“การลดการใช้” หมายถึงการใช้ทรัพยากรให้น้อยลงเช่น การใช้ขวดพลาสติกให้น้อยลง หรือการซื้อผลิตภัณฑ์ที่มีบรรจุภัณฑ์น้อยลง นับเป็นการลดปริมาณขยะตั้งแต่ต้นทาง
“ลด” หมายความว่า อย่าซื้อของมากเกินไปตั้งแต่แรก เป็นเรื่องของการใส่ใจในการใช้ทรัพยากรอย่างชาญฉลาด เพื่อไม่ให้ทรัพยากรเหล่านั้นกลายเป็นขยะฝังกลบ
ตัวอย่างเช่น การนำแก้วกาแฟหรือขวดน้ำที่นำมาใช้ซ้ำได้มาเองเป็นตัวอย่างของการ “ลดการใช้” การทำเช่นนี้จะช่วยลดความจำเป็นในการใช้ภาชนะแบบใช้ครั้งเดียวทิ้งและลดขยะ
“การนำกลับมาใช้ใหม่” หมายถึงการนำสิ่งของกลับมาใช้ใหม่แทนที่จะทิ้งไป มีหลายวิธีสร้างสรรค์ในการนำสิ่งของต่างๆในบ้าน กลับมาใช้ใหม่
ตัวอย่างเช่น คุณสามารถนำกล่องกระดาษแข็งเก่ามาใช้ใหม่เพื่อสร้างโครงการ DIY สนุกๆ หรือใช้เป็นภาชนะจัดเก็บของ ซึ่งไม่เพียงแต่จะช่วยประหยัดเงิน แต่ยังช่วยลดจำนวนกล่องที่ต้องทิ้งลงถังขยะ อีกด้วย
ตัวอย่างอื่น ๆ ของ “การนำกลับมาใช้ใหม่” คือ การใช้ขวดแก้วเปล่าเพื่อเก็บอาหารที่เหลือแทนที่จะทิ้งไป วิธีนี้จะช่วยให้ขวดกลับมามีชีวิตใหม่และลดความจำเป็นในการหาภาชนะใหม่
“การรีไซเคิล” คือกระบวนการรวบรวมและแปรรูปวัสดุต่างๆ เช่น กระดาษ พลาสติก และแก้ว เพื่อให้สามารถนำไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ได้ ถือเป็นวิธีหนึ่งในการคืนชีวิตใหม่ให้กับสิ่งของเก่าแทนที่จะส่งไปยังหลุมฝังกลบ
ตั้งแต่รัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 แห่งราชวงศ์จักรีเป็นต้นมา ประเทศไทยได้เริ่มก้าวเข้าสู่ยุคแห่งวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ ที่อาศัยการคิดคำนวณและหลักความรู้ตามหลักการวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ เป็นต้น ด้วยพระอัจฉริยภาพด้านต่าง ๆ ของพระองค์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพระปรีชาสามารถในวิชาดาราศาสตร์ พระองค์ทรงคำนวณเวลา และสถานที่เกิดสุริยคราสหรือสุริยุปราคา ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติเมื่อดวงจันทร์เคลื่อนที่มาอยู่ระหว่างโลกและดวงอาทิตย์ และเงาของดวงจันทร์ตกลงบนโลกพอดี ทำให้เรามองเห็นดวงอาทิตย์มืดเป็นบางส่วนหรือทั้งหมด
พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงคำนวณและพยากรณ์การเกิดปรากฏการณ์สุริยุปราคาเต็มดวงได้อย่างถูกต้องแม่นยำล่วงหน้าถึง 2 ปี ทั้งลักษณะของการเกิด เวลาที่เกิด และตำบลที่จะสังเกต กล่าวคือ วันอังคาร ขึ้น 1 ค่ำ เดือน 10 ซึ่งตรงกับวันที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2411 และจะเห็นได้ชัดที่ตำบลหว้ากอ อำเภอเมือง จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งถือว่ามีความสำคัญต่อวงการวิทยาศาสตร์ ดาราศาสตร์ และการศึกษาของไทย
คณะรัฐมนตรีได้ขอพระราชทานพระบรมราชานุญาต ถวายพระนาม "พระบิดาแห่งวิทยาศาสตร์ไทย" เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติแด่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ผู้ทรงมีพระปรีชาสามารถในวิทยาการที่หลากหลาย รวมไปถึงพระปรีชาสามารถด้านวิทยาศาสตร์และดาราศาสตร์ และได้มีมติกำหนดให้วันที่ 18 สิงหาคม ของทุกปี เป็นวันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2525 เป็นต้นมา โดยที่ภาครัฐและเอกชนทั่วประเทศร่วมกันจัดงานส่งเสริมและเผยแพร่ความรู้ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รวมทั้งสร้างความตระหนักเกี่ยวกับความสำคัญของความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีต่อการพัฒนาประเทศ
