Title คุณลักษณะ ภาวะผู้นำ ผู้บริหารอาชีวศึกษา ตามความคิดเห็นของครูผู้สอนจังหวัดระยอง จันทบุรี ตราด
Title Alternative
Leadership characteristics of vocational administrators according to teacher opinion in Rayong, Chanthaburi and Trat Provinces
Creator
Name: ชลธน วรรณศรียพงษ์
Subject
ThaSH: ภาวะผู้นำ -- อาชีวศึกษา
ThaSH: ผู้บริหาร -- อาชีวศึกษา
Description
Abstract: การวิจัยในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาคุณลักษณะภาวะผู้นำผู้บริหารอาชีวศึกษาตามความคิดเห็นของครูผู้สอนจังหวัดระยอง จันทบุรี ตราด และเพื่อเปรียบเทียบคุณลักษณะภาวะผู้นำผู้บริหารอาชีวศึกษาจำแนกตามวุฒิการศึกษา ประสบการณ์ และประเภทของสถานศึกษา กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ ครูผู้สอนอาชีวศึกษาจังหวัดระยอง จันทบุรี และตราด จำนวน 298 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้เป็นแบบมาตราส่วนประมาณค่าชนิด 5 ระดับ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ยความเบี่ยงเบนมาตรฐาน และ t-test ผลการวิจัย พบว่า 1) ความคิดเห็นของครูผู้สอน ในภาพรวมอยู่ในระดับมาก และเมื่อ พิจารณาอันดับความคิดเห็นเรียงคะแนนค่าเฉลี่ยจากมากไปน้อยได้ดังนี้ ลักษณะทางกาย ภูมิหลังทางสังคม บุคลิกภาพ สติปัญญา ลักษณะที่เกี่ยวข้องกับงานและลักษณะทางสังคมตามลำดับ 2) เปรียบเทียบคุณลักษณะภาวะผู้นำผู้บริหารอาชีวศึกษาตามความคิดเห็นของครูผู้สอน จังหวัดระยอง จันทบุรี ตราด จำแนกตามประเภทของสถานศึกษาพบว่า ในภาพรวมแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน ลักษณะทางกาย ภูมิหลังทางสังคม และสติปัญญา แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ส่วนในด้านบุคลิกภาพ ลักษณะที่เกี่ยวข้องกับงาน และลักษณะทางสังคม มีความแตกต่างกันอย่างไม่มีนัยสำคัญทางสถิติ
Abstract: The purposes of this research were to study and compare the leadership characteristics of vocational administrators according to teacher opinions in Rayong, Chanthaburi and Trat provinces classified by educational qualification, experience and school category. The sample group was 298 vocational teachers in the Rayong, Chanthaburi and Trat provinces. The tool in this research was a 5-level rating scale questionnaire. Statistics used for analysis include standard deviation and t-test. The results are shown that : 1) the overall opinions of teachers was at a high level. Opinions from high to low levels are : physical character, social background, personality, intelligence and related work character and social character, respectively. 2) The comparison of the leadership characteristics of vocational administrators to used upon the teacher opinions in Rayong, Chanthaburi and Trat provinces classified by school category found statistically significant difference at the .05 level in overall image. Individual aspects on income, physical character, social background and intelligence show no statistically significant difference do not show significant difference. Personality, related work, and social characters.
Publisher
มหาวิทยาลัยราชภัฏรำไพพรรณี. สำนักวิทยบริการและเทคโนโลยีสารสนเทศ
ชลธน วรรณศรียพงษ์ (2553) คุณลักษณะ ภาวะผู้นำ ผู้บริหารอาชีวศึกษา ตามความคิดเห็นของครูผู้สอนจังหวัดระยอง จันทบุรี ตราด วิทยานิพนธ์ สาขาการบริหารการศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏรำไพพรรณี.
