จากกรณีกล้องวงจรปิดบันทึกพฤติกรรมของคนร้ายเป็นชายลักษณะ การแต่งกายดูดี ผิว ขาว สูงประมาณ 170 เซนติเมตร สวมเสื้อยืดคอกลมสีดำกางเกงยีนขายาวสีดำ สะพายกระเป๋าเป้สีดำ มา สวมแมสสีดำ ปิดบังใบหน้า ทำทีเข้ามาไหว้พระและเซี่ยงเซียมซีภายในอุโบสถ วันพนันเชิงวรหาร ต.คลองสวนพลู อ.พระนครศรีอยุธยา ค จ.พระนครศรีอยุธยา เหตุเกิดเมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2564 เวลา ประมาณ 12.00 น. ที่ผ่านมา
ล่าสุดเวลา 09.00 น.วันที่ 31 มีนาคม 2564 พ.ต.อ.ประเวศ ศรีนาค ผกก. สภ.พระนครศรีอยุธยา พ.ต.ท.ณัฏฐ์เดชา ฐานิสภัทราพงศ์ รอง.ผกก.สส.สภ.พระนครศรีอยุธยา คุมตัว นายกรณ์ธาวิน งามวิไล อายุ 33 ปี อยู่ตำบลโพนเมืองน้อย อำเภอหัวตะพาน จังหวัดอำนาจเจริญม แถลงข่าวในข้อหา ลักทรัพย์ในสถานบูชาที่สาธารณะหรือรับของโจร พร้อมของกลาง เงินสดจำนวน 250 บาท กระเป๋าสะพายข้างสีดำยี่ห้อ Converse เสื้อผ้าชุดที่ใส่ในวันก่อเหตุและอุปกรณ์ไขควง จากนั้นทำตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ที่วัดพนันเชิงวรวิหาร ต.คลองสวนพลู อ.นครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา พร้อมก้มกราบขอขมาขอโทษ ต่slotxo
อหน้า พระเมธีวราภรณ์ รองเจ้าคณะจังหวัดพระนครศรีอยุธยา รองเจ้าอาวาสวัดวัดพนัญเชิงวรวิหาร กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ด้าน พ.ต.อ.ประเวศ ศรีนาค ผกก.สภ.พระนครศรีอยุธยา เผย หลังจากผู้ต้องหาก่อเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนจึงได้ร่วมกับพนักงานสอบสวนตรวจสถานที่เกิดเหตุพบตู้บริจาคมีร่องรอยถูกงัดแงะและมีเงินตู้บริจาคหายไปจำนวนหนึ่ง ต่อมาเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สภ. พระนครศรีอยุธยา ตรวจสอบกล้องวงจรปิด พบคนร้ายที่เกิดเหตุได้ขึ้นรถจักรยานยนต์รับจ้างออกจากที่เกิดเหตุไปและได้ขึ้นรถไฟ ไปลงที่สถานีภาชีและนั่งรถตู้ประจำทางไปลงที่หมู่บ้านสินทิวาเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวนได้ทำการได้กล้องวงจรปิดของคนร้ายตลอดมาจนเมื่อวันที่ 30 มีนาคมเวลา 17:00 น ระหว่างที่เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวนทำการตรวจสอบกล้องวงจรปิดภายในหมู่บ้านสินทิวาเพื่อติดตามคนร้ายก็ปรากฏภาพชายที่ก่อเหตุ สวมนาฬิกาและสายรัดสีดำซึ่งตรงกับภาพกล้องวงจรปิดในจุดเกิดเหตุ จึงได้แสดงตนเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจและทำการสอบถามนายกรณ์ธาวิน ถึงเหตุลักทรัพย์ในวัดพนัญเชิงพร้อมให้ดูกล้องวงจรปิดนายกรณ์ธาวิน จึงให้การรับสารภาพตลอดคำข้อกล่าวหา เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ทำการควบคุมตัวมาดำเนินคดี
ด้านนายกรณ์ธาวิน งามวิไล เผยตนเองเป็นโรคชอบหยิบฉวยของคนอื่น มีความอยากได้ ทั้งๆที่ตนเองพอมีเงินแต่ไม่สามารถบังคับใจตนเองได้ในความอยากได้ของคนอื่นซึ่งในวันที่เกิดเหตุตนเองไปคนเดียวแล้วก็ตั้งใจจะไปไหว้พระทำบุญ ตามปกติ แต่พอเข้าไปภายในโบสถ์เห็นตู้บริจาคตนเองจึงมีความอยากได้
ทั้งๆที่รู้ว่ามีกล้องวงจรปิด แต่ไม่สามารถบังคับใจตนเองได้จึงใช้ไขควงงัดตู้บริจาค อ้างว่าได้เงินไปไม่ถึง 500 บาทจากนั้น เดินออกไปจากโบสถ์แล้วไปงัดตู้บริจาคที่บริเวณหลังโบสถ์อีกตู้แต่ไม่ได้อะไรไปเพราะมีแต่เหรียญบาท จากนั้นก็นั่งวินมอเตอร์ไซค์รับจ้างไปที่วัดกล้วยที่อยู่ใกล้กันและก็ไปนั่งทำบุญให้อาหารปลาซึ่งขณะนั้นตนเองนั่งคิดอยู่นานว่าตนเองได้ก่อเหตุทำอะไรลงไปแต่ก็ไม่สามารถ ทำอะไรได้เนื่องจากตนเองได้ก่อเหตุลงไปแล้ว
ถามว่าตนเองอยากก่อเหตุ ไหมนายกรณ์ธาวิน กล่าวว่า ตนเองไม่อยากก่อเหตุ แต่ตนเองเป็นเหมือนโรคจิตชนิดหนึ่ง ถ้าหากอยู่คนเดียว จะบังคับจิตใจไม่ได้ ทั้งๆที่ตนเองก็พอมีเงิน ปกติเคยไปทำบุญที่วัดพนันเชิง กับแฟนหลายครั้ง แต่ก็ไม่ได้คิคอยากจะก่อเหตุ แต่ครั้งนี้ไปคนเดียว จึงลงมือทำ
สำหรับผู้ต้องหาเคยมีประวัติถูกจับในคดีลักทรัพย์ที่สภ.คลองหลวง จังหวัดปทุมธานีและพ้นโทษมาได้ 2 ปีจนมาก่อเหตุลักทรัพย์และถูกจับในครั้งนี้