𝔠𝔬𝔯𝔞𝔩 𝔠𝔬𝔫𝔰𝔢𝔯𝔳𝔞𝔱𝔦𝔬𝔫
การอนุรักษ์ปะการัง
𝔠𝔬𝔯𝔞𝔩 𝔠𝔬𝔫𝔰𝔢𝔯𝔳𝔞𝔱𝔦𝔬𝔫
การอนุรักษ์ปะการัง
1. การอนุรักษ์แนวปะการัง
1.1 การแบ่งเขตการใช้ประโยชน์ในพื้นที่แนวปะการังทั่วประเทศอย่างชัดเจน ประเทศไทยมีแผนแม่บทการจัดการแนวปะการังของประเทศมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2535 ซึ่งประกอบด้วยนโยบาย มาตรการ และแนวทางการดำเนินแผนงานและโครงการ ตลอดจนหลักเกณฑ์และการกำหนดพื้นที่ภายใต้เขตการใช้ประโยชน์ในแนวปะการังของประเทศ แต่ยังไม่มีการประกาศใช้เขตการใช้ประโยชน์กันอย่างจริงจัง ต่อมาในปี พ.ศ.2546 สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมร่วมกับหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง และมหาวิทยาลัยรามคำแหง ก็ได้เริ่มหันมาปรับปรุงแผนแม่บทดังกล่าวเพื่อให้เกิดความสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน โดยได้แบ่งเขตการใช้ประโยชน์ตามสถานภาพของแนวปะการังและศักยภาพการใช้ประโยชน์ของชุมชมชนหลายฝ่าย เช่น ภาคธุรกิจท่องเที่ยว ชาวประมง พร้อมทั้งกำหนดมาตรการควบคุมหรือห้ามทำกิจกรรมที่ส่งผลกระทบ ทั้งนี้เพื่อให้แนวปะการังคงอยู่ในสภาพสมดุลและลดความขัดแย้งในการใช้ประโยชน์จากแนวปะการัง ได้ดำเนินงานและทดลองประกาศใช้ที่เกาะช้าง จังหวัดตราด เป็นพื้นที่นำร่องทางฝั่งอ่าวไทย และควรกำหนดมาตรการคุ้มครองอย่างเข้มงวดในพื้นที่แนวปะการังนอกเขตอุทยานทางทะเล ประกาศพื้นที่คุ้มครองทางทะเลอย่างมีส่วนร่วมกับชุมชน ประชาสัมพันธ์ให้ความรู้ต่อประชาชน
1.2 หน่วยงานภาครัฐต้องเปิดโอกาสและสนับสนุนให้ประชาชนมีบทบาทในการอนุรักษ์ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐอย่างจริงจัง แนวทางที่ประชาชนสามารถร่วมมือทำได้อย่างเป็นรูปธรรม เช่น ไม่ทิ้งสมอลงในแนวปะการัง ใช้ทุ่นผูกเรือในแนวปะการัง ไม่ทิ้งเศษซากอวนลงในทะเล ไม่เดินเหยียบย่ำบนแนวปะการัง ไม่ปล่อยน้ำเสียลงในแนวปะการัง ทำการประมงอย่างถูกวิธีโดยไม่ส่งผลกระทบต่อแนวปะการัง ไม่มีการลักลอบเก็บปะการัง ซึ่งพบว่าในอดีตมีการเก็บปะการังขึ้นมาขายเพื่อประดับตู้โชว์หรือตู้ปลา แต่ในปัจจุบันมีทางออกในเรื่องนี้เพราะมีการทำแบบจำลองปะการังด้วยวัสดุเรซิน ซึ่งใช้ทดแทนได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ต้องไม่ลักลอบจับปลาสวยงามในแนวปะการัง โดยเฉพาะในเขตจังหวัดที่มีการประกาศเป็นพื้นที่ควบคุมสิ่งแวดล้อม ได้แก่ จังหวัดภูเก็ต และกระบี่ ประชาชนควรร่วมมือแจ้งข่าวให้ข้อมูลเบาะแสในเรื่องการลักลอบการกระทำใดๆ ที่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อแนวปะการัง ฯลฯ ทั้งนี้ หน่วยงานภาครัฐ ต้องมีการประชาสัมพันธ์หลายรูปแบบ ให้ความรู้แก่ประชาชนอย่างทั่วถึง เพื่อให้เกิดความตระหนักในการอนุรักษ์