Title การบริหารสถานศึกษาอาชีวศึกษาสู่ความเป็นเลิศ: การศึกษาทฤษฎีฐานราก
วันทิตา โพธิสาร
คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี
สมคิด สร้อยน้ำ
คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี
เรวณี ชัยเชาวรัตน์
คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อเสนอข้อสรุปเชิงทฤษฎีการบริหารสถานศึกษาอาชีวศึกษาสู่ความเป็นเลิศ โดยศึกษา ถึงกระบวนการบริหารสถานศึกษาอาชีวศึกษาที่มีความเป็นเลิศ เงื่อนไขกระบวนการเกิด การดำรงอยู่ และผลที่ตามมา การวิจัยนี้เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ เพื่อสร้างทฤษฎีฐานราก ผู้วิจัยเลือกพื้นที่ทำ การศึกษา โดยวิธีการเลือกเชิงทฤษฎี ซึ่งเป็นวิทยาลัยอาชีวศึกษาขนาดใหญ่แห่งหนึ่งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ วิธีการเก็บรวบรวมข้อมูลประกอบด้วย การวิเคราะห์เอกสาร สัมภาษณ์เชิงลึก การสังเกต และจดบันทึกข้อมูลผู้ให้ข้อมูลหลัก ประกอบด้วย ผู้บริหารสถานศึกษา ครู และบุคลากรทางการศึกษา นักเรียน นักศึกษา ผู้ปกครอง สถานประกอบการ และหน่วยงาน ที่มีบทบาทเกี่ยวข้องกับสถานศึกษา จำนวน 30 คน การเลือกผู้ให้ข้อมูล ผู้วิจัยใช้วิธีเลือกแบบเจาะจง และแบบลูกโซ่ การวิเคราะห์ข้อมูล ใช้การแปลความ ตีความหมาย และสร้างมโนทัศน์ โดยใช้โปรแกรม Atlas.ti ผลการวิจัยพบว่า 1) กระบวนการบริหารสถานศึกษาอาชีวศึกษาสู่ความเป็นเลิศ ประกอบด้วย การมอบหมายงาน ความรับผิดชอบการพัฒนาตนเอง การกำกับติดตาม การทำงานเป็นทีม การสร้างแรงจูงใจ และการมีส่วนร่วม 2) เงื่อนไขการเกิดกระบวนการบริหารสถานศึกษาอาชีวศึกษาที่มีความเป็นเลิศ ได้แก่ คุณลักษณะภาวะผู้นำของผู้บริหาร และปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อบทบาทภาวะผู้นำ 3) การดำรงอยู่ของกระบวนการบริหารสถานศึกษาอาชีวศึกษาที่มีความเป็นเลิศ ได้แก่ นโยบายบริหาร ความมั่นคง การควบคุมคุณภาพ การสร้างแรงจูงใจ และความรัก ความผูกพัน 4) ผลที่ตามมาจากการบริหารสถานศึกษาอาชีวศึกษาที่มีความเป็นเลิศ ได้แก่ สถานศึกษามีคุณภาพ บุคลากร
มีวัฒนธรรมองค์การในการทำงานร่วมกัน ผู้สอนเป็นเลิศทางวิชาชีพ และผู้เรียนมีสมรรถนะ และคุณลักษณะที่พึงประสงค์
วันทิตา โพธิสาร (2563) การบริหารสถานศึกษาอาชีวศึกษาสู่ความเป็นเลิศ: การศึกษาทฤษฎีฐานราก
วันทิตา โพธิสาร คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี
สมคิด สร้อยน้ำ คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี
เรวณี ชัยเชาวรัตน์ คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี ปี 2563 การบริหารสถานศึกษาอาชีวศึกษาสู่ความเป็นเลิศ: การศึกษาทฤษฎีฐานราก ปีที่ 14 ฉบับที่ 1 พ.ศ. 2563 หน้า 9-10
Hussain A. Almalky, Abdalmajeed H. Alrabiah (2024) Predictors of teachers’ intention to implement inclusive education/Children and Youth Services Review/Volume 158, March 2024, 107457
Title
การศึกษาภาวะผู้นำของผู้บริหารโรงเรียนในทัศนะของผู้บริหาร และครูสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาชัยภูมิ เขต 1.
Title Alternative
A Study of Administrators’ Leadership in the Opinion of School Administrators and Teachers of Chaiyaphum Educational Service Area I.
