น้ำพุร้อน (Natural Hot Springs) เกิดจากน้ำที่ซึมผ่านชั้นของดินและหินที่มีแร่ธาตุต่างๆสะสมอยู่มากมาย ซึ่งแร่ที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายเช่น โซเดียม แคลเซียม ฟลูออไรด์ โปรแตสเซียม เป็นต้น ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติ ประเทศไทยพบแหล่งน้ำพุร้อนกระจายอยู่ในภาคเหนือ ภาคตะวันตก ภาคกลาง และภาคใต้ทั่วประเทศกว่า 112 แห่ง ซึ่งมีอุณหภูมิน้ำร้อนที่ผิวดินอยู่ในช่วง 40 – 100 องศาเซลเซียส น้ำแร่นั้นสามารถนำมาใช้ดื่มและอาบได้
ที่มาของข้อมูลวิธีและขั้นตอนการแช่น้ำพุร้อน: www.Never-Age.com
ข้อควรระวังในการแช่น้ำพุร้อน
สมบัติทางเคมีของน้ำพุร้อนทั้งหมด (MCH1 ถึง MCH4) พบว่าค่อนข้างที่จะเป็นน้ำเจือจางไม่ค่อยมีสารละลายของแร่ธาตุต่างๆปนอยู่มากนักและจัดว่าเป็นน้ำที่อยู่ในเฟชีส์อุทกธรณีแบบโซเดียม-โปตัสเซียม-ไบคาร์บอเนต โดยที่น้ำร้อนมีความเป็นเบสอยู่ในช่วง ph 8.62-8.65 ซึ่งเป็นค่าเกณฑ์ปกติของน้ำพุร้อนในภาคเหนือของประเทศไทย สารละลายอยู่ในช่วง 522-572 มิลลิกรัมต่อลิตร มีปริมาณคาร์บอเนตและไบคาร์บอเนตอยู่ในช่วง 20-48 มิลลิกรัมต่อลิตร และ 134-195 มิลลิกรัมต่อลิตรและค่าอัลคาลินิตี้ 158-309 มิลลิกรัมต่อลิตรในรูปแคลเซียมคาร์บอเนตตามลำดับ มีความกระด้าง 8.2-10.0 มิลลิกรัมต่อลิตรในรูปแคลเซียมคาร์บอเนต ค่าการละลายอิ่มตัวของกำมะถัน 1.6-3.2 มิลลิกรัมต่อลิตร
ในรูปของไฮโดรเจนซัลไฟต์ส่วนปริมาณอิออนบวกและอิออนลบที่ละลายอยู่มีดังนี้ โซเดียมอยู่ในช่วง 111-130 มิลลิกรัมต่อลิตร โปตัสเซียมอยู่ในช่วง 7.58-9.09 มิลลิกรัมต่อลิตร แคลเซียมอยู่ในช่วง 3.12-3.96 มิลลิกรัมต่อลิตร แมกนีเซียมอยู่ในช่วง 0.008-0.015 มิลลิกรัมต่อลิตร ลิเทียมอยู่ในช่วง 0.188-0.194 มิลลิกรัมต่อลิตร เหล็กมีปริมาณต่ำอยู่ในช่วง 0.02-0.057 มิลลิกรัมต่อลิตร แมงกานีส ตะกั่ว แคดเมียน สังกะสีและทองแดงอยู่ในระดับที่ต่ำกว่า Detection Limit คือต่ำกว่า 0.005 มิลลิกรัมต่อลิตรสำหรับแมงกานีส ตะกั่ว สังกะสีและทองแดงต่ำกว่า 0.002 มิลลิกรัมต่อลิตร สำหรับแคดเมียน สำหรับอิออนลบ พบว่าคลอไรด์อยู่ในช่วง 8-20 มิลลิกรัมต่อลิตร ฟลูออไรด์อยู่ในช่วง 11.8-12.5 มิลลิกรัมต่อลิตร ซัลเฟตอยู่ในช่วง 56.2-71.6 มิลลิกรัมต่อลิตร ไนเตรนต่ำกว่า Detection Limit คือต่ำกว่า 0.02 มิลลิกรัมต่อลิตร ส่วนซิลิกาอยู่ในช่วง 142-167 มิลลิกรัมต่อลิตร
เมื่อน้ำร้อนจากหลุมเจาะและจากน้ำพุร้อนธรรมชาติไหลไปสะสมในสระและผสมกับน้ำในแม่น้ำพบว่าจะมีค่าของแคลเซียมโปตัสเซียมลดลงและมีค่าเหล็กเพิ่มขึ้นในปริมาณเล็กน้อยและพบว่าในการผสมของน้ำร้อนลงสู่น้ำแม่จันทำให้น้ำในน้ำแม่จันมีปริมาณฟลูออไรด์สูงขึ้นเป็นอย่างมากจาก 0.2 มิลลิกรัมต่อลิตร มาเป็น 5.8 มิลลิกรัมต่อลิตร แต่น้ำที่สะสมอยู่ในสระปริมาณฟลูออไรต์พบเพียง 0.2 มิลลิกรัมต่อลิตร
ข้อมูลจาก: รายงานฉบับสมบูรณ์โครงการพัฒนาแหล่งน้ำพุร้อนแม่จันจังหวัดเชียงรายเสนอกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน โดยมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ธันวาคม 2548
เสนอ กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน
โดย มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
ธันวาคม 2548