1.3 มีการอบรมให้ความรู้อย่างต่อเนื่องในเรื่องการอนุรักษ์ปะการังแก่ผู้ที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งได้ดำเนินการฝึกอบรมให้แก่ข้าราชการครูและนักเรียน มัคคุเทศก์ กลุ่มผู้ประกอบธุรกิจเรือหางยาวนำเที่ยว กลุ่มชาวบ้าน ชาวประมง ตามหมู่บ้านใน 13 จังหวัดที่อยู่ติดชายฝั่งทะเลที่มีแนวปะการัง ในบางท้องที่ เช่น จังหวัดภูเก็ต มีการจัดกิจกรรมค่ายเยาวชนรักษ์ปะการัง มีการจัดตั้งชมรมอนุรักษ์ปะการังและทรัพยากรธรรมชาติฝั่งอันดามันและจัดตั้งกลุ่มอาสาสมัครพิทักษ์ปะการังขึ้นที่บ้านบางเทา บ้านป่าตอง บ้านกะตะและกะรน โดยมีสมาชิกส่วนใหญ่เป็นชาวบ้านในหมู่บ้านที่มีแนวปะการังและชาวบ้านที่ประกอบอาชีพขับเรือหางยาวพานักท่องเที่ยวชมปะการัง ทั้งนี้สมาชิกของชมรมและกลุ่มอาสาสมัครดังกล่าวข้างต้นได้ช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ในการแจ้งข่าวสาร สอดส่องดูแลแทนเจ้าหน้าที่ในการเฝ้าระวังรักษาแนวปะการัง และช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ในการจับกุมและปราบปรามผู้กระทำผิดกฎหมายเกี่ยวกับทรัพยากรแนวปะการัง และได้ช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ในการดำเนินกิจกรรมต่างๆ ในด้านการอนุรักษ์แนวปะการัง เช่น การติดตั้งทุ่นผูกเรือ นอกจากนี้สถาบันวิจัยชีววิทยาและประมงทะเล ได้ดำเนินการฝึกอบรมนักดำน้ำอาสาสมัครในการสำรวจสภาพแนวปะการังภายใต้โครงการ “Reef Check Thailand” ในช่วงปี พ.ศ.2545-2546 ซึ่งโครงการนี้นอกจากจะเป็นการส่งเสริมให้นักดำน้ำมีความตระหนักในเรื่องการอนุรักษ์ปะการังแล้ว ยังเป็นการสร้างเครือข่ายการให้ข่าวสารเป็นวงกว้าง เนื่องจากโครงการนี้ดำเนินการภายใต้โครงการใหญ่ที่เรียกว่า “Reef Check” ซึ่งมีเครือข่ายนานาชาติกระจายในหลายประเทศทั่วโลก ต่อมาสถาบันวิจัยชีววิทยาและประมงทะเล ได้เปลี่ยนโครงสร้างตามระบบราชการใหม่ เรียกว่า สถาบันวิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ได้ดำเนินโครงการ “Green fins” ร่วมกับ United Nations Environmental Programme (UNEP โดยมีจุดประสงค์เพื่อสร้างเครือข่ายผู้ประกอบธุรกิจดำน้ำ โดยให้ตระหนักถึงการอนุรักษ์แนวปะการัง ปัจจุบันโครงการ Green Fins ได้ดำเนินงานโดยสมาคมกรีนฟินส์ประเทศไทย (www.greenfins-thailand.org, วันที่เข้าถึง 8 ธันวาคม พ.ศ.2555)
1.4 ส่งเสริมการดำเนินการวิจัยขั้นพื้นฐานทางด้านชีววิทยาและนิเวศวิทยาทางทะเลเป็นปัจจัยที่สนับสนุนโครงการฟื้นฟูและอนุรักษ์ทรัพยากรแนวปะการัง ในปัจจุบันหน่วยงานที่รับผิดชอบทางด้านนี้ ได้แก่หน่วยงานในสังกัดกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ได้แก่ สถาบันวิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเล ชายฝั่งทะเลและป่าชายเลน ซึ่งตั้งอยู่ที่จังหวัดภูเก็ต ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยฝั่งตะวันออก ตอนกลาง และตอนล่าง ซึ่งตั้งอยู่ที่จังหวัดระยอง ชุมพรและสงขลาตามลำดับ ส่งเสริมให้เกิดการศึกษาวิจัย หาองค์ความรู้เชิงลึกเกี่ยวกับพันธุกรรมและการปรับตัวของปะการังเพื่อเสริมสร้างความสามารถในการฟื้นฟูตนเอง (resilience) ให้กับปะการังและลดผลกระทบที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และระดับน้ำทะเลมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น
Contact [email] to get more information on the project