พระบิดาแห่งวิทยาศาสตร์ไทย พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4
ต่อมาในปี พ.ศ. 2527 งานวันวิทยาศาสตร์แห่งชาติได้รับการขยายและจัดเป็นงานสัปดาห์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ โดยจัดงานในระหว่างวันที่ 18-24 สิงหาคม
พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ยังได้รับยกย่องโดยองค์การการศึกษาวิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) ให้เป็นบุคคลสำคัญของโลกด้านการศึกษา วิทยาศาสตร์ วัฒนธรรม สังคมศาสตร์ มนุษยศาสตร์ และสื่อสารมวลชน เนื่องในโอกาสฉลองวันพระราชสมภพ 200 พรรษา ในวันที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2547
นอกจากนี้ คณะรัฐมนตรียังกำหนดให้วันที่ 19 ตุลาคม ของทุกปีเป็น "วันเทคโนโลยีของไทย" และวันที่ 5 ตุลาคม ของทุกปี เป็น "วันนวัตกรรมแห่งชาติ" เพื่อเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ผู้เป็น "พระบิดาแห่งเทคโนโลยีของไทย" และ "พระบิดาแห่งนวัตกรรมไทย"
เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติและยกย่องพระปรีชาสามารถทางด้านวิทยาศาสตร์ของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ผู้ทรงเป็นพระบิดาแห่งวิทยาศาสตร์ไทย
สร้างความตระหนักถึงความสำคัญของความรู้และความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีต่อการพัฒนาประเทศ ผ่านการเพิ่มศักยภาพการแข่งขัน
ส่งเสริมและเผยแพร่ความรู้ ผลงานการค้นคว้าวิจัยทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนาประเทศ
ส่งเสริมความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนในการนำวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีไปใช้ในการพัฒนาประเทศอย่างมีประสิทธิภาพ
เสริมสร้างบรรยากาศและแนวคิดทางวิทยาศาสตร์ เพื่อเพิ่มศักยภาพของทรัพยากรบุคคลในประเทศ
เปิดโอกาสแก่นักเรียน นักศึกษา นักวิจัย นักประดิษฐ์ หรือผู้ที่สนใจได้แสดงผลงานต่อสาธารณชน
มอบรางวัลและยกย่องนักวิทยาศาสตร์ไทย หรือผู้สร้างคุณประโยชน์ให้กับวงการวิทยาศาสตร์ของประเทศ
หน่วยงานภาครัฐและเอกชนจัดกิจกรรมเพื่อเผยแพร่ความรู้ และสร้างความตระหนักเกี่ยวกับความสำคัญของความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เช่น การจัดนิทรรศการ การอภิปรายทางวิชาการ งานเสวนาวันวิทยาศาสตร์
การตอบปัญหาทางวิทยาศาสตร์ และประกวดการแข่งขันต่าง ๆ สำหรับนักเรียน นักศึกษา ครูอาจารย์ เช่น โครงการทางวิทยาศาสตร์ และสื่อการสอนวิทยาศาสตร์ เป็นต้น
มอบรางวัลนักวิทยาศาสตร์ดีเด่น เพื่อเป็นเกียรติให้กับนักวิทยาศาสตร์ไทยที่มีผลงานวิจัยดีเด่นที่สุดทางวิทยาศาสตร์ในสาขาของตนเป็นที่ปรากฏชัด และเป็นที่ยอมรับกันทั่วไปในวงการวิทยาศาสตร์ทั้งภายในประเทศและระดับนานาชาติ โดยมักจะโดยจะประกาศรางวัลในต้นเดือนสิงหาคมของทุกปี และมอบรางวัลวันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ 18 สิงหาคม