* ประวัติโรงเรียนโดยย่อ *

ศูนย์พัฒนาและสงเคราะห์ชาวเขาบ้านปิล๊อกคี่ เปิดโรงเรียนชั่วคราว เมื่อปีพุทธศักราช ๒๕๓๐ มีนักเรียนเริ่มต้น จำนวน ๑๒๘ คน

ระดับอนุบาล จำนวน ๔๙ คน ระดับชั้นประถมศึกษา ปีที่ ๑ – ๔ จำนวน ๗๙ คน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้เด็กในชุมชนรู้ภาษาไทย มีความสามารถใช้ภาษาไทยในการสื่อสารได้ ต่อมาปีพุทธศักราช ๒๕๔๕ ศูนย์พัฒนาและสงเคราะห์ชาวเขาจังหวัดกาญจนบุรี ปรับเปลี่ยนภารกิจหลัก ประกอบกับไม่มีครูอาสา และไม่มีผู้ประสานงานประจำหมู่บ้าน จึงยุติการให้บริการการเรียนการสอน ทำให้บุตรหลานของประชาชนในพื้นที่ ได้รับความเดือดร้อนเกี่ยวกับการศึกษา ราษฎรบ้านปิล๊อกคี่ จึงได้ร่วมกันถวายฎีกากราบบังคมทูล สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี(ในสมัยนั้น) เมื่อวันที่ ๕ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๔๘ เพื่อขอจัดตั้งโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน ในพื้นที่หมู่บ้านปิล๊อกคี่ ตำบลปิล๊อก อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี

***เมื่อวันที่ ๑๕ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๔๙ คุณอภิสิทธิ์ พึ่งพร ผู้ช่วยผู้อำนวยการ สำนักงานโครงการสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯสยามบรมราชกุมารี พร้อมคณะ ได้เดินทางมาร่วมประชุมหารือกับคณะกรรมการหมู่บ้านเพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการขอจัดตั้งโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน ตามที่ประชาชนได้ถวายฎีกากราบบังคมทูล พร้อมทั้งประสานข้อมูลด้านการศึกษาจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ และเพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนเบื้องต้น กองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ ๑๓ ได้สั่งการให้ กองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ ๑๓๕ ซึ่งรับผิดชอบพื้นที่ ดำเนินการจัดกำลังพล จำนวน ๒ นาย จากฐานปฏิบัติการตำรวจ ตระเวนชายแดนบ้านปิล๊อกคี่ ไปทำการสอนหนังสือให้ความรู้แก่เด็กนักเรียน

***เมื่อวันที่ ๕ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๔๙ ราษฎรบ้านปิล๊อกคี่ จำนวน ๗ ราย ร่วมกันมอบที่ดินรอบบริเวณฐานปฏิบัติการตำรวจตระเวนชายแดนบ้านปิล๊อกคี่เพื่อใช้ในการก่อสร้างโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนบ้านปิล๊อกคี่ รวมเป็นพื้นที่ พื้นที่ ๓๑ ไร่ ๑ งาน ๔๕ ตารางวา

***เมื่อวันที่ ๔ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๕๐ กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน ได้อนุมัติ จัดตั้งโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนบ้านปิล๊อกคี่ สังกัดกองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ ๑๓ พร้อมทั้งได้เริ่มเปิดการเรียนการสอน เมื่อวันที่ ๒๑ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๕๐ โดยใช้อาคารเรียนของศูนย์พัฒนาและสงเคราะห์ชาวเขาบ้านปิล๊อกคี่ เป็นอาคารเรียนชั่วคราว มีนักเรียน จำนวน ๒๑๐ คน ชาย ๑๑๑ คน หญิง ๙๙ คน ครูตำรวจตระเวนชายแดน จำนวน ๖ นาย ผู้ดูแลเด็กปฐมวัย ๒ คน และครูอาสาจากสภาคริสตจักรแห่งประเทศไทย ๑ คน โดยมี ดาบตำรวจ ทวิช ปิ่นแก้ว เป็นครูใหญ่

***เดือน มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๕๐ ได้มีการปรับพื้นที่บริเวณฐานปฏิบัติการตำรวจตระเวนชายแดนบ้านปิล๊อกคี่ เพื่อก่อสร้างอาคารเรียนและอาคารประกอบโดยธนาคารอาคารสงเคราะห์ บริจาคเงิน จำนวน ๒,๕๕๐,๐๐๐ บาท (สองล้านห้าแสนห้าหมื่นบาทถ้วน) ในการก่อสร้างอาคารเรียนถาวร ๑ หลัง ขนาด ๙X๖๘ เมตร จำนวน ๙ ห้องเรียน , อาคารอเนกประสงค์ ๑ หลัง, ห้องสุขา ๑๐ ห้อง, แท่นเสาธงชาติ พร้อมลานกีฬา โดยดำเนินการก่อสร้างจนแล้วเสร็จเมื่อเดือน ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๕๑ จึงได้ย้ายนักเรียนมาจัดกิจกรรมการเรียนการสอน จนถึงปัจจุบัน

***ปัจจุบันโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนบ้านปิล๊อกคี่ มีพื้นที่ทั้งหมด พื้นที่ ๓๑ ไร่ ๑ งาน ๔๕ ตารางวา มีนักเรียน จำนวน ๒๔๕ คน ชาย ๑๑๕ คน หญิง ๑๓๐ คน ครูตำรวจตระเวนชายแดน ๕ นาย ผู้ดูแลเด็กปฐมวัย ๒ คนและครูอัตราจ้างช่วยสอนจากองค์การบริหารส่วนตำบลปิล๊อก ๒ คน ครูอัตราจ้างช่วยสอนจากองค์การบริหารส่วนจังหวัดกาญจนบุรี ๑ คน ครูรายเดือนแก้ปัญหาสถานศึกษาขาดแคลนครูขั้นวิกฤต จำนวน ๑ คน เจ้าหน้าที่สุขศาลาพระราชทาน จำนวน ๑ คน รวมบุคคลากร ๑๒ คน เปิดทำการสอนระดับชั้น ปฐมวัย ถึง ระดับประถมศึกษาปีที่ ๖ รวม ๑๐ ห้องเรียน โดยมีครูใหญ่คนปัจจุบันคือ พันตำรวจโทสุธีระ สุดแสวง

สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงติดตามผลการดำเนินงานโครงการตามพระราชดำริ และทรงเยี่ยมราษฎร จำนวน ๓ ครั้ง ดังนี้

ครั้งที่ ๑ เมื่อ ๒๙ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๓

ครั้งที่ ๒ เมื่อ ๒๗ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๘

ครั้งที่ ๓ เมื่อ ๑๔ กันยายน พ.ศ.๒๕๖๓


ปรัชญาโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน

สร้างภูมิปัญญา พัฒนาคุณภาพชีวิต สัมฤทธิผลความมั่นคง

วิสัยทัศน์ของโรงเรียน

โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนบ้านปิล๊อกคี่ และชุมชนร่วมกันพัฒนาการศึกษาเพื่อวางพื้นฐานในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของนักเรียนให้เป็นผู้มีความรู้ ความสามารถ รู้จักแก้ไขปัญหาอย่างมีเหตุผล

มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ทำงานร่วมกับผู้อื่นได้ อนุรักษ์ไว้ซึ่งประเพณี วัฒนธรรม ภูมิปัญญาท้องถิ่นอนุรักษ์พัฒนาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาชาติต่อไป

อัตลักษณ์ของโรงเรียน

เด็กดี มีคุณธรรม นำทักษะชีวิต มีจิตสาธารณะสามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข