Post term pregnancy
การตั้งครรภ์ที่อายุครรภ์ ³ 42 สัปดาห์ (294 วัน) นับจาก LMP ซึ่งจะเพิ่ม Perinatal mortality คือ เพิ่มทั้ง Antepartum, Intrapartum และ Neonatal death เนื่องจากภาวะ Post maturity syndrome,Placental dysfunction, Feal distress และ Oligohydramnios รวมถึง Fetal growth restriction
Management
Cilinical Tracar Highlight มี 5เรื่อง
1. Clinical Tracer Highlight :การดูแลผู้คลอดเพื่อลดการเกิดภาวะBirth asphysia
บริบท
โรงพยาบาลกำแพงเพชรพบอุบัติการณ์ Birth Asphyxia ในปีงบประมาณ 2557-2559 ดังนี้ ปี2557 = 20.60 ปี 2558 = 25.59 และปี 2559 = 27.61 ต่อพันการเกิดมีชีพตามลำดับ จากการทบทวน พบสาเหตุ ส่วนใหญ่เกิดจาก Preterm ,MAS และ Felal distress และจากการเก็บรวบรวมข้อมูล วิเคราะห์หาสาเหตุ และแนวทางการแก้ไข โดยมีการเก็บข้อมูลแยกในส่วนของที่เกิดขึ้นในโรงพยาบาลกำแพงเพชรและส่วนที่ส่งต่อมาจากโรงพยาบาลชุมชนทั้งหมด ทางทีมได้พิจารณาป้องกันและแก้ไขใน 2 สาเหตุคือ การคลอดก่อนกำหนด และภาวะครรภ์เกินกำหนด ได้มีแนวทางดูแลผู้คลอดเพื่อตรวจจับปัญหาทารกในครรภ์ขาดออกซิเจนเพื่อให้การดูแลอย่างเหมาะสมเมื่อเกิดปัญหา
ประเด็นคุณภาพ/ความเสี่ยงที่สำคัญ
· Birth Asphyxia ยังพบในอัตราที่ค่อนข้างมาก
· การฝากครรภ์ที่มีคุณภาพการประเมินGAที่แม่นยำ และการประเมินแรกรับที่มีประสิทธิภาพและรวดเร็ว
· ความพร้อมของทีม/อุปกรณ์ที่ให้การดูแลและทักษะการดูแล case High risk และการช่วยฟื้นคืนชีพ
· ระบบส่งต่อที่มีการเชื่อมโยงประสานงานอย่างมีประสิทธิภาพ ปลอดภัยและรวดเร็วทันเวลา
2. Clinical Tracer Highlight:การดูแลเพื่อลดภาวะตกเลือดหลังคลอด (PPH)
บริบท
ปัญหาที่พบบ่อย และเป็นสาเหตุการตายที่สำคัญด้านสูติกรรมของโรงพยาบาลกำแพงเพชรคือภาวะตกเลือดหลังคลอด ซึ่งอัตราการตกเลือดหลังคลอด มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ปี2557-2559พบร้อยละ0.56,0.97และ1.42 ตามลำดับ
โดยสาเหตุหลักเกิดจาก Uterine Atony 70 – 80 %รองมาเป็นRetained PlacentaและTearช่องทางคลอด ซึ่งอัตราการตกเลือดหลังคลอด มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น จึงพัฒนาCPG การดูแลมารดาที่มีภาวะPPH ขึ้นโดยใช้หลักActive management of Labor รวมถึงการพัฒนา Early warning sign (EWS) สำหรับรายงานแพทย์
ประเด็นคุณภาพ/ความเสี่ยงที่สำคัญ
* มารดาหลังคลอดทุกรายมีโอกาสเกิดภาวะตกเลือดได้ การดูแลแก้ไขตั้งแต่ฝากครรภ์ ก่อนคลอด ขณะคลอด ป้องกันภาวะตกเลือดหลังคลอดและลดการเสียเลือดรุนแรงได้
* Under Estimate Blood Loss
* มารดามีภาวะซีดก่อนคลอด
* ระบบการประสานงานและส่งต่อของโรงพยาบาลชุมชนล่าช้า,ข้อมูลไม่ครบถ้วน
3. Clinical Tracer Highlight:การดูแลผู้ป่วย Ectopic pregnancy with Shock Fast track
บริบท
