ดอยสุเทพเป็นศรี ประเพณีเป็นสง่า
ดอยสุเทพเป็นศรี ประเพณีเป็นสง่า
เชียงใหม่ (ไทยถิ่นเหนือ: ᨩ᩠ᨿᨦᩉᩲ᩠ᨾ᩵, เจียงใหม่) เป็นจังหวัดหนึ่งในภาคเหนือของประเทศไทย มีพื้นที่ประมาณ 22,436 ตารางกิโลเมตร ซึ่งถือเป็นจังหวัดที่มีพื้นที่มากที่สุดในประเทศ ภายหลังการปรับปรุงเขตการปกครองใน พ.ศ. 2563[2][3] และใน พ.ศ. 2567[4] จังหวัดเชียงใหม่มีประชากรราว 1.8 ล้านคน ซึ่งจัดอยู่ในลำดับที่ 4 ของประเทศเมื่อจัดอันดับจังหวัดตามจำนวนประชากร จังหวัดเชียงใหม่แบ่งการปกครองออกเป็น 25 อำเภอ โดยอำเภอกัลยาณิวัฒนาได้รับการจัดตั้งขึ้นใน พ.ศ. 2552 เป็นอำเภอลำดับที่ 25 ของจังหวัด และเป็นอำเภอลำดับที่ 878 ของประเทศ ปัจจุบัน เทศบาลนครเชียงใหม่ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางการปกครองของจังหวัด
จังหวัดเชียงใหม่มีประวัติศาสตร์อันยาวนานและสืบเนื่องมาตั้งแต่สมัยโบราณ โดยเคยเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรล้านนาซึ่งเป็นรัฐเอกราชในอดีต มีชื่อเต็มตามประวัติศาสตร์ว่า "นพบุรีศรีนครพิงค์เชียงใหม่" การก่อตั้งเมืองเชียงใหม่มีขึ้นเมื่อ พ.ศ. 1839 โดยพญามังราย ปฐมกษัตริย์แห่งอาณาจักรล้านนา เมืองนี้เจริญรุ่งเรืองในฐานะศูนย์กลางการเมือง เศรษฐกิจ ศาสนา และวัฒนธรรมของภาคเหนือ โดยมีคำเมืองเป็นภาษาถิ่นที่ยังคงใช้สืบต่อกันมาจนถึงปัจจุบัน เชียงใหม่มีเอกลักษณ์ด้านประเพณี วัฒนธรรม และวิถีชีวิตซึ่งแตกต่างจากภูมิภาคอื่น โดยเฉพาะงานหัตถกรรมพื้นบ้าน สถาปัตยกรรมล้านนา การฟ้อนรำ และเทศกาลท้องถิ่น เช่น ประเพณียี่เป็ง และประเพณีสงกรานต์ล้านนา ซึ่งยังคงเป็นเอกลักษณ์ที่ได้รับการอนุรักษ์และสืบทอดมาจนถึงปัจจุบัน
นอกจากนี้ จังหวัดเชียงใหม่ยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญระดับชาติและระดับนานาชาติ โดยมีภูมิประเทศที่หลากหลาย ประกอบด้วยภูเขาสูง ป่าไม้ และลำน้ำที่อุดมสมบูรณ์ เป็นที่ตั้งของดอยอินทนนท์ ซึ่งเป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในประเทศไทย ตลอดจนมีแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมและธรรมชาติจำนวนมาก เช่น วัดพระธาตุดอยสุเทพราชวรวิหาร เวียงกุมกาม อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย และถนนคนเดินเชียงใหม่ จากศักยภาพด้านวัฒนธรรมและหัตถกรรมพื้นบ้าน จังหวัดเชียงใหม่ได้รับการประกาศให้เป็นสมาชิกของเครือข่ายเมืองสร้างสรรค์ของยูเนสโก ในด้านหัตถกรรมและศิลปะพื้นบ้านเมื่อ พ.ศ. 2560[5] และในปัจจุบัน กำลังอยู่ในกระบวนการผลักดันให้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลก[6]
ในด้านวิทยาศาสตร์ จังหวัดเชียงใหม่ยังได้รับการยอมรับว่าเป็นศูนย์กลางดาราศาสตร์ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเป็นที่ตั้งของหอดูดาวแห่งชาติ และอุทยานดาราศาสตร์สิรินธร ซึ่งอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ องค์กรเหล่านี้มีบทบาทสำคัญในการวิจัย พัฒนา และส่งเสริมความรู้ทางดาราศาสตร์ในระดับภูมิภาค รวมทั้งเป็นแหล่งเรียนรู้ที่เปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้าชมได้ตลอดทั้งปี[7] ปัจจัยเหล่านี้ส่งผลให้จังหวัดเชียงใหม่มีบทบาทสำคัญทั้งทางเศรษฐกิจ วัฒนธรรม การศึกษา และวิทยาศาสตร์ อีกทั้งยังเป็นเมืองที่มีความหลากหลายทางชาติพันธุ์ เป็นศูนย์กลางของกลุ่มชาติพันธุ์ดั้งเดิมหลายกลุ่ม เช่น ไทยวน ปกาเกอะญอ ม้ง และมูเซอ ซึ่งล้วนมีบทบาทสำคัญในการรักษาอัตลักษณ์ของล้านนาให้คงอยู่ต่อไปในบริบทของโลกยุคใหม่
ประวัติศาสตร์
ความสัมพันธ์ในอดีต
อาณาจักรล้านนา พ.ศ. 1835–2318
ราชวงศ์ตองอู พ.ศ. 2101–2139
อาณาจักรอยุธยา พ.ศ. 2139–2158
