ภูมิปัญญาท้องถิ่น/ภูมิปัญญาชาวบ้าน

3. ภูมิปัญญาท้องถิ่น/ภูมิปัญญาชาวบ้าน

3.1 ประเภท(ข้อมูลเฉพาะ)ภูมิปัญญา

- การประกอบอาชีพ

การทำถั่วเน่าแผ่น

3.2 ประวัติข้อมูลส่วนตัวของผู้ประกอบภูมิปัญญา

นางจันทร์เพ็ญ พรหมสถิตย์ อายุ 52 ปี โดยได้สืบทอดภูมิปัญญาท้องถิ่น “การทำถั่วเน่าแผ่น”

จากบิดามารดา และนำมาประกอบอาชีพประมาณ 35 ปี โดยมีการรวมตัวกับคนในชุมชนทำเป็นวิสาหกิจชุมชนภายใต้ชื่อ “ถั่วเน่ากลุ่มปางหมู”

3.3 ประวัติความเป็นมาของภูมิปัญญา

บ้านปางหมู ตำบลปางหมู อำเภอเมือง จังหวัดแม่ฮ่องสอน เป็นแหล่งผลิต ถั่วเน่าแคป หรือ ถั่วเน่าแผ่น ที่ใช้เป็นเครื่องปรุงหรือประกอบการทำอาหารหลายชนิด ซึ่งเป็นอาหารและสินค้าที่สำคัญอีกชนิดหนึ่งของบ้านปางหมู โดยนำเมล็ดถั่วเหลืองมาคัดแยกเมล็ดที่เสียออกแล้วนำไปล้างน้ำให้สะอาด แช่น้ำทิ้งไว้ 1 คืนเพื่อให้ถั่วนิ่ม นำมาต้มกับน้ำประมาณ 1 วัน จนเปื่อยได้ที่แล้วนำมาใส่หวดให้สะเด็ดน้ำ นำไปใส่ในกระบุงที่รองและปิดทับด้วยใบตองตึง หาไม้ที่หนักๆมาทับอีกชั้น หมักให้ถั่วอบและร้อนทิ้งไว้ 2 คืน หรืออาจนำไปตากแดด จนได้ถั่วที่เริ่มเปื่อยยุ่ย จากนั้นตำให้ละเอียดด้วยครกบด ระหว่างบดใส่น้ำทีละน้อยเพื่อให้ผลเน่าเหนียวจนได้ถั่วเน่าบดเป็นปั้นๆ มีสีเหลือง นำมาทำเป็น แผ่นบางๆ โดยใช้ที่หนีบซึ่งทำจากไม้ภายในรองด้วยแผ่นพลาสติกเพื่อป้องกันไม่ให้ส่วนนอกติดไม้และสะดวกต่อการลอกออก นำไปตากในตะแกรงไม้ไผ่ 4-5 ชั่วโมง ให้แห้ง ซึ่งเมื่อแห้งแล้วถั่วเน่าแผ่นเป็นสีน้ำตาลเข้ม สามารถนำไปจำหน่ายหรือเก็บใส่ปี๊บไว้ทานได้เป็นเดือน (โครงการวิจัยเชิงปฏิบัติการการบัญชีแบบมีส่วนร่วม เพื่อพัฒนาวิสาหกิจชุมชนด้วยการจัดการความรู้ในการผลิตผลิตภัณฑ์จากถั่วลิสง ถั่วเหลือง และน้ำมันงาของกลุ่มแม่บ้านเกษตรกรบ้านปางหมูและบ้านสบสอย ตำบลปางหมู อำเภอเมือง จังหวัดแม่ฮ่องสอน)

3.4 สถานที่ ที่ตั้ง(พิกัด)ของผู้เป็นภูมิปัญญา

30/1 หมู่ที่ 1 ตำบลปางหมู อำเภอเมือง จังหวัดแม่ฮ่องสอน

3.5 สื่อประกอบ(ภาพถ่ายและหรือวีดีทัศน์)

3.6 ผู้ให้ข้อมูลและผู้เรียบเรียงหรือผู้เขียน

นางจันทร์เพ็ญ พรหมสถิตย์ (โทรศัพท์ 0887549264)

3.7 ข้อมูลอื่นๆ

ถั่วเน่าแผ่นเปรียบได้กับกะปิของภาคกลางหรือปลาร้าของภาคอีสาน สามารถเอามาทอดน้ำมันกินเป็นของกินเล่นหรือแปรรูปเป็นกับข้าวได้หลายอย่าง ให้รสชาติมันและมีกลิ่นที่เฉพาะ โดยก่อนประกอบอาหารต้องนำ

ถั่วเน่ามาปิ้งไฟให้เหลืองก่อนจากนั้นนำมาตำให้ละเอียดแล้วจึงนำไปประกอบอาหาร