Creator
Name: มโน รัตนอังศิริกุล
Address: สถานบัณฑิตศึกษา.มหาวิทยาลัยราชภัฏชัยภูมิ
Subject
keyword: ผู้บริหารโรงเรียน-ภาวะผู้นะ
Classification :.DDC: 371.2
Description
Abstract: การศึกษาภาวะผู้นำของผู้บริหารโรงเรียนในทัศนะของผู้บริหาร และครูในโรงเรียน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาชัยภูมิ เขต 1 ในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาภาวะผู้นำที่จำเป็นและปฏิบัติจริงของผู้บริหารโรงเรียน ตามทัศนะของผู้บริหารและครูโรงเรียนในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาชัยภูมิ เขต 1 เครื่องมือการวิจัยเป็นแบบสอบถามแบบมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ การวิเคราะห์ข้อมูลใช้สถิติอย่างง่ายคือ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ( ) และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ( S.D. ) ผลการวิจัยพบว่า 1. คุณลักษณะภาวะผู้นำที่จำเป็นของผู้บริหารโรงเรียนในภาพรวม ต้องมีในระดับมากที่สุด ทั้ง 3 ด้าน คือ ด้านบุคลิกภาพ ด้านความรู้ความสามารถ และด้านคุณธรรมจริยธรรม 2. คุณลักษณะย่อยของคุณลักษณะภาวะผู้นำที่จำเป็นของผู้บริหารโรงเรียน ด้านบุคลิกภาพ ด้านความรู้ความสามารถ และด้านคุณธรรมจริยธรรม ที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุดได้แก่ การมี ความสามารถในการตัดสินใจ การมีวิสัยทัศน์ และการมีความรับผิดชอบ ตามลำดับ 3. คุณลักษณะภาวะผู้นำที่ปฏิบัติจริงของผู้บริหารโรงเรียนในภาพรวมทั้ง 3 ด้าน คือ ด้านบุคลิกภาพ ด้านความรู้ความสามารถ และด้านคุณธรรมจริยธรรม อยู่ในระดับมาก 4. คุณลักษณะย่อยของคุณลักษณะภาวะผู้นำที่ปฏิบัติจริงของผู้บริหารโรงเรียน ด้านบุคลิกภาพ ด้านความรู้ความสามารถ และด้านคุณธรรมจริยธรรม ที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุดได้แก่ การมี ความต้องการความสำเร็จ การมีความรู้ดีการศึกษาดี และการมีความรับผิดชอบ ตามลำดับ
Abstract: The purpose of the thesis was to study the necessary aspects and the actual performance of Administrator’s Leadership in the Opinion of School Administrators and Teachers of Chaiyaphum Education Service Area I. The instrument of this study was questionnaire with 5 rating scales. The data was analyzed as percentage mean ( ) and standard deviation (S.D.) The findings were as follows : The necessary character of Administrator’s Leadership was totally the highest level in three aspects : personality, knowledge and ability, and morality. The highest mean of necessary sub-character of Administrator’s Leadership in the aspect of personality, knowledge and ability, and morality was ranged in a descending order as follows : judgement, visionary, and responsibility. The actual performance of administrator’s leadership in three aspects ; personality, knowledge and ability,and morality, was totally ranged in “ much” level. The highest mean in actual performance of sub-character of administrator’s leadership in aspect of personality, knowledge and ability, and morality was ranged in a descending order as follows : success need,good knowledge,good education,and responsibility.
