เรื่องที่ 1 การศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างภาวะผู้นำเชิงวิชาการกับการประกันคุณภาพภายในของสถานศึกษาในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพิจิตร เขต 1
การวิจัยครั้งนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อ 1) เพื่อศึกษาการะผู้นำเชิงวิชาการมองสถานศึกษา 2) เพื่อศึกษาการดำเนินการประกันคุณภาพภายในของสถานศึกษา และ 3) เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างภาวะผู้นำเชิงวิชาการกับการประกันคุณภาพภายในของสถานศึกษา ในสังกัดสำนักงานเขดพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพิจิตร เขต 1 ประชากร คือสถานศึกษาในสังกัดสำนักงานเขดพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพิจิตร เขต 1 จำนวน 132 แห่ง กำหนดขนาดของกลุ่มตัวอย่างตามหน่วยการสุ่มสถานศึกษา โดยใช้ดารางประมาณค่าของเครจซื่มอร์แกน กลุ่มตัวอย่างประกอบด้วยสถานศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประรรมตึกษาพิธีตร เชด 1 จำนวน 103 แห่ง ใต้มก่รับวิหารสถานศึกษาจำนวน 103 คน และครูผู้สอนในสถานศึกษาจำนวน 103 คน รวมทั้งสิ้น 206 คน โดยเครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยคือแบบสอบถามจำนวน 68 ข้อ 3 ตอน และวิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติ ได้แก่คำคลื่อ คำตัวส่วนเบื่อมผมาครฐาน แระการวิตราะห์ค่าตันประสิทธิ์สหรัมพันธ์แบบเพียรียผลการวิจัยพบว่า 1)ฮู้นที่กรสถานานศึกษามีกาวะผู้น้าเชิงวิชาการภาพรรมอยู่ในอยู่ในมากโดยผู้บริหารสถานศึกษามีภาวะผู้นำเชิงวิชาการด้านการจัดการเรียนการสอนสูงสุด รองลงมาคือ ด้านการกำหนดภารกิจของโรงเรียน ลำดับสุดท้ายคือ ด้านการบริหารจัดการหลักสูตร 2) ผู้บริหารสถานศึกษามีการดำเนินการประกันคุณภาพภายในของสถานศึกษา ภาพรวมอยู่ในระดับมาก โดยผู้บริหารสถานศึกษามีการดำเนินการประกันคุณภาพภายในด้านการดำเนินงานตามแผนพัฒนาคุณภาพการศึกษาสูงสุด รองลงมา คือ ด้านการจัดระบบบริหารและสารสนเทศ ลำดับสุดท้ายคือ ด้านการประเมินคุณภาพการศึกษา และ 3) ภาวะผู้นเชิงวิชาการมีความสัมพันธ์เชิงบวกกับการประกันคุณภาพภายในของขยานศึกษาในสังลังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประรมศึกษาพิจิจร เอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
นางสาวนศามณี พงพันธ์. (2566). การศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างภาวะผู้นำเชิงวิชาการกับการประกันคุณภาพภายในของสถานศึกษาในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพิจิตร เขต 1. วิทยานิพนธ์ คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม
เรื่องที่ 2 ภาวะผู้นําทางวิชาการของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสํานักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาบึงกาฬ
การวิจัยครั้งนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อ 1)ได้ศึกษาภาวะผู้นําทางวิชาการของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสํานักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาบึงกาฬ พบว่า 1) ภาวะผู้นําทางวิชาการของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสํานักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาบึงกาฬโดยรวมและรายด้านอยู่ในระดับมาก โดยด้านที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุดคือการพัฒนาและสร้างมาตรฐาน รองลงมาคือ ด้านการส่งเสริมให้มีการพัฒนาวิชาชีพ ด้านการจัดให้มีสิ่งจูงใจให้กับครู และด้านที่มีค่าเฉลี่ยต่ำที่สุดคือ ด้านการตรวจสอบความก้าวหน้าของนักเรียน 2) ผลการเปรียบเทียบภาวะผู้นําทางวิชาการของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสํานักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาบึงกาฬตามความคิดเห็นของบุคลากรในสถานศึกษาที่มีตําแหน่งหน้าที่ต่างกัน มีความคิดเห็นทั้งในภาพรวมและรายด้านไม่แตกต่างกัน 3) ภาวะผู้นําทางวิชาการของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสํานักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาบึงกาฬตามความคิดเห็นของบุคลากรทางการศึกษาในสถานศึกษา จําแนกตามประสบการณ์ในการทํางานที่ต่างกันมีความคิดเห็นทั้งในภาพรวมและรายด้านไม่แตกต่างกัน
จักรี จันดี. (2564). ภาวะผู้นําทางวิชาการของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสํานักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาบึงกาฬ. วารสารวิชาการวิทยาลัยสันตพล. 7(1), 155-164
เรื่องที่ 3 ภาวะผู้นําทางวิชาการของผู้บริหารสถานศึกษาในกลุ่มสหวิทยาเขตศรีนครินทร์สังกัดสํานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษากรุงเทพมหานคร เขต 2
ได้ศึกษา ภาวะผู้นําทางวิชาการของผู้บริหารสถานศึกษาในกลุ่มสหวิทยาเขตศรีนครินทร์สังกัดสํานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษากรุงเทพมหานคร เขต 2 พบว่า 1) ความคิดเห็นของครูที่มีต่อภาวะผู้นําทางวิชาการของผู้บริหารสถานศึกษาในกลุ่มสหวิทยาเขตศรีนครินทร์ สังกัดสํานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษากรุงเทพมหานคร เขต 2 โดยภาพรวมและรายด้านอยู่ในระดับมาก 2) ครูที่มีระดับการศึกษาต่างกัน มีความคิดเห็นต่อภาวะผู้นําทางวิชาการของผู้บริหารสถานศึกษาโดยภาพรวมและรายด้านไม่แตกต่างกัน 3) ครูที่มีประสบการณ์ในการทํางานต่างกัน มีความคิดเห็นต่อภาวะผู้นําทางวิชาการของผู้บริหารสถานศึกษาโดยภาพรวมและรายด้านไม่แตกต่างกัน 4) ครูที่มีวิทยฐานะต่างกัน มีความคิดเห็นต่อภาวะผู้นําทางวิชาการของผู้บริหารสถานศึกษาโดยภาพรวมและรายด้านไม่แตกต่างกัน
กิตติศักดิ์ ศรีคําเบ้า. (2565). ภาวะผู้นําทางวิชาการของผู้บริหารสถานศึกษาในกลุ่มสหวิทยาเขตศรีนครินทร์สังกัดสํานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษากรุงเทพมหานคร เขต 2. Journal of Roi Kaensarn Academi. 7(9), 211-226