ภาระงานพิเศษ

 ในการจัดการเรียนรู้ในรายวิชาดนตรีผ่านมา พบว่านักเรียนส่วนใหญ่ สับสนและไม่เข้าใจวิธีการอ่านโน้ต ดนตรีไทยและเทคนิคการปฏิบัติเครื่องดนตรีประเภทขลุ่ยไทยที่ถูกต้องได้และอีกทั้งขาดความสนใจทางด้านดนตรี ไทยน้อยลงและไม่กล้าแสดงออก จึงส่งผลให้นักเรียนไม่สามารถฝึกปฏิบัติทางดนตรี ขาดทักษะในการบรรเลง ดนตรีไทยและทำให้ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนมีคะแนนอยู่ในระดับ ต่ำ ไม่เป็นไปตามให้ผลสัมฤทธิ์เท่าที่ควร ดังนั้นครูผู้สอนจึงจัดทำข้อตกลงในการพัฒนางานประเด็นท้าทาย โดยใช้รูปแบบการสอนแบบ Active Learning เพื่อแก้ไขปัญหาทักษะการอ่านโน้ตของนักเรียน ให้มีความเข้าใจง่ายขึ้น และสามารถฝึกปฏิบัติเครื่อง ดนตรีไทยให้เกิดความชำนาญ สามารถเรียนรู้ได้ทุกที่ มีความพึงพอใจ และรู้คุณค่าในความเป็นไทย ทำให้ ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนด้านทักษะดนตรีไทยของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2567 มีประสิทธิภาพมากขึ้นและเป็นไปตามค่าเป้าหมายที่สถานศึกษากำหนด 

2.1 วิเคราะห์หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พุทธศักราช 2561) และหลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนเขวาไร่ศึกษา ฉบับปรับปรุง พุทธศักราช 2565 ในเรื่องของ มาตราฐานการเรียน และตัวชี้วัด ของเนื้อหา เรื่อง การปฏิบัติเครื่องดนตรี(ขลุ่ยเพียงออ) และศัพท์สังคีต 

2.2 จัดทำโครงร่างเนื้อหาแบบฝึกทักษะการอ่านโน้ตไทยที่เน้นกระบวนการจัดการเรียนการสอน แบบ Active Learning ให้สอดคล้องกับการฝึกปฏิบัติการบรรเลงดนตรีไทย(ขลุ่ยเพียงออ)พร้อมทั้งนำชุดแบบฝึก ทักษะ ดังกล่าวตรวจสอบประสิทธิภาพ โดยนำเสนอต่อผู้เชี่ยวชาญในกลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะเพื่อตรวจสอบ ความเหมาะสมและนำข้อมูลไปปรับปรุงชุดแบบฝึกทักษะการอ่านโน้ตดนตรีไทยให้มีคุณภาพต่อไป 

2.3 นำแบบฝึกทักษะการอ่านโน้ตดนตรีไทยไปใช้กับการฝึกปฏิบัติเครื่องดนตรีในการจัดการ เรียนรู้รายวิชาดนตรี ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 การปฏิบัติเครื่องดนตรี(ขลุ่ยเพียงออ) และศัพท์สังคีต 

2.4 บันทึกผลการเรียนรู้ของนักเรียน ที่เกิดจากการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ และสะท้อนผลการใช้ แบบฝึกฝึกทักษะการอ่านโน้ตดนตรีไทยให้นักเรียนทราบเป็นระยะ หากมีนักเรียนที่ไม่ผ่านเกณฑ์การ ประเมิน ให้ใช้กิจกรรมเพื่อนช่วยเพื่อน และการสอนซ่อมเสริม แนะนำวิธีแก้ปัญหาเบื้องต้นในการฝึก ปฏิบัติการบรรเลงให้ถูกต้อง และทำการทดสอบใหม่ จนนักเรียนมีผลการเรียนรู้ผ่านเกณฑ์ที่กำหนด 

สรุปผล