Publisher
มหาวิทยาลัยราชภัฏชัยภูมิ.สำนักวิทยบริการ
มโน รัตนอังศิริกุล (2551) การศึกษาภาวะผู้นำของผู้บริหารโรงเรียนในทัศนะของผู้บริหาร และครูสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาชัยภูมิ เขต 1. วิทยานิพนธ์ สาขาการบริหารการศึกษา
มหาวิทยาลัยราชภัฏชัยภูมิ
Title
ภาวะผู้นำของผู้บริหารสถานศึกษาตามแนวพุทธกิจ
Creator
Name: มญชุ์ปริยา ทองประเสริฐ
Subject
keyword: ภาวะผู้นำ
; พุทธกิจ
Description
Abstract: บทคัดย่อภาษาไทย การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาภาวะผู้นำของผู้บริหารสถานศึกษาตามแนวพุทธกิจ และ 2) ตรวจสอบและยืนยันภาวะผู้นำของผู้บริหารสถานศึกษาตามแนวพุทธกิจ โดยใช้การวิจัย เชิงคุณภาพ แบ่งออกเป็น 3 ขั้นตอน ดังนี้ ขั้นตอนที่ 1 ศึกษาเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับ ภาวะผู้นำ ภาวะผู้นำของผู้บริหารสถานศึกษา และพุทธกิจ 45 พรรษา วิเคราะห์ข้อมูลโดย การสังเคราะห์เนื้อหา ขั้นตอนที่ 2 ศึกษาภาวะผู้นำของผู้บริหารสถานศึกษาตามแนวพุทธกิจ ผู้ให้ข้อมูล ได้แก่ ผู้ทรงคุณวุฒิ 19 คน/รูป เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ แบบสัมภาษณ์กึ่งโครงสร้าง วิเคราะห์ข้อมูล โดยการสังเคราะห์เนื้อหา และขั้นตอนที่ 3 ตรวจสอบและยืนยันภาวะผู้นำของผู้บริหารสถานศึกษาตามแนวพุทธกิจ ผู้ให้ข้อมูล ได้แก่ ผู้ทรงคุณวุฒิ 19 คน/รูป เครื่องมือที่ใช้ใน การวิจัย คือ แบบสำรวจความคิดเห็น วิเคราะห์ข้อมูลโดยการหาความถี่ และร้อยละ ผลการวิจัยพบว่า 1. ภาวะผู้นำของผู้บริหารสถานศึกษาตามแนวพุทธกิจ มีจำนวน 4 ทฤษฎี 30 แบบ ดังนี้ 1) ทฤษฎีคุณลักษณะภาวะผู้นำมี 2 แบบ ประกอบด้วย แบบมหาบุรุษ และแบบผู้นำที่มีพลังวิเศษ 2) ทฤษฎีพฤติกรรมผู้นำมี 11 แบบ ประกอบด้วย แบบอัตถนิยมหรืออัตตา แบบประชาธิปไตย แบบตามสบายหรือเสรีนิยม แบบใช้อำนาจ แบบใช้อำนาจเชิงเมตตา แบบปรึกษาหารือ แบบมี ส่วนร่วม แบบมุ่งงาน แบบมุ่งคน แบบทางสายกลาง และแบบทำงานเป็นทีม 3) ทฤษฎีตามสถานการณ์มี 4 แบบ ประกอบด้วย แบบบอกทุกอย่าง แบบเน้นการทำงานแบบมีส่วนร่วม แบบมอบหมายงานให้ทำ และแบบขายความคิด 4) ทฤษฎีความเป็นผู้นำเชิงปฏิรูปมี 13 แบบ ประกอบด้วย แบบการแลกเปลี่ยน แบบการเปลี่ยนแปลง แบบแบบจิตวิญญาณ แบบเหนือชั้น แบบเหนือผู้นำ แบบเชิงจริยธรรม แบบเชิงนวัตกรรม แบบศตวรรษที่ 21 แบบเชิงกลยุทธ์ แบบเชิงพุทธ แบบเชิงวิสัยทัศน์ แบบบารมี และแบบผู้นำในตนเอง 2. การตรวจสอบและยืนยันภาวะผู้นำของผู้บริหารสถานศึกษาตามแนวพุทธกิจ พบว่า ถูกต้อง เหมาะสม เป็นไปได้ และใช้ประโยชน์ได้ ข้อค้นพบของงานวิจัย ภาวะผู้นำ 4 ทฤษฎี 30 แบบ สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการบริหารสถานศึกษาให้เหมาะสมกับงานและภารกิจของผู้บริหารสถานศึกษา
Abstract: ABSTRACT The objectives of this research were to: 1) study the leaderships of school administrators based on the Buddha’s conducts; and 2) validate and confirm the leaderships of school administrators based on the Buddha’s conducts. Qualitative research was used in this research which was divided into 3 phases. Phase 1 was the study of related documents and research on leadership, school administrators’ leadership, and the Buddha’s conducts in 45 years. The qualitative synthesis was used to analyze the data. Phase 2 was the study of school administrators’ leaderships based on Buddha’s conducts. The informants were 19 monks and layperson experts. The research instrument was a semi-structured interview. Data were analyzed by content analysis. Phase 3 was the validation and confirmation of school administrators’ leaderships based on the Buddha’s conducts. The data were collected by a questionnaire from 19 monks and layperson experts and analyzed with frequency and percentage. The results were as follows: 1. The school administrators’ leadership based on the Buddha’s conducts was found in 30 types of 4 leadership theories. 1) Two types of trait theories included great man and leader-constituent interaction. 2) Eleven types of behavioral leadership theories included autocratic leadership, democratic leadership, laissez-faire leadership, exploitative-authoritative leadership, benevolent-authoritative leadership, consultative leadership, participative leadership, work-oriented leadership, human-oriented leadership, middle-of-the-road leadership, and teamwork leadership. 3) Four types of situational leadership theories included telling leadership, cooperative-oriented leadership, assignment-oriented leadership, and selling leadership. 4) Thirteen types of transformational leadership theories included transactional leadership, transformational leadership, spiritual leadership, super leadership, superior leadership, ethical leadership, innovative leadership, 21st century leadership, strategic leadership, Buddhist leadership, visionary leadership, charismatic leadership, and self-leadership. 2. Regarding the validation and confirmation, the school administrators’ leadership based on the Buddha’s conducts was found accurate, appropriate, feasible, and useful. The finding of this research was that the 30 types of 4 leadership theories could be applied to school administration as suitable to work and mission of school administrators.
Publisher
มหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม. สำนักวิทยบริการและเทคโนโลยีสารสนเทศ
มญชุ์ปริยา ทองประเสริฐ (2021) ภาวะผู้นำของผู้บริหารสถานศึกษาตามแนวพุทธกิจ วิทยานิพนธ์ สาขาการบริหารการศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม
การวิเคราะห์องค์ประกอบการบริหารความขัดแย้งของผู้บริหารสถานศึกษา ในศตวรรษที่ 21 สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสุพรรณบุรี
Creator
Name: ฐานิตา อุบล
Subject
keyword: การบริหารความขัดแย้ง
Description
Abstract: บทคัดย่อ การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อวิเคราะห์องค์ประกอบการบริหารความขัดแย้งของผู้บริหารสถานศึกษาในศตวรรษที่ 21 สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสุพรรณบุรี สำหรับการวิจัยเชิงคุณภาพ ผู้ให้ข้อมูลหลัก ได้แก่ ผู้บริหารสถานศึกษา ครู นักวิชาการ และศึกษานิเทศก์ จำนวน 6 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แบบสัมภาษณ์ และแบบตรวจสอบยืนยันองค์ประกอบ วิเคราะห์ข้อมูลโดยการสรุปอุปนัย และการวิเคราะห์เนื้อหา ส่วนการวิจัยเชิงปริมาณ กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ สถานศึกษาของรัฐ สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสุพรรณบุรี จำนวน 196 แห่ง ผู้ให้ข้อมูล ประกอบด้วย ผู้บริหารสถานศึกษา และครู จำนวน 713 คน โดยใช้วิธีการสุ่มตัวอย่างแบบแบ่งชั้นตามสัดส่วนกระจายตามอำเภอ เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ แบบสอบถามที่สร้างขึ้นโดยผู้วิจัย สถิติที่ใช้ในการวิจัย คือ การวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงสำรวจ สกัดองค์ประกอบด้วยวิธีองค์ประกอบหลักและหมุนแกนองค์ประกอบแบบมุมฉากด้วยวิธีแวร์ริแมกซ์ ผลการวิจัยพบว่า องค์ประกอบการบริหารความขัดแย้งของผู้บริหารสถานศึกษาในศตวรรษที่ 21 ประกอบด้วย 5 องค์ประกอบ ได้แก่ 1) การบริหารความขัดแย้งแบบแก้ปัญหา 2) การบริหารความขัดแย้งแบบหลีกเลี่ยง 3) การบริหารความขัดแย้งแบบร่วมมือ 4) การบริหารความขัดแย้งแบบมุ่งเป้าหมายเดียวกัน และ 5) การบริหารความขัดแย้งแบบขยายทรัพยากร โดยมีค่าน้ำหนักองค์ประกอบมาตรฐานอยู่ระหว่าง 0.594-0.980 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 ทุกองค์ประกอบสามารถร่วมกันอธิบายองค์ประกอบการบริหารความขัดแย้งของผู้บริหารสถานศึกษาในศตวรรษที่ 21 ได้ร้อยละ 69.137 ซึ่งมีความเหมาะสม ถูกต้อง เป็นไปได้ และสามารถนำไปใช้ประโยชน์ในการกำหนดองค์ประกอบการบริหารความขัดแย้งของผู้บริหารสถานศึกษาในศตวรรษที่ 21 ได้
Abstract: ABSTRACT The purpose of this research was to study the factor analysis of conflict management of school administrators in the 21st century under Suphan Buri Primary Educational Service Area. For qualitative data collection, the 6 key informants consisted of school administrators, teachers, academics and supervisors. The research instruments were an interview form and a factor’s confirmation form. Data were analyzed by analytic induction and content analysis. For quantitative data collection, the research sample was 196 schools under Suphan Buri Primary Educational Service Area. The informants were 713 school administrators and teachers derived by proportional stratified random sampling as distributed by district. The research instrument was a questionnaire constructed by the researcher. The statistic used in the research was exploratory factor analysis using principal components analysis and orthogonal rotation by varimax. The research results indicated that: There were 5 factors of conflict management of school administrators in the 21st century: 1) problem-solving conflict management, 2) avoidable conflict management, 3) cooperative conflict management, 4) targeted conflict management, and 5) extended resource conflict management. The standardized factor loading between 0.594-0.980 with statistical significance level of .01. All factors could explain the factor of conflict management of school administrators in the 21st century at the percentage of 69.137, which was appropriate, accurate, feasible, and useful for determining the factor of conflict management of school administrators in the 21st century.
Publisher
มหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม. สำนักวิทยบริการและเทคโนโลยีสารสนเทศ
ฐานิตา อุบล (2022) การวิเคราะห์องค์ประกอบการบริหารความขัดแย้งของผู้บริหารสถานศึกษา ในศตวรรษที่ 21 สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสุพรรณบุรี วิทยานิพนธ์ คณะเทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม
บุญเพชร พึ่งย้อย
สาขาวิชาการบริหารการศึกษา คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร
มัทนา วังถนอมศักดิ์
