๑. มีสัญชาติไทย
๒. อายุไม่ต่ากว่า ๒๐ ปีบริบูรณ์ นับถึงวันที่สมัครรับการประเมิน
๓. มีพื้นความรู้ในระดับที่ต่ำกว่าระดับที่ประสงค์จะขอเทียบระดับการศึกษาหนึ่งระดับ ยกเว้นการขอเทียบระดับประถมศึกษา
๔. ไม่เป็นนักเรียนหรือนักศึกษา ซึ่งกำลังศึกษาอยู่ในสถานศึกษาที่จัดการศึกษาในระบบหรือการศึกษานอกระบบที่แบ่งระดับเช่นเดียวกับการศึกษาในระบบ
๕. เป็นผู้มีประสบการณ์ในการประกอบอาชีพที่ขอเทียบระดับการศึกษา และประกอบอาชีพอยู่ในจังหวัดที่ขอเข้ารับการประเมินเทียบระดับการศึกษา ไม่น้อยกว่า ๑ ปี
๑. รูปถ่ายขนาด ๓ x ๔ ซม. (1 นิ้ว ครึ่ง) จำนวน ๒ รูป หน้าตรง สวมชุดสุภาพ ไม่สวมแว่นตาดำ ไม่สวมหมวก (รูปถ่ายไม่เกิน ๖ เดือน และไม่ใช้รูปถ่ายโพลาลอยด์) สำหรับติด
ใบสมัคร ๑ รูป ติดบัตรประจำตัวผู้เข้ารับการประเมิน ๑ รูป
๒. สำเนาทะเบียนบ้าน พร้อมฉบับจริงไปแสดง
๓. สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน พร้อมฉบับจริงไปแสดง
๔. สำเนาวุฒิการศึกษา พร้อมฉบับจริง
กรณีหลักฐานตามข้อ ๒, ๓ และ ๔ ไม่ตรงกัน ให้สำเนาเอกสารที่เกี่ยวข้องพร้อมฉบับจริงไปแสดง เช่น ใบเปลี่ยนชื่อ ชื่อสกุล ใบทะเบียนสมรส ใบหย่า
๕. หลักฐานที่แสดงถึงการประกอบอาชีพที่อยู่ในจังหวัดที่เข้ารับการประเมินเทียบระดับการศึกษา ไม่น้อยกว่า ๑ ปี นับถึงวันสมัครเข้ารับการประเมิน
๖. แผนที่แสดงที่ตั้งของสถานที่ประกอบอาชีพ หรือสถานประกอบการเข้ารับการประเมินเทียบระดับการศึกษาต้องรับรองว่าตนเองมีคุณสมบัติครบถ้วน ถูกต้อง เป็นจริงทุกประการ
การประเมินเทียบระดับการศึกษา จะใช้เครื่องมือการประเมินที่มีความหลากหลาย โดยสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย เป็นผู้สร้างขึ้น ซึ่งผู้เข้ารับการประเมินเทียบระดับการศึกษา จะต้องเข้ารับการประเมินทั้ง ๒ มิติ คือ มิติประสบการณ์ และมิติความรู้ความคิด และหลังจากที่ผู้เข้ารับการประเมินเทียบระดับการศึกษาได้รับการประเมินผ่านครบทุกมิติแล้ว จะต้องเข้าร่วมกิจกรรมสัมมนาวิชาการตามระยะเวลาที่สถานศึกษาที่ทำหน้าที่เทียบระดับการศึกษากำหนด
การผ่านการประเมินเทียบระดับการศึกษา จะต้องมีครบทั้ง ๔ ข้อ ดังต่อไปนี้
๑. ผู้เข้ารับการประเมินเทียบระดับการศึกษา ต้องเข้ารับการประเมินมิติประสบการณ์ ทั้ง ๓ มาตรฐาน และต้องได้คะแนนรวมทุกมาตรฐานตามเกณฑ์การผ่านของแต่ละระดับการศึกษาที่กำหนด
๒. ผู้เข้ารับการประเมินเทียบระดับการศึกษา ต้องเข้ารับการประเมินมิติความรู้ความคิด ทั้ง ๖ มาตรฐาน และ ต้องได้คะแนนรวมทุกมาตรฐานไม่น้อยกว่าร้อยละ ๕๐
๓. ผู้ผ่านการประเมินเทียบระดับการศึกษาทั้ง ๒ มิติ ต้องเข้าร่วมสัมมนาวิชาการตามเกณฑ์ที่กำหนด
๔. ผู้เข้ารับการประเมินต้องผ่านการประเมิน มิติประสบการณ์และมิติความรู้ความคิด ในระดับเดียวกัน จึงถือว่าผ่านการประเมินในระดับการศึกษานั้นๆ
***การผ่านการประเมินเทียบระดับการศึกษา จะให้ผลการประเมินเป็น “ผ่าน” และ “ไม่ผ่าน” โดยไม่มีระดับคะแนน และไม่มีคะแนนเฉลี่ยสะสม (GPAX) สาหรับผู้ที่ผ่านการประเมินเทียบระดับการศึกษาแล้ว ให้ถือว่ามีมาตรฐานการศึกษาเท่าเทียมกันกับผู้ที่สำเร็จการศึกษาตามหลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ สามารถนำไปสมัครศึกษาต่อ สมัครเข้าทำงาน ได้ เช่นเดียวกับการศึกษาในระบบ แต่หากใครประสงค์จะเรียนต่อ จะต้องไปค้นคว้าหาความรู้เพิ่มเติมในบางเนื้อหา
***ในกรณีที่ไม่ผ่านการประเมินมิติใดมิติหนึ่ง สามารถเก็บสะสมผลการประเมินเทียบระดับการศึกษาที่ผ่านไว้ได้ไม่เกิน ๕ ปี นับแต่วันที่อนุมัติผลตามคำร้องขอเทียบระดับการศึกษาครั้งแรก
เป็นเอกสารแสดงข้อมูลและสถานภาพทางการศึกษาของผู้เข้ารับการประเมินเทียบระดับการศึกษา ที่สถานศึกษาจะต้องจัดทำเพื่อใช้สาหรับตรวจสอบ สื่อสาร ส่งต่อ และรับรองผลการประเมินของผู้เข้าประเมินเทียบระดับการศึกษา และหลักฐานการศึกษาที่สถานศึกษาจะต้องจัดทำ แบ่งเป็น ๒ ลักษณะคือ
๑. เอกสารหลักฐานการศึกษาควบคุมและบังคับแบบ
๒. เอกสารหลักฐานการศึกษาที่สถานศึกษาดำเนินการเอง
เอกสารหลักฐานการศึกษาควบคุมและบังคับแบบ มีดังนี้
๑.๑ ระเบียนแสดงผลการประเมินเทียบระดับการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย ระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กศน.๑ทศ-)
- ระดับประถมศึกษา (กศน.๑ทศ-ถ)
- ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น (กศน.๑ทศ-ต)
- ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย (กศน.๑ทศ-ป)
๑.๒ ประกาศนียบัตร (กศน.๒ทศ-)
๑.๓ แบบรายงานผู้ผ่านการประเมินเทียบระดับการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย ระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กศน.๓ทศ-)
เป็นเอกสารบันทึกผลการประเมินของผู้ผ่านการประเมินเทียบระดับการศึกษาและกิจกรรมสัมมนาวิชาการที่ได้ร่วมกิจกรรมในแต่ละระดับการศึกษา เพื่อใช้เป็นหลักฐานแสดงสถานภาพและความสำเร็จในการศึกษาของผู้ผ่านการประเมินเทียบระดับการศึกษาแต่ละคน และใช้เป็นหลักฐานใน การสมัครเข้าศึกษาต่อ สมัครเข้าทำงาน หรือดำเนินการใน
เรื่องอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ระเบียนแสดงผลการประเมินเทียบระดับการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน เป็นเอกสารที่จำกัดการจำหน่ายจ่ายแจก ผู้มีหน้าที่ดำเนินการเกี่ยวกับเอกสารนี้ จะต้องปฏิบัติให้ถูกต้อง และต้องใช้แบบพิมพ์ที่กระทรวงศึกษาธิการจัดพิมพ์เท่านั้น
ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่สำนักงาน กศน.ประกาศกำหนด
✻ ขอบข่ายและรูปแบบการประเมิน ✻
✻ การประเมินมิติความรู้ความคิด ✻
สำนักงาน กศน. เป็นผู้จัดทำเครื่องมือการประเมินเทียบระดับการศึกษามิติความรู้ความคิดที่สอดคล้องกับมาตรฐาน ตัวบ่งชี้ ระดับประถมศึกษา ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น และระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย จานวน ๖ มาตรฐาน โดยใช้เครื่องมือประเมินแบบทดสอบปรนัยและอัตนัย
เป็นการประเมินสมรรถภาพทางด้านความรู้ ความคิดใน ๖ มาตรฐาน ดังนี้
มาตรฐานที่ ๑ ความสามารถในการสื่อสาร
มาตรฐานที่ ๒ ความสามารถในการคิด วิเคราะห์ สังเคราะห์และตัดสิน
มาตรฐานที่ ๓ ความสามารถในการแสวงหาความรู้ และการใช้เทคโนโลยี
มาตรฐานที่ ๔ ความรู้เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพกาย และจิตของตน
มาตรฐานที่ ๕ ความเป็นไทย สากล และพลเมืองดี
มาตรฐานที่ ๖ ความรู้เกี่ยวกับทรัพยากร สิ่งแวดล้อมและการดำรงชีวิต
✻ การประเมินมิติประสบการณ์ ✻
ผู้เข้ารับการประเมินจะต้องนำเสนอมวลประสบการณ์ทั้งด้านการพัฒนาอาชีพ ด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิต และด้านการพัฒนาสังคมและชุมชน โดยนำเสนอเป็นแฟ้มประมวลประสบการณ์ และเข้ารับการประเมินเทียบระดับการศึกษาตามสภาพจริงจากคณะกรรมการประเมินเทียบระดับการศึกษา
๑. การจัดทำแฟ้มประมวลประสบการณ์เมื่อสถานศึกษาที่ทำหน้าที่เทียบระดับการศึกษา ดำเนินการแนะแนววิธีการประเมินเทียบระดับการศึกษาในภาพรวมให้แก่ผู้เข้ารับการประเมินเทียบระดับการศึกษาเรียบร้อยแล้ว ผู้เข้ารับการประเมินเทียบระดับการศึกษา จะต้องศึกษาประเด็นข้อคำถามของแต่ละด้านให้เข้าใจชัดเจน เพื่อนำเสนอข้อมูลของตนเอง ร่องรอย หรือหลักฐานที่เกี่ยวข้องประกอบการจัดทำแฟ้ม ข้อมูลที่นำเสนอในแฟ้มประมวลประสบการณ์นี้จะไม่มีการให้คะแนนแต่อย่างใด แต่จะเป็นข้อมูลพื้นฐานของคณะกรรมการประเมินเทียบระดับการศึกษาที่จะใช้ประกอบการสัมภาษณ์ และการประเมินเชิงประจักษ์
ข้อแนะนำ การประเมินเทียบระดับการศึกษา ผู้เข้ารับการประเมินเทียบระดับการศึกษา อาจจะได้รับการประเมินสูงกว่าระดับการศึกษาที่ยื่นขอรับการประเมินไว้ หากผู้เข้ารับการประเมินเทียบระดับการศึกษามีประสบการณ์ หลักฐานที่บ่งบอกถึงระดับมาตรฐานที่กำหนดไว้ ดังนั้น ผู้เข้ารับการประเมินเทียบระดับการศึกษาควรจะนำเสนอรายละเอียดข้อมูลประสบการณ์ของตนเองให้มากที่สุด โดยคณะกรรมการประเมินเทียบระดับการศึกษาจะเป็นผู้พิจารณาตามเกณฑ์การประเมินที่กำหนด
