ผีตายไม่เกิด

จากการที่ รายการคนอวดผี ได้ออกอากาศไปเมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2555 ที่ผ่านมา ในช่วงศูนย์บรรเทาทุกข์ผี ซึ่งได้ทำการสัมภาษณ์คุณชุ ป้าของน้องกอหญ้า เด็กหญิงวัย 3 ขวบ ที่นอนกอดศพ ผู้เป็นแม่ที่ป่วยเสียชีวิต กว่า 3 วัน ภายในห้องนอนชั้น 2 ทาวเฮ้าส์ โดยไม่รู้ว่าแม่ได้เสียชีวิตแล้วเมื่อกลางเดือนพ.ย.ที่ผ่านมา

แต่ก็เกิดเป็นเรื่องราวประหลาดที่น้องกอหญ้าอ้างว่า แม่เปิดประตูให้หนูออกมาหาอี้ และยังเล่นกับหนูอยู่เลย ทั้งที่ประตูบ้านปิดอยู่ และแม่เสียชีวิตแล้ว ซึ่งตลอดทั้ง 3 วัน ที่ น้องกอหญ้าอยู่กับศพของแม่นั้น น้องกอหญ้าแกลับไม่แสดงอาการหิวนมหรือข้าวแต่อย่างใด พร้อมทั้งบอกว่าแม่เป็นคนชงนมให้กินอีกด้วย

หลังจากย้ายมาอยู่กับป้า น้องกอหญ้ายังบอกว่าอีกว่า วิญญาณ ของแม่ยังคงมาวนเวียนอยู่เหมือนเดิมและยังนอนกอดแม่ทุกคืน ซึ่งสร้างความประหลาดใจเป็นอย่างยิ่ง


บทกลอน ความตาย

บทกลอน ชีวิต ความตาย

สตฺตานํ หิ วีวิตํ กาโล จ เทหนิกฺเขปนํ

คติสัตว์ทั้งหลายอันเกิดมาในโลกนี้ย่อมมีสภาวะกำหนดมิได้นั้น ๕ ประการ

ชีวิตํ คือชีวิตนั้นก็หากำหนดมิได้ประการ ๑

พยาธิ คือการป่วยไข้นั้นก็หากำหนดมิได้ประ ๑

กาเล เพลาอันมรณะนั้นก็หากำหนดมิได้ประการ ๑

เทหนิกฺเขปนํ ที่อันจะทิ้งไว้ซึ่งกเฬวระนี้ก็หากำหนดมิได้ประการ ๑

คติ ซึ่งจะไปภพเบื้องหน้านั้นก็หากำหนดมิได้ประการ ๑ เป็น ๕ ประการด้วยกัน

ระลึกถึง ความตาย สบายนัก

มันหักรัก หักหลง ในสงสาร

บรรเทามืด โมหันต์ อันธการ

ทำให้หาญ หายสะดุ้ง ไม่ยุ่งใจ


อันชีวิต คนเรา ก็เท่านี้

จนหรือมี คนเรา ก็เท่านั้น

วาสนา คนเรา ไม่เท่ากัน

อันความตาย เท่านั้น ที่เท่าเทียม


อันชีวิต คนเรา ก็เท่านี้

ตายเป็นผี ต้องลงโลง อย่าสงสัย

ถึงใหญ่โต คับฟ้า สักเพียงใด

ก็ไม่ใหญ่ ไปกว่าโลง เมื่อลงนอน

อันชีวิต..คนเรา..ก็เท่านี้

มีชีวี..แสนสั้นนัก..ยากอยู่ยั้ง

เกิดต้องตาย..สลายไป..ไม่จีรัง

ชีวิตยัง..ควรสร้างเสริม..เติมความดี.

