จุดเริ่มต้นศาสตร์พระราชา
"เศรษฐกิจพอเพียง"
เกิดขึ้นครั้งแรกเมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2517 โดยเริ่มต้นจากพระบรมราโชวาทในพระบาทสมเด็จพระปรมินทร มหาภูมิพลอดุลยเดช (รัชกาลที่ 9) พระราชทานแก่นิสิตมหาวิทยาลัยเกษตรศาตร์ ซึ้งเน้นความความสำคัญในการพัฒนาประเทศเเบบสร้างพื้นฐาน คือ ...
"ความพอมี พอกิน พอใช้"
พ. ศ. 2540 เกิดปัญหาวิกฤตการณ์เศรษฐกิจ พระบาทสมเด็จพระปรมินทร มหาภูมิพลอดุลยเดชฯ พระราชทานพระราชดํารัสเนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา วันที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2540 ณศาลา ดุสิดาลัยสวนจิตรลดาเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงอีกครั้งเพื่อแนวทางแก้ปัญหาให้กับประเทศและประชาชน เริ่มรู้จักเเละน้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงไปใช้ในชีวิตประจำวัน
หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงได้รับการเชิดชูจากองค์การสหประชาชาติ (UN) โดยนายโคฟีอันนัน ผู้ดํารงตําแหน่งเลขาธิการองค์การสหประชาชาติ ได้ทูลเกล้าฯ ถวายรางวัล ...
The Human Development Lifetime Achievement Award
เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2549 และได้มีปาฐกถาถึงปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงว่าเป็นปรัชญาที่มีประโยชน์ต่อประเทศ ไทยและนานาประเทศและ สามารถเริ่มได้จาการสร้างภูมิคุ้มกันในตนเองสู่หมู่บ้านและสู่เศรษฐกิจในวงกว้างขึ้น
ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง (2:3:4:3:4)
คือ กรอบแนวคิดเพื่อการปฏิบัติตนโดยยึดหลักทางสายกลางและความพอเพียง ผ่านการใช้ชีวิตบนหลักความพอประมาณ มีเหตุผล มีภูมิคุ้มกันในตัวที่ดี พร้อมด้วยความรู้และคุณธรรม ซึ่งผู้คนทุกวัยสามารถนำไปใช้เป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตตามแนวพระราชดำริในพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศรมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราชบรมนาถบพิตร (รัชกาลที่ 9) ซึ่งมีจุดมุ่งหมายเพื่อนำไปสู่การพัฒนาที่สมดุลและยั่งยืน รวมทั้งช่วยเพิ่มศักยภาพของผู้คน ครอบครัว ชุมชน และประเทศชาติให้พร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงทุกด้านไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม และเทคโนโลยี เป็นต้น
การดำเนินชีวิตบนทางสายกลางตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงนั้น
ตั้งอยู่บนพื้นฐานสำคัญต่าง ๆ
2 เงื่อนไข
เงื่อนไขความรู้ คือ ต้องรู้การใช้วัสดุ/ต้องรู้หลักการออกแบบ
เงื่อนไขคุณธรรม คือ มีความซื่อสัตย์/มีความขยัน อดทน
3 หลักการ
หลักความพอประมาณ คือ มอบหมายหน้าที่ตามความถนัดของแต่ละคน/ใช้งบประมาณที่ราคาไม่สูง
หลักความมีเหตุผล คือ มีเหตุผลในการทำสิ่งต่างๆ อย่างชัดเจน
หลักการมีภูมิคุ้มกันตัวที่ดี คือ วางแผนการทำงาน /ทำงานตามลำดับขั้นตอนเพื่อป้องกันการผิดพลาด
สมดุลและพร้อมรับต่อการเปลี่ยนแปลงใน 4 มิติ
ด้านวัตถุ
ด้านสังคม
ด้านสิ่งเเวดล้อม
ด้านวัฒนธรรม
ศาสตร์การพัฒนา / หลัก 3 ศาสตร์
ศาสตร์พระราชา เช่น มีความมุ่งมั่นในการทำงาน
ศาสตร์สากล เช่น การใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ในการสร้างชิ้นงาน
ศาสตร์ภูมิปัญาท้องถิ่น เช่น การนำภูมิปัญาท้องถิ่นมานำเสนอผ่านเทคโนโลยี
พระบรมราโชบายด้านการศึกษาของในหลวงรัชกาลที่ 10 มุ่งสร้างพื้นฐานให้เเก่ผู้เรียน 4 ด้าน
1. มีทัศนคติที่ถูกต้องต่อบ้านเมือง
1.1 มีความรู้ความเข้าในต่อชาติบ้านเมือง
1.2 ยึดมั่นในศาสนา
1.3 มั่นคงในสถาบันพระมหากษัตริย์
1.4 มีความเอื้อาทรต่อครอบครัวและชุมชน
2.มีพื้นฐานชีวิตที่มั่นคงเข้มเเข็ง-มีคุณธรรม
2.1 รู้จักคิดวิเคราะห์ แยกแยะสิ่งที่ผิด-ชอบ / ชั่ว-ดี
2.2 ปฏิบัติสิ่งที่ชอบ สิ่งที่ดีงาม
2.3 ปฏิเสธสิ่งที่ผิด สิ่งที่ชั่ว
2.4 ช่วยกันสร้างคนดีให้เเก่บ้านเมือง
3.มีงานทำ-มีอาชีพ
3.1 การเลี้ยงดูลูกหลานในครอบครัว หรือการฝึกฝนอบรมสถานศึกษาต้องให้เด็กและเยาวชนรักงาน สู้งาน ทำงานงานสำเร็จ
3.2 การฝึกฝนอบรมทั้งในหลักสูตรและนอกหลักสูตรต้องมีจุดม่งหมายให้ผู้เรียนทำงานเป็นและมีงานทำในที่สุด
3.3 ต้องสนับสนุนผู้สำเร็จหลักสูตรมีอาชีพมีงานทำ จนสามารถเลี้ยงตัวเองและครอบครัว
4.เป็นพลเมืองที่ดี-มีระเบียบวินัย
4.1 การเป็นพลเมืองที่ดีเป็นหน้าที่ของทุกคน
4.2 ครอบครัว-สถานศึกษาและสถานประกอบการ ส่งเสริมให้ทุกคนมีโอกาสทำหน้าที่เป็นพลเมืองดี
4.3 การเป็นพลเมืองดีคือ "เห็นอะไรทีจะทำเพื่อบ้านเมืองได้ก็ต้องทำ" เข่น งานอาสาสมัคร งานบำเพ็ญประโยชน์ งานสาธารณกุศล ให้ทำด้วยความมีน้ำใจและความเอื้ออาทร
"ภาพยนตร์แอนิเมชัน ของขวัญจากดิน"