ฉะนั้น ผู้เข้ารับการประเมินเทียบระดับการศึกษาไม่ควรให้บุคคลอื่นเขียนหรือนำเสนอข้อมูลในแฟ้มประมวลประสบการณ์ และการนำเสนอแฟ้มประมวลประสบการณ์ ผู้เข้ารับการประเมินเทียบระดับการศึกษาต้องเขียนด้วยลายมือของตนเอง เพื่อเป็นการประเมินความรู้ ทักษะด้านการอ่านออกเขียนได้ และการจัดทำแฟ้มประมวลประสบการณ์ประกอบการประเมินเชิงประจักษ์ ไม่จำเป็นต้องแยกแฟ้มเป็น ๓ แฟ้ม ผู้เข้ารับการประเมินเทียบระดับการศึกษาจัดทำเพียงแฟ้มเดียว แต่ต้องนำเสนอข้อมูลให้ครบถ้วน สมบูรณ์ทั้ง ๓ ด้าน คือ
๑. ด้านการพัฒนาอาชีพ
๒. ด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิต
๓. ด้านการพัฒนาสังคมและชุมชน
หลังจากที่ผู้เข้ารับการประเมินเทียบระดับการศึกษา ได้จัดทำแฟ้มประมวลประสบการณ์เสร็จเรียบร้อยแล้ว จะต้องจัดส่งแฟ้มดังกล่าวให้กับเจ้าหน้าที่ของสถานศึกษาที่ทำหน้าที่เทียบระดับการศึกษา ตรวจสอบความถูกต้อง สมบูรณ์ เพื่อจัดส่งแฟ้มประมวลประสบการณ์นั้นๆ ให้คณะกรรมการประเมินเทียบระดับการศึกษา ได้ศึกษาข้อมูลพื้นฐาน หรือตรวจสอบหลักฐานที่ผู้เข้ารับการประเมินเทียบระดับการศึกษานำเสนอก่อนที่คณะกรรมการประเมินเทียบระดับการศึกษาจะไปประเมินเชิงประจักษ์ และให้คะแนนตามเกณฑ์และแบบฟอร์มที่กำหนดไว้
สถานศึกษาควรให้เวลาแก่คณะกรรมการประเมินเทียบระดับการศึกษาพอสมควรในการศึกษาข้อมูลแฟ้มประมวลประสบการณ์ของผู้เข้ารับการประเมินเทียบระดับการศึกษาแต่ละคนก่อนที่จะมีการประเมินเชิงประจักษ์ด้วย
✻ การประเมินเชิงประจักษ์ ✻
การประเมินเชิงประจักษ์จะเป็นการประเมินร่องรอย หลักฐานของสถานที่ ที่ผู้เข้ารับการประเมินเทียบระดับการศึกษามีการประกอบอาชีพจริง โดยคณะกรรมการประเมินเทียบระดับการศึกษา ตรวจสอบข้อมูลตามที่ผู้เข้ารับการประเมินเทียบระดับการศึกษานำเสนอไว้ในแฟ้มประมวลประสบการณ์ และเกณฑ์การให้คะแนนตลอดจนแบบฟอร์มที่กำหนดไว้
คณะกรรมการประเมินเทียบระดับการศึกษาที่ทำหน้าที่ประเมินประกอบด้วย
๑. ประธานกรรมการ
๒. กรรมการด้านอาชีพ
๓. กรรมการด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิต
๔. กรรมการด้านการพัฒนาสังคมและชุมชน
๕. กรรมการด้านวัดผลและประเมินผล
✻ การเข้าร่วมสัมมนาวิชาการ ✻
แนวคิด
เป็นการสร้างเสริมความสัมพันธ์ระหว่างผู้เข้ารับการประเมินเทียบระดับการศึกษาในรุ่นเดียวกัน เพื่อพัฒนาคุณลักษณะ คุณธรรม จริยธรรมของบุคคล สร้างจิตสานึกร่วมกันในฐานะเป็นส่วนหนึ่งของประชาคมนอกโรงเรียน นอกจากนี้ ยังจะช่วยก่อให้เกิดความมั่นใจในการให้การรับรองคุณวุฒิด้วย ฉะนั้น ผู้ที่ผ่านการประเมินเทียบระดับการศึกษา จะต้องเข้าร่วมกิจกรรมสัมมนาวิชาการ จึงจะถือว่าเป็นผู้ผ่านการประเมินเทียบระดับการศึกษาอย่างสมบูรณ์
วัตถุประสงค์