ภาควิชาการบริหารการศึกษา คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อทราบ 1) คุณลักษณะผู้นำของบุคลากรโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยศิลปากร 2) การปฏิบัติงานเป็นทีมของบุคลากรโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยศิลปากร 3) ความสัมพันธ์ระหว่างคุณลักษณะผู้นำกับการปฏิบัติงานเป็นทีมของบุคลากรโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยศิลปากร และ 4) แนวทางการพัฒนาการปฏิบัติงานเป็นทีมของบุคลากรโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยศิลปากร ประชากร คือ บุคลากรโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยศิลปากร เครื่องมือที่ใช้เป็นแบบสอบถาม (questionnaire) เกี่ยวกับคุณลักษณะผู้นำตามแนวคิดของ นอร์ทเฮาส์ (Northouse) และการปฏิบัติงานเป็นทีมตามแนวคิดของยุคล์ (Yukl) สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ ค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่ามัชฌิมเลขคณิต ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน สัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ของเพียร์สัน และการวิเคราะห์เนื้อหา
ผลการวิจัยพบว่า
1. คุณลักษณะผู้นำของบุคลากรโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยศิลปากร โดยภาพรวมและรายด้านอยู่ในระดับมาก
2. การปฏิบัติงานเป็นทีมของบุคลากรโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยศิลปากร โดยภาพรวมและรายด้านอยู่ในระดับมาก
3. คุณลักษณะผู้นำกับการปฏิบัติงานเป็นทีมของบุคลากรโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยศิลปากร มีความสัมพันธ์อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
4. แนวทางการพัฒนาการปฏิบัติงานเป็นทีมของบุคลากรโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยศิลปากร พบว่า โรงเรียนฯควรพัฒนาด้านการจัดองค์กรและการประสานงานภายในองค์กร โดยบุคลากรควรปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อการทำงานร่วมกันมีส่วนร่วมในการพัฒนาองค์กร พัฒนาทักษะในการทำงานเป็นทีม ให้ข้อมูลย้อนกลับ เชื่อมโยงการปฏิบัติงาน จัดหาทรัพยากรและความช่วยเหลือ สร้างความสามัคคี มองโลกในแง่ดีและช่วยขจัดอุปสรรคในการปฏิบัติงานและสร้างความรับรู้และความเข้าใจไปในทิศทางเดียวกัน
บุญเพชร พึ่งย้อย
สาขาวิชาการบริหารการศึกษา คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร
มัทนา วังถนอมศักดิ์
ภาควิชาการบริหารการศึกษา คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร
บุญเพชร พึ่งย้อย,มัทนา วังถนอมศักดิ์ คุณลักษณะผู้นำกับการปฏิบัติงานเป็นทีมของบุคลากรโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยศิลปากร ปีที่ 4 ฉบับที่ 2 (2014) เดือน มกราคม-มิถุนายน 2557
กฤษ ไชยดวงจินดา
สาขาการบริหารการศึกษา มหาวิทยาลัยนอร์ท-เชียงใหม่
ปรีชา อนุรักษ์
สาขาการบริหารการศึกษา มหาวิทยาลัยนอร์ท-เชียงใหม่
ชญาดา วรรณภิระ
สาขาการบริหารการศึกษา มหาวิทยาลัยนอร์ท-เชียงใหม่
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1. เพื่อศึกษาองค์ประกอบของภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงทางการศึกษาของผู้บริหารสถานศึกษาในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเขตพื้นที่ภาคเหนือตอนบน 2. เพื่อศึกษาปัจจัยที่ส่งผลต่อคุณลักษณะภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงทางการศึกษาของผู้บริหารสถานศึกษาในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเขตพื้นที่ภาคเหนือตอนบน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ แบบสอบถาม ใช้การวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงสำรวจ (Exploratory Factor Analysis) วิเคราะห์การถดถอยพหุคูณ (Multiple Regression Analysis) ผลจากการศึกษาพบว่า
1. องค์ประกอบของคุณลักษณะภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงทางการศึกษาของผู้บริหารสถานศึกษาในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เขตพื้นที่ภาคเหนือตอนบน มีทั้งหมด 9 องค์ประกอบ ได้แก่ ด้านการพัฒนาผู้ร่วมงาน ด้านภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลง ด้านการนิเทศติดตามด้านการทำงานเป็นทีมด้านการมีอิทธิพลต่อผู้ร่วมงาน ด้านการสร้างพันธะความผูกพันด้านองค์การแห่งการเรียนรู้ ด้านการสร้างแรงจูงใจและด้านภาวะผู้นำทางวิชาการ