อันคืนวัน พลันดับ ลงลับล่วง

ท่านทั้งปวง อุตส่าห์สร้าง ทางกุศล

แก่ลงแล้ว รำพึง ถึงตัวตน

อายุคน นั้นไม่ยืน ถึงหมื่นปี

ลมหายใจ...เข้าออก...บอกให้รู้

มีเกิดดับ.....สลับอยู่....ดูเปิดเผย

เกิดมาเพื่อ...สิ่งใด......ไม่รู้เลย

ล้วนลงเอย...คืนกลับ...ลับชีวิน


แค่รู้ตัว.........ทั่วพร้อม...ย่อมผ่านพ้น

กฏสากล......คือกรรม....ย้ำถวิล

เก่าต้องใช้...ใหม่อย่าสร้าง...ล้างมลทิน

อนิจจัง........ทั้งสิ้น........ อนัตตา

หากน้ำตา เป็นน้ำยา ชุบชีวิต

เชิญญาติมิตร ครวญคร่ำ รำพันหา

กี่ศพแล้ว ที่รด หยดน้ำตา

ไม่เห็นฟื้น คืนกายา ดังตั้งใจ

ธรรมดา ของสังขาร คือการดับ

ไม่มีกลับ คืนเป็น เช่นลมหวน

เป็นของจริง จงจำ อย่าคร่ำครวญ

สิ่งที่ควร เร่งทำ คือกรรมดี

อยู่ให้ดี มีธรรม ประจำจิต

ดีจะติด ต่อตั้ง เมื่อยังอยู่

ไปให้ดี มีธรรม เข้าค้ำชู

ดีจะอยู่ ยามพราก เมื่อจากเอย


เมื่อเจ้ามา มีอะไร มาด้วยเจ้า

เจ้าจะเอา แต่สุข สนุกไฉน

เจ้ามามือเปล่า แล้วเจ้า จะเอาอะไร ?

เจ้าก็ไป มือเปล่า เหมือนเจ้ามา

ออกจากครรภ์ มารดา แก้ผ้าร้อง-

อุแว้ก้อง เผชิญทุกข์ และสุขา

เติบโตขึ้น มุ่งหาเงิน เพลินชีวา

แท้ก็หา “ ทุกข์สารพัด” มารัดตน

เมื่อยังไม่ตาย มุ่งหมาย ว่าของข้า

เพราะตัณหา พาจิต คิดหลงไหล

แม้ตัวเรา เขายังเอา ไปเผาไฟ

มีสิ่งใด เป็นของเรา ก็เปล่าเลย

แรกเกิดมา มีแต่หัว และตัวเปล่า

มิได้เอา เงินทอง คล้องมาด้วย

เมื่อเป็นอยู่ บากบั่น เข้าขั้นรวย

ยามมอดม้วย ก็ทิ้งไว้ ไปแต่มือ.

มีเงินทอง กองล้น พ้นภูผา

จะซื้อเอา ชีวาไว้ ก็ไร้ผล

เมื่อความตาย มีหมายทั่ว ทุกตัวคน

ติดสินบน เท่าไหร่ ชีพไม่คืน

จะหนีอื่น หมื่นแสน ในแดนโลก

พอย้ายโยก หลบลี้ หนีพ้นได้

แต่หนีหนึ่ง ซึ่งมีชื่อ คือหนีตาย

หนีไม่ได้ ใครไม่พ้น สักคนเดียว

เพราะเจ้ามาจากดิน

แม้ว่าเจ้าจะโบยบินไปไกลแสนไกล

แต่สุดท้าย...เจ้าก็ต้องกลับคืนสู่ดิน...

... ดิน...ที่เจ้าจากมา...