โรงพยาบาลกำแพงเพชรมีผู้ป่วยตั้งครรภ์นอกมดลูกที่มีภาวะRupture Ectopic Pregnancy with shock ที่รับไว้รักษาใน ปี 2558 =4 ราย ปี 2559 =2ราย ซึ่งเป็นภาวะฉุกเฉินทางสูติศาสตร์ ซึ่งถ้าให้การรักษาไม่ทัน อาจมีผลทำให้ผู้ป่วย เสียชีวิตได้ในเวลาต่อมา
ประเด็นสำคัญ/ความเสี่ยงสำคัญ
2.1 การวินิจฉัยภาวะ Ectopic pregnancy ได้ถูกต้องแม่นยำ
2.2 ลดภาวะแทรกซ้อนรุนแรงจาก Rupture Ectopic Pregnancy เช่น COMA,DIC,Dead
2.3 ผู้ป่วย Rupture Ectopic pregnancy with shock ได้รับการรักษาด่วนโดยใช้ระบบ Ectopic Pregnancy Fast track
4.Clinical Tracer Highlight : การดูแลผู้ป่วย PIH
บริบท โรงพยาบาลกำแพงเพชรมีการคลอดโดยเฉลี่ยประมาณ3,000ราย/ปีและพบว่าหญิงตั้งครรภ์ที่มีภาวะความดันโลหิตสูงขณะตั้งครรภ์ในปี2559จำนวน 104ราย ซึ่งถ้าหญิงตั้งครรภ์ที่มีภาวะความดันโลหิตสูง แล้วไม่ได้รับการคัดกรองและได้รับการรักษาอย่างถูกต้องตั้งแต่ระยะตั้งครรภ์ – หลังคลอด จะส่งผลให้เกิดภาวะแทรกซ้อนทำให้ต้องยุติการตั้งครรภ์ก่อนกำหนด ส่งผลให้เด็กอาจมีน้ำหนักตัวน้อย มีภาวะขาดออกซิเจน หรือหากมีภาวะ Eclampsiaขณะตั้งครรภ์/คลอด จะทำให้ทารกในครรภ์ขาดออกซิเจน เกิดภาวะAsphyxiaหลังคลอดหรืออาจมีอันตรายถึงชีวิตแก่มารดาและทารกได้ ในปี2559มีจำนวนผู้คลอดทั้งหมด 3,129ราย พบหญิงตั้งครรภ์ที่มีภาวะความดันโลหิตสูงขณะตั้งครรภ์ในปี2559จำนวน 104ราย (3.32%) จึงจำเป็นต้องมีการพัฒนาระบบการดูแลหญิงตั้งครรภ์ที่มีภาวะความดันโลหิตสูง เพื่อไม่ให้เกิดภาวะแทรกซ้อนที่เป็นอันตรายต่างๆตามมา
ประเด็นคุณภาพที่สำคัญ/ความเสี่ยงสำคัญ
1. บุคลากรขาดความรู้และทักษะในการดูแลมารดาที่มีภาวะPIH
2. ป้องกันภาวะชักในหญิงตั้งครรภ์ที่มีภาวะแทรกซ้อนความดันโลหิตสูงตั้งแต่ระยะฝากครรภ์ ระยะคลอด ระยะหลังคลอด
3. การดูแลหญิงตั้งครรภ์ที่มีภาวะความดันโลหิตสูงตั้งแต่ระยะตั้งครรภ์ – หลังคลอด ไม่มีระบบที่ชัดเจนไม่ต่อเนื่องขาดความเชื่อมโยง ไม่มีแนวทางการดูแล(CPG)
4. หญิงตั้งครรภ์ที่มีภาวะความดันโลหิตสูงขาดความรู้และความตระหนักถึงอันตรายที่จะเกิดขึ้น
5. Clinical Tracer Highlight : การดูแลผู้คลอดที่มีภาวะ prolapsed cord
บริบท
· ปีงบประมาณ 2557พบภาวะ Prolapsed cord 1 รายจากผู้คลอด3,524รายคิดเป็นร้อยละ 0.02 มีภาวะ BirthAsphyxia แต่ไม่เสียชีวิต
· ในปีงบประมาณ 2558 Prolapsed cord 2 รายจากผู้คลอด3,295รายคิดเป็นร้อยละ0.06 ไม่เกิดภาวะBirthAsphyxia ไม่เสียชีวิต
· ในปีงบประมาณ 2559 พบภาวะ Prolapsed cord 1 รายรายจากผู้คลอด3,151รายคิดเป็นร้อยละ0.03 ไม่มีทารกเสียชีวิต และไม่มีทารกเกิดภาวะ BirthAsphyxia จาก ภาวะ Prolapsed cord
ประเด็นคุณภาพ/ความเสี่ยงที่สำคัญ
· การเข้าถึงบริการที่รวดเร็ว
· การคัดกรองและการประเมินแรกรับที่มีประสิทธิภาพและรวดเร็ว
· การวินิจฉัยที่ถูกต้องและรวดเร็ว
· ระบบส่งต่อที่มีการเชื่อมโยงประสานงานอย่างมีประสิทธิภาพ ปลอดภัยและรวดเร็วทันเวลา
· ระบบการประสานงานการดูแลต่อเนื่องถึงชุมชน เพื่อป้องกันการเกิดภาวะแทรกซ้อน