2. ปัจจัยที่ส่งผลต่อคุณลักษณะภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงทางการศึกษาของผู้บริหารสถานศึกษาในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เขตพื้นที่ภาคเหนือตอนบน ได้แก่ ปัจจัยด้านคุณลักษณะพิเศษของผู้บริหาร นโยบายหน่วยงานต้นสังกัด บุคลากรในสถานศึกษา ขนาดของสถานศึกษา ประสบการณ์การทำงานการบริหาร และปัจจัยเกื้อหนุนตามลำดับ
ปรีชา อนุรักษ์, ชญาดา วรรณภิระ ภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงของผู้บริหารสถานศึกษาในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เขตพื้นที่ภาคเหนือตอนบน ปีที่ 8 ฉบับที่ 1(2016): ฉบับพิเศษ ตุลาคม - ธันวาคม 2558
ทวีภรณ์ วรชิน
สาขาการบริหารจัดการการศึกษา คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม
สมเจตน์ ภูศรี
เกรียงศักดิ์ ไพรวรรณ
คำสำคัญ: รูปแบบ, การพัฒนาภาวะผู้นำเชิงสร้างสรรค์, ผู้บริหารสถานศึกษา, Model, Development of Creative Leadership, School Directors
การวิจัยมีวัตถุประสงค์ ดังนี้ เพื่อศึกษาวิเคราะห์ภาวะผู้นำเชิงสร้างสรรค์ที่ ต้องการพัฒนาให้กับผู้บริหารสถานศึกษา เพื่อสร้างและพัฒนารูปแบบการพัฒนา ภาวะผู้นำเชิงสร้างสรรค์ของผู้บริหารสถานศึกษา และเพื่อประเมินผลการใช้รูปแบบ การพัฒนาภาวะผู้นำเชิงสร้างสรรค์ของผู้บริหารสถานศึกษา เป็นการวิจัยเชิง ปฏิบัติการ โดยการสนทนากลุ่มผู้ทรงคุณวุฒิ 12 คน เพื่อหาภาวะผู้นำเชิงสร้างสรรค์ที่ ต้องการพัฒนาให้กับผู้บริหารสถานศึกษา ใช้แบบสอบถามความเห็นต่อการใช้ และ ความเห็นต่อผลที่เกิดจากการใช้ภาวะผู้นำเชิงสร้างสรรค์ โดยเก็บรวบรวมข้อมูลจาก ผู้บริหารสถานศึกษา ขนาดเล็กกลุ่มเป้าหมาย 35 คน ใช้แบบสอบถามความพึงพอใจ จากการใช้ภาวะผู้นำเชิงสร้างสรรค์ โดยเก็บรวบรวมข้อมูลจากครูในสถานศึกษาที่ ผู้บริหารเป็นกลุ่มเป้าหมาย 455 คน วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติพื้นฐานค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่า S.D และการทดสอบค่าที (t-test dependent Samples) มีผลการวิจัย ดังนี้ 1. คุณลักษณะภาวะผู้นำเชิงสร้างสรรค์ที่ต้องการพัฒนาให้กับผู้บริหาร สถานศึกษา มี 6 ด้าน คือ ผู้นำที่สร้างความคิดสร้างสรรค์ ผู้นำการเรียนรู้แบบทีม ผู้นำของผู้นำ ผู้นำที่มุ่งผลสัมฤทธิ์ของงาน ผู้นำที่ให้ความสำคัญต่อลูกค้า และผู้นำที่ เป็นแบบอย่างที่ดี 2. รูปแบบการพัฒนาภาวะผู้นำเชิงสร้างสรรค์ของผู้บริหาร สถานศึกษา ได้แก่ กระบวนการพัฒนาด้วยคู่มือการพัฒนาภาวะผู้นำเชิงสร้างสรรค์ โดยผู้บริหารที่เข้ารับการพัฒนา มีค่าเฉลี่ยคะแนนหลังการพัฒนาสูงกว่าก่อนการ พัฒนาอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 และคู่มือการพัฒนาภาวะผู้นำเชิง สร้างสรรค์ของผู้บริหารสถานศึกษา มีคุณภาพโดยรวมอยู่ในระดับมาก และ 3. การ ประเมินผลการใช้รูปแบบการพัฒนาภาวะผู้นำเชิงสร้างสรรค์ของผู้บริหารสถานศึกษา พบว่า ระดับความคิดเห็นต่อการใช้ ระดับความคิดเห็นต่อผลที่เกิดขึ้นจากการใช้ภาวะ ผู้นำเชิงสร้างสรรค์ของผู้บริหารสถานศึกษาหลังการพัฒนา และระดับความพึงพอใจ ของครูในสถานศึกษาที่ผู้บริหารเป็นกลุ่มเป้าหมาย ที่มีต่อการใช้ภาวะผู้นำเชิง สร้างสรรค์ของผู้บริหารสถานศึกษา โดยรวมอยู่ในระดับมาก
ทวีภรณ์ วรชิน, สมเจตน์ ภูศรี, เกรียงศักดิ์ ไพรวรรณ รูปแบบการพัฒนาภาวะผู้นำเชิงสร้างสรรค์ของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 24
ปีที่ 5 ฉบับที่2 (2016) เดือนกรกฏคม - ธันวาคม 2559