สิ้นสุดสายสังสาร สุดสิ่งสร้างสานสืบสาย

สุดสิ้นสิ่งแส่ส่าย สิ้นสงสัยสุดสังสาร


อนิจจังสังขารนั้นไม่เที่ยง สุดจะเลี่ยงหลีกหลบไม่พบหา

เกิดมาแล้วก็ต้องตายวายชีวา ทิ้งกายาฝังไว้ในมูลดิน

ถึงรูปหล่อน่ารักสักเพียงไหน ที่สุดไซร้ก็เน่าเหม็นเป็นเหยื่อหนอน

ชีวิตนี้ไม่ดำรงคงถาวร ความม้วยมรณ์เท่านั้นเป็นความจริง

มัจจุราชนายใหญ่เอาไปแน่ เว้นแต่เร็วช้าอย่าสงสัย

วันและคืนพลันดับล่วงลับไป เราก็ใกล้ป่าช้ามาทุกที

ถึงคราวตายมิอาจขวางทางยมฑูต ใครจะพูดห้ามไว้มิได้ผล

ทั่วพื้นหล้าหญิงชายตายทุกคน อย่าอิงอลมากคำเร่งทำดี

วันเวลาคล้อยเคลื่อนเลื่อนลอยลับ ไม่เคยกลับมาอีกเหมือนหลีกหนี

มันกลืนกินสรรพสัตว์ทั่วปฐพี ทุกชีวีควรเตรียมพร้อมก่อนยอมตาย

โอ้สังขารไม่นานก็ราญแหลก สลายแตกตายไปเป็นผุยผง

มีเกิดแก่แน่นักจักตายลง เป็นมั่นคงอนิจจังไม่ยั่งยืน

แม้จะมีโภคะมหาศาล บริวารมากล้ำจำนวนหมื่น

อายุหดหมดสั้นทุกวันคืน มิยั่งยืนหญิงชายทุกรายไป

แม้จะเที่ยวท่องไปในโลกหล้า แอบเมฆฟ้าเขาเขินเนินไสล

มัจจุราชติดตามทุกยามไป อยู่ที่ใดไม่พ้นตายอย่าหมายปอง

เป็นเช่นนี้แต่ปฐมบรมกัปล์ เกิดแล้วดับถ้วนหน้าประชาผอง

อนิจจังสังขารวิญญาณครอง จงเพ่งมองสัจจธรรมสำนึกตน

ได้สติครองใจไว้ฉะนี้ จะไม่มีความประมาทอาจให้ผล

อำนวยสุขแก่ประชาในสากล ทุกทุกคนจำไว้ใส่ใจเอย.

( บทนำพิกรงานฌาปนกิจศพของคุณน้ำชา)

ทุกชีวิต มีเกิด ในเบื้องต้น

แล้วก็วน เจ็บแก่ ให้แลเห็น

ในตอนกลาง ทุกอย่าง ต่างๆ เป็น

ไม่ยกเว้น ตอนท้าย ตายทุกคน

( ความดี)

ดินจะกลบ ลบกาย วายสังขาร

ไฟจะผลาญ ชีพให้ มลายสูญ

แต่ความดี ที่ทำ ได้ค้ำคูณ

ย่อมเทิดทูน แทนซาก เมื่อจากไป

( มาเปล่าไปเปล่า)

เมื่อเจ้ามา มีอะไร มาด้วยเจ้า

จะโลภมาก มัวเมา ไปถึงไหน

เมื่อเจ้าตาย ก็มิได้ อะไรไป

เจ้าก็ไป มือเปล่า เหมือนเจ้ามา

( ทรัพย์สมบัติ)

อันทรัพย์สิน ถิ่นฐาน ทั้งบ้านช่อง

อีกเงินทอง ไร่นา มหาศาล

เป็นสมบัติ ของตัว ได้ชั่วกาล

จะต้องผ่าน จากกัน เมื่อวันตาย

ส่วนความดี มีความสัตย์ สมบัติแท้

ถึงตัวแก่ กายดับ ไม่ลับหาย

จะสถิต ติดแน่น แทนร่างกาย

ชนทั้งหลาย สรรเสริญ เจริญพร

( ยศลาภ)

ยศและลาภ หาบไป ไม่ได้แน่

เว้นก็แต่ ต้นทุน บุญกุศล

ทิ้งสมบัติ ทั้งหลาย ให้ปวงชน

ร่างของตน เขายังเอา ไปเผาไฟ

( ความไม่เที่ยงแท้ของสังขาร)

อนิจจัง สังขารา ว่าไม่เที่ยง

เกิดเท่าไร ตายเกลี้ยง ไม่เหลือหลอ

ทั้งผู้ดี เข็ญใจ ตายเตียนยอ

แม้นตัวหมอ ยังต้องตาย วายชีวาต์

( หนีไม่พ้นความตาย)

อันความตาย ชายนารี หนีไม่พ้น

ถึงมีจน ก็ต้องตาย กลายเป็นผี

ถึงแสนรัก ก็ต้องร้าง ห่างทันที

ไม่วันนี้ ก็วันหน้า ช้าหรือเร็ว

( ไม่แน่นอน)

หากคนเรา ได้ทุกอย่าง ดั่งที่คิด

สิ้นชีวิต จะเอาของ กองไว้ไหน

มีได้บ้าง เสียงบ้าง ช่างปะไร

เราตั้งใจ ทำดี เท่านี้พอ

( เปรียบเทียบสัตว์กับคน)

พฤษภกาสร อีกกุญชร อันปลดปลง

โททนต์เสน่งคง สำคัญหมาย ในกายมี

นรชาติวางวาย มลายสิ้น ทั้งอินทรีย์

สถิตทั่ว แต่ชั่วดี ประดับไว้ ในโลกา

( สมเด็จพระมหาสมณเจ้ากรมพระปรมานุชิตชิโนรส : กฤษณาสอนน้องคำฉันท์)