื่น โดยเฉพาะงานหัตถกรรมพื้นบ้าน สถาปัตยกรรมล้านนา การฟ้อนรำ และเทศกาลท้องถิ่น เช่น ประเพณียี่เป็ง และประเพณีสงกรานต์ล้านนา ซึ่งยังคงเป็นเอกลักษณ์ที่ได้รับการอนุรักษ์และสืบทอดมาจนถึงปัจจุบัน
นอกจากนี้ จังหวัดเชียงใหม่ยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญระดับชาติและระดับนานาชาติ โดยมีภูมิประเทศที่หลากหลาย ประกอบด้วยภูเขาสูง ป่าไม้ และลำน้ำที่อุดมสมบูรณ์ เป็นที่ตั้งของดอยอินทนนท์ ซึ่งเป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในประเทศไทย ตลอดจนมีแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมและธรรมชาติจำนวนมาก เช่น วัดพระธาตุดอยสุเทพราชวรวิหาร เวียงกุมกาม อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย และถนนคนเดินเชียงใหม่ จากศักยภาพด้านวัฒนธรรมและหัตถกรรมพื้นบ้าน จังหวัดเชียงใหม่ได้รับการประกาศให้เป็นสมาชิกของเครือข่ายเมืองสร้างสรรค์ของยูเนสโก ในด้านหัตถกรรมและศิลปะพื้นบ้านเมื่อ พ.ศ. 2560[5] และในปัจจุบัน กำลังอยู่ในกระบวนการผลักดันให้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลก[6]
ในด้านวิทยาศาสตร์ จังหวัดเชียงใหม่ยังได้รับการยอมรับว่าเป็นศูนย์กลางดาราศาสตร์ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเป็นที่ตั้งของหอดูดาวแห่งชาติ และอุทยานดาราศาสตร์สิรินธร ซึ่งอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ องค์กรเหล่านี้มีบทบาทสำคัญในการวิจัย พัฒนา และส่งเสริมความรู้ทางดาราศาสตร์ในระดับภูมิภาค รวมทั้งเป็นแหล่งเรียนรู้ที่เปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้าชมได้ตลอดทั้งปี[7] ปัจจัยเหล่านี้ส่งผลให้จังหวัดเชียงใหม่มีบทบาทสำคัญทั้งทางเศรษฐกิจ วัฒนธรรม การศึกษา และวิทยาศาสตร์ อีกทั้งยังเป็นเมืองที่มีความหลากหลายทางชาติพันธุ์ เป็นศูนย์กลางของกลุ่มชาติพันธุ์ดั้งเดิมหลายกลุ่ม เช่น ไทยวน ปกาเกอะญอ ม้ง และมูเซอ ซึ่งล้วนมีบทบาทสำคัญในการรักษาอัตลักษณ์ของล้านนาให้คงอยู่ต่อไปในบริบทของโลกยุคใหม่