ราชวงศ์ตองอู พ.ศ. 2158–2270
อาณาจักรหลวงพระบาง พ.ศ. 2270–2302
หัวเมืองอิสระ พ.ศ. 2302–2306
อาณาจักรอังวะ พ.ศ. 2306–2317
นครเชียงใหม่ พ.ศ. 2317–2437
ราชอาณาจักรสยาม และ ราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2437–ปัจจุบัน
พระบรมราชานุสาวรีย์สามกษัตริย์ คือ พญามังราย พญาร่วง (พ่อขุนรามคำแหงมหาราช) และพญางำเมือง
เวียงเชียงใหม่ มีชื่อปรากฏในตำนานพื้นเมืองเชียงใหม่ว่า "นพบุรีศรีนครพิงค์เชียงใหม่"[8] (ไทยถิ่นเหนือ: )[9]) พญามังรายทรงสถาปนาขึ้นเมื่อวันที่ 12 เมษายน (ตามปฏิทินจูเลียน) หรือ 19 เมษายน (ตามปฏิทินกริกอเรียน) พ.ศ. 1839[10]
ในอดีตเชียงใหม่มีฐานะเป็นเมืองหลวงของราชอาณาจักรนครรัฐอิสระ ชื่อว่าอาณาจักรล้านนา ภายใต้การปกครองของราชวงศ์มังรายยาวนานประมาณ 261 ปี (ระหว่าง พ.ศ. 1839-2101) กระทั่งในปี พ.ศ. 2101 เชียงใหม่ได้เสียเมืองให้แก่พระเจ้าบุเรงนองแห่งกรุงหงสาวดี เชียงใหม่ภายใต้การปกครองของพม่านานกว่าสองร้อยปี ถึงรัชสมัยสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี จึงได้มีการทำสงครามเพื่อขับไล่พม่าออกจากเมืองเชียงใหม่และเชียงแสนได้สำเร็จ โดยการนำของเจ้ากาวิละและพระยาจ่าบ้าน (บุญมา) และเปลี่ยนชื่อเป็น เมืองรัตตนติงสาอภินวปุรี[11] (ไทยถิ่นเหนือ: )[12])
หลังจากนั้นพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ สถาปนาพระยากาวิละขึ้นเป็นพระบรมราชาธิบดี ปกครองนครเชียงใหม่และเป็นประมุขแห่งราชวงศ์ทิพย์จักร (ราชวงศ์เจ้าเจ็ดตน) และต่อมาเจ้านายซึ่งเป็นเชื้อสายของพระเจ้ากาวิละ ก็ได้ปกครองเมืองเชียงใหม่และหัวเมืองต่าง ๆ สืบต่อมา
ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้มีการปฏิรูปการปกครองหัวเมืองประเทศราช โดยมีการจัดตั้งการปกครองแบบมณฑลเทศาภิบาล เรียกว่า "มณฑลพายัพ" ต่อมาเชียงใหม่ได้มีการปรับปรุงการปกครองและยกฐานะขึ้นเป็น "จังหวัด" ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2476 ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว อดีตจนถึง จนถึงปัจจุบัน
ทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ มีพื้นที่ครอบคลุมอยู่ในท้องที่อำเภอจอมทอง อำเภอแม่แจ่ม อำเภอแม่วาง และ อำเภอดอยหล่อ จังหวัดเชียงใหม่ มีเนื้อที่ประมาณ 482.4 ตารางกิโลเมตร หรือ 301,500 ไร่ ประกอบไปด้วยภูเขาสูงสลับซับซ้อน มีดอยอินทนนท์ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของทิวเขาอินทนนท์
ดอยสุเทพ (ไทยถิ่นเหนือ: ) เป็นภูเขาสำคัญตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของตัวเมืองเชียงใหม่ อยู่ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย และยังเป็นที่ตั้งของวัดพระธาตุดอยสุเทพราชวรวิหาร ภายในวัดมีพระธาตุดอยสุเทพเป็นพระเจดีย์สีทอง ด้านในพระเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุของพระโคตมพุทธเจ้า[1] ดอยสุเทพเป็นส่วนหนึ่งของทิวเขาถนนธงชัยด้านใต้สุด มีความสูงจากระดับน้ำทะเล 1,676 เมตร
"ลานกางเต็นท์ดอยอ่างขาง" อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ ความสูง 1,787 เมตร จากระดับน้ำทะเล ซึ่งมีสถานีเกษตรหลวงอ่างขาง จัดตั้งตามแนวพระราชดำริในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เปลี่ยนพื้นที่จากไร่ฝิ่นมาเป็นแปลงเกษตรเมืองหนาว
อุทยานแห่งชาติออบหลวง มีพื้นที่ครอบคลุมอยู่ในท้องที่อำเภอจอมทอง อำเภอฮอด และอำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ เป็นสถานที่น่าเที่ยวที่มีลักษณะช่องแคบเขาขาดที่มีหน้าผาหินขนาบลำน้ำ ทำให้เกิดหุบผาลึก นอกจากนั้นภายในบริเวณอุทยานฯ ยังมีการขุดค้นพบแหล่งโบราณคดียุคก่อนประวัติศาสตร์