๑. เพื่อให้ผู้ผ่านการประเมินเทียบระดับการศึกษามีโอกาสได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์ที่หลากหลาย ร่วมกัน และเป็นการสร้างเสริมความสัมพันธ์ระหว่างผู้เข้ารับการประเมินเทียบระดับการศึกษาในรุ่นเดียวกัน
๒. เพื่อพัฒนาศักยภาพของผู้ผ่านการประเมินเทียบระดับการศึกษา
วิธีดำเนินงาน
กิจกรรมสัมมนาวิชาการ ให้ถือว่าเป็นเงื่อนไขของเกณฑ์การผ่านการประเมินเทียบระดับการศึกษา โดยสำนักงาน กศน. ได้กำหนดกรอบเนื้อหาความรู้ด้านวิชาการ สถานศึกษาที่ทำหน้าที่เทียบระดับการศึกษาจะต้องจัดทำหลักสูตรที่สอดคล้องกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมายเพิ่มเติม พร้อมทั้งออกแบบกิจกรรมตลอดหลักสูตรไม่น้อยกว่า ๓ วัน ๒ คืน โดยมีเนื้อหาความรู้ด้านวิชาการไม่น้อยกว่า ๓๐ ชั่วโมง ทั้งนี้ให้ผู้ผ่านการประเมินเทียบระดับการศึกษา เป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายเอง เพราะการจัดกิจกรรมแต่ละครั้งจะมีค่าใช้จ่ายที่แตกต่างกันขึ้นอยู่กับกิจกรรม เนื้อหาที่คณะกรรมการผู้ผ่านการประเมินเทียบระดับการศึกษา ร่วมกันวางแผนและกำหนดขึ้น โดยมีวิธีดำเนินงาน ดังนี้
๑. สถานศึกษาพัฒนาหลักสูตร กิจกรรม การประเมินผลการจัดกิจกรรมสัมมนาวิชาการไว้อย่างหลากหลาย เพื่อให้ผู้ผ่านการประเมินเทียบระดับการศึกษาเลือกได้ตามความสนใจ
๒. สร้างความเข้าใจวัตถุประสงค์ และประโยชน์การเข้าร่วมกิจกรรมสัมมนาวิชาการให้แก่กรรมการหรือผู้แทนที่ผ่านการประเมิน เพื่อวางแผน กำหนดรูปแบบกิจกรรม เนื้อหา ค่าใช้จ่าย วันเวลา และสถานที่จัดกิจกรรม อนึ่ง การจัดกิจกรรมสัมมนาวิชาการ ขอให้กรรมการหรือผู้แทนที่ผ่านการประเมิน เป็นผู้พิจารณา คำนวณและจัดเก็บค่าใช้จ่าย พร้อมทั้งรายงานผลการจัดกิจกรรมให้สถานศึกษาและผู้เข้าร่วมกิจกรรม รับทราบทุกครั้ง
๓. สถานศึกษาทำหน้าที่ให้คำปรึกษา สนับสนุน ส่งเสริมในการจัดกิจกรรมแก่ผู้ผ่านการประเมินเทียบระดับการศึกษา
๔. รูปแบบ วิธีการจัดสัมมนาวิชาการ จะใช้วิธีการที่หลากหลาย เช่น การฝึกอบรม การประชุมปฏิบัติการ การฝึกปฏิบัติจริงในสถานการณ์/เหตุการณ์จริง
๕. ผู้ผ่านการประเมินเทียบระดับการศึกษา ต้องเข้าร่วมกิจกรรมสัมมนาวิชาการตลอดระยะเวลา ไม่น้อยกว่าร้อยละ ๘๐
ตัวอย่าง กรอบเนื้อหาความรู้ด้านวิชาการ
๑. ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
๒. ประชาธิปไตย/ความสมานฉันท์
๓. คุณธรรม จริยธรรม
๔. หลักการเรียนรู้การศึกษาตลอดชีวิต/การศึกษานอกโรงเรียน
๕. การพัฒนาสังคมและชุมชน
๖. ความเป็นไทย
ตัวอย่าง กรอบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้
๑. การสร้างบุคลิกภาพ
๒. การทำงานเป็นทีม
๓. ภาวะผู้นำ/ผู้ตาม
๔. คิดเป็น
๕. การจัดองค์ความรู้