วิธีทำ
ก้อนกรวด หรือโซ่พลาสติกนำมาร้อยเป็นวง
วิธีเล่น
จำนวนผู้เล่นได้ตั้งแต่ 1 คนขึ้นไป หรือจะแบ่งเป็นทีมก็ได้ หากเล่นหลายคนต้องตกลงกันก่อนว่าใครจะเป็นผู้เล่นคนแรก
วิธีการที่ใช้ตัดสินว่าใครจะได้เริ่มเล่นก่อน ได้แก่ โอน้อยออก เป่ายิงฉุบ หรือ ใช้วิธีหมากล้าน(ขึ้นร้าน) โยนก้อนหินทั้งหมดขึ้นแล้วใช้ฝ่ามือรับใครรับได้จำนวนมากกว่าก็เป็นฝ่ายเริ่มก่อน
มี 9 ขั้น จะเรียกแต่ละขั้นว่า “หมาก” หรือแปลว่า ตา ได้แก่ หมาก 1 / หมาก 2 / หมาก 3 / หมาก 4 / หมากจุ๊บ / หมากเล็กใหญ่ / หมากคาย / หมากแกง และหมากล้าน
ทุกหมากจะเริ่มด้วยการ ทอดก้อนหินทั้งหมดลงบนพื้น เลือกก้อนหินมาหนึ่งก้อน หรือเลือกก้อนที่อยู่ห่างถือเป็นตัวนำ
หมาก 1 โยนก้อนหินเม็ดที่เลือกขึ้นบนอากาศ พร้อมรับก้อนหินที่กำลังตกลงมา และหยิบก้อนต่างๆ ที่พื้น ตามแต่ละหมากด้วยความไว แล้วเก็บก้อนหินที่ทอดลงไปทีละเม็ด แล้ววางไว้ข้างตัว เก็บเม็ดที่เหลือโดยวิธีเดิม
หมาก 2 ทำเช่นเดียวกับหมาก 1 แต่เก็บก้อนหินครั้งละ 2 เม็ด
หมาก 3 ทำเช่นเดียวกับหมาก 1 แต่เก็บก้อนหิน 2 ครั้ง ครั้งละ 1 เก็บ 3 เม็ดและครั้งที่ 2 เก็บ 1 เม็ด
หมาก 4 ใช้ “โปะ” คือถือหมากทั้งหมดไว้ในมือ โยนลูกนำขึ้นแล้วโปะเม็ดที่เหลือลงพื้น แล้วรวมทั้งหมดที่ถือไว้ “ขึ้นร้าน” ได้กี่เม็ดถือเป็นแต้มของผู้เล่นคนนั้น ถ้าไม่ได้ถือว่า “ตาย” แล้วให้คนอื่นเล่นต่อไป โดย “ตาย” หมากไหนก็เริ่มที่หมากนั้น
หมากจุ๊บ ใช้วิธีเดียวกับหมาก 4 แต่ตอนรับก้อนหินให้เอียงมือ เอาส่วนช่องว่างระหว่างหัวแม่มือและนิ้วชี้รับเม็ดก้อนหินที่ตกลงมาให้ได้
โปงลาง เป็นเครื่องดนตรีที่นิยมเล่นกันมากในแถบจังหวัดกาฬสินธุ์ ร้อยเอ็ด ยโสธร ขอนแก่นและอุบลราชธานี เดิมมีการเล่นกันมากในเขตเทือกเขาภูพาน จากนั้นจึงค่อย ๆ แพร่หลายไปยังจังหวัดต่าง ๆ ของภาคอีสาน “โปงลาง” น่าจะมีที่มาจากคำว่า “โปง” ที่ใช้ตีเพื่อส่งสัญญาณอยู่ในวัด และ “ลาง” ที่มาจากการนำเชือกมาร้อยลูกโปงให้ติดกันเป็นรางยาว ลักษณะคล้ายรางระนาด สันนิษฐานว่าโปงลางมีวิวัฒนาการมาจากเกราะลอ ซึ่งใช้เคาะส่งสัญญาณในท้องนา จนกระทั่งกลายเป็นโปงลางดังเช่นปัจจุบัน
โปงลางได้รับการยกย่องให้เป็นเครื่องดนตรีประจำจังหวัดกาฬสินธุ์ เนื่องจากเป็นเครื่องดนตรีที่มีประวัติ และพัฒนาการคู่กับจังหวัดกาฬสินธุ์มาอย่างยาวนาน มีความเกี่ยวพันกับวิถีชีวิตของชาวกาฬสินธุ์อย่างแน่นแฟ้น และเป็นเครื่องแสดงความภาคภูมิใจของชาวจังหวัดกาฬสินธุ์ จนอาจเรียกได้ว่าเป็น “เมืองหลวงแห่งโปงลาง” โดยเป็นศูนย์กลางทั้งการผลิต การบรรเลง การแสดง และแหล่งสืบสานปฏิบัติ ทั้งนี้ ผู้มีส่วนสำคัญในการบัญญัติชื่อเครื่องดนตรีจนได้รับการยอมรับให้ใช้คำว่า “โปงลาง” มาจนถึงปัจจุบันนี้ คือ นายเปลื้อง ฉายรัศมี ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (ดนตรีพื้นบ้าน-โปงลาง) ประจำปี พ.ศ. ๒๕๒๙ ซึ่งเป็นชาวกาฬสินธุ์โดยกำเนิด ได้รู้จักกับหมากเกาะลอที่บ้านหามแห ซึ่งตั้งอยู่ในเส้นทางระหว่างบ้านพักกับสถานที่ทำงานในตัวจังหวัด จนเกิดความสนใจใคร่รู้ ต่อมาได้เรียนรู้ฝึกฝนวิธีการเล่นและการผลิตโปงลางจนชำนาญ รวมถึงได้พัฒนายกระดับโปงลางขึ้นสู่ระดับมาตรฐาน ทั้งด้านรูปแบบ องค์ประกอบ การจัดระบบเสียงให้เป็นสากลเข้ากับทำนองเพลงพื้นบ้านและเพลงสากล รวมถึงให้กำเนิดวงดนตรีและการแสดงพื้นบ้านที่มีลักษณะเฉพาะตัวที่เรียกว่า “วงโปงลาง”
ในอดีตการแข่งเรือบกนั้น จะใช้แข่งในโคลนตม แต่ปัจจุบันจะใช้สนามในการแข่งแทน โดยใช้ไม้ยาวประมาณ ๘ เมตร ให้คนยืนคล่อมได้ ๗ คน ไม้ที่ใช้นั้นจะใช้แทนเรือและจะวิ่งในโคลนตม เป็นที่สนุกสนามของผู้เล่นในทีม แต่เนื่องจากปัจจุบันโคลนตมได้ประยุกต์มาเล่นในสนามหญ้าแทน
โรงเรียนแม่ลานวิทยาได้นำการละเล่นดังกล่าวมาใช้ในการแข่งขันกีฬาสีประจำปีของโรงเรียนเพื่อสร้างความสนุกสนานและความรักความสามัคคีในหมู่คณะ
สถานที่ที่ใช้ในการละเล่นบริเวณลานกว้าง หรือสนาม
โอกาสที่เล่นงานกีฬาสีประจำปี หรือเทศกาลต่าง ๆ
ที่มา https://docs.google.com/presentation/d/1m2biYcNnSz5DRvGf645Z-u8m3PdyX-SUDIgYZgA625A/edit?slide=id.g36ad5ec9511_0_46#slide=id.g36ad5ec9511_0_46