ห้วงคาบเกี่ยวหน้าหนาวเข้าสู่หน้าแล้งในพื้นที่ อ.ธาตุพนม จ.นครพนม ได้มีเกษตรกรจำนวนไม่น้อยได้ยึดอาชีพปลูกมันแกวขายสร้างรายได้เสริมหน้าแล้งตามแนวริมตลิ่งแม่น้ำโขง ขณะนี้เกษตรกรหลายครอบครัวได้เร่งเก็บผลผลิตมันแกวเพื่อนำส่งขายให้พ่อค้าที่มารับซื้อและนำไปวางขายริมทาง เพื่อรองรับงานนมัสการพระธาตุพนมที่จะมีขึ้นในช่วงวันที่ 15-23 ก.พ. 59 นี้ ถือเป็นงานบุญประเพณีสำคัญที่ยิ่งใหญ่จะมีประชาชนนักท่องเที่ยวเดินทางมาทำบุญจำนวนมาก วันละกว่าแสนคน เป็นโอกาสดีที่ชาวบ้านท้องถิ่นจะมีรายได้จากการขายมันแกวในช่วงนี้ทุกปี
ทั้งนี้ ในแต่ละปีจะมีเกษตรกรในพื้นที่หันมาปลูกมันแกวหวาน รวมกันแล้วปีละกว่า 1,000 ไร่ จนกลายเป็นพืชเศรษฐกิจที่สร้างเงินหมุนเวียนสะพัดเข้าอำเภอธาตุพนมปีละเกือบ 100 ล้านบาท จะมีพ่อค้าแม่ค้าจากหลายพื้นที่ของภาคอีสานมาสั่งซื้อไปจำหน่ายจนเก็บเกี่ยวผลผลิตไม่ทัน
งานบุญใหญ่ดังกล่าวจะมีประชาชน นักท่องเที่ยวจากทั่วสารทิศ เดินทางมากราบไหว้ ทำบุญ ทำให้มันแกวหวานกลายเป็นสินค้าเศรษฐกิจ มีพ่อค้าแม่ค้านำมาตั้งร้านขายริมทางตลอดเส้นทางก่อนถึงตัวอำเภอธาตุพนม กลายเป็นของฝากสร้างเงินหมุนเวียนสะพัดทุกปี และเป็นสินค้าการเกษตรขึ้นชื่อประจำถิ่นที่ ประชาชน นักท่องเที่ยวจะต้องซื้อกลับไปเป็นของฝาก
ส่วนวิธีการปลูกนั้นเริ่มจากการไถพรวนดินทำแปลง ก่อนนำเมล็ดพันธุ์ที่เตรียมไว้มาหยอดลงตามหลุมในแปลง และใช้ดินกลบ หลังจากนั้นรดน้ำดูแลไม่ให้มีวัชพืชในช่วงแรก ระยะเวลาประมาณ 1 เดือน จากนั้นต้นกล้ามันแกวจะโตตามธรรมชาติ และรดน้ำบางช่วงหากพื้นดินแห้งเกินไป จนกว่าจะสามารถเก็บผลผลิตได้ในระยะเวลาประมาณ 3-4 เดือน
ส่วนใหญ่จะเริ่มเก็บผลผลิตตั้งแต่ประมาณเดือนพฤศจิกายน และจะเก็บผลผลิตมากที่สุดในช่วงเดือนธันวาคมถึงเดือนมกราคมของทุกปี โดยจะมีการส่งขายเป็นสองส่วน คือ นำมาขายปลีกเป็นของฝากริมถนน และขายส่งให้พ่อค้าแม่ค้าที่มารับซื้อไปส่งขายต่างจังหวัดอีกทอดหนึ่ง ที่สำคัญมันแกวหวานไม่เพียงเป็นพืชเศรษฐกิจที่ดูแลง่าย ทำการปลูกเก็บผลผลิตได้ในระยะสั้นประมาณ 3-4 เดือน ยังเป็นพืชเศรษฐกิจที่ขายง่าย เพียงขุดหัวมันแกวขึ้นมาจากใต้ดินก็สามารถนำไปส่งขายได้เลย ไม่ต้องมีขั้นตอนยุ่งยาก แค่นำไปล้างทำความสะอาด ปอกเปลือกรับประทานได้เลย ซึ่งมันแกวที่ปลูกในพื้นที่ริมฝั่งแม่น้ำโขงจะมีจุดเด่น คือ มีรสชาติหวาน กรอบ อร่อย สามารถนำไปปรุงเป็นเมนูได้สารพัด อาทิ กินสดเป็นเหมือนผลไม้ รวมถึงนำไปทำเป็นเมนูได้หลายอย่างแล้วแต่ความชอบ อาทิ เมนูคล้ายยำสลัด และทำเป็นรูปแบบของของหวานได้ตามความชอบ
งานบุญใหญ่ดังกล่าวจะมีประชาชน นักท่องเที่ยวจากทั่วสารทิศ เดินทางมากราบไหว้ ทำบุญ ทำให้มันแกวหวานกลายเป็นสินค้าเศรษฐกิจ มีพ่อค้าแม่ค้านำมาตั้งร้านขายริมทางตลอดเส้นทางก่อนถึงตัวอำเภอธาตุพนม กลายเป็นของฝากสร้างเงินหมุนเวียนสะพัดทุกปี และเป็นสินค้าการเกษตรขึ้นชื่อประจำถิ่นที่ ประชาชน นักท่องเที่ยวจะต้องซื้อกลับไปเป็นของฝาก
ส่วนวิธีการปลูกนั้นเริ่มจากการไถพรวนดินทำแปลง ก่อนนำเมล็ดพันธุ์ที่เตรียมไว้มาหยอดลงตามหลุมในแปลง และใช้ดินกลบ หลังจากนั้นรดน้ำดูแลไม่ให้มีวัชพืชในช่วงแรก ระยะเวลาประมาณ 1 เดือน จากนั้นต้นกล้ามันแกวจะโตตามธรรมชาติ และรดน้ำบางช่วงหากพื้นดินแห้งเกินไป จนกว่าจะสามารถเก็บผลผลิตได้ในระยะเวลาประมาณ 3-4 เดือน
เกษตรกรตำบล อ.ธาตุพนม จ.นครพนม ยึดอาชีพเสริมปลูกมันแกวขายมานานกว่า 20 ปี ระบุว่า ในช่วงเดือนตุลาคม - เดือนธันวาคม และช่วงปีใหม่ของทุกปี เกษตรกรในพื้นที่ อ.ธาตุพนม จ.นครพนม จะมีรายได้จากการขายมันแกว ริมทาง เป็นกอบเป็นกำ ซึ่งจะเร่งเก็บเกี่ยวผลผลิตขุดหัวมันแกวขึ้นมาวางขายตามริมถนน และส่งขายต่างพื้นที่ ในราคามัดละ 20 บาท ไปจนถึงมัดละ 100 บาท ตามขนาด หรือขายในราคาส่งกิโลกรัมละประมาณ 10 บาท ซึ่งในเนื้อที่ 1 ไร่ จะมีต้นทุนประมาณ 15,000 บาท แต่จะสามารถขายได้ไร่ละ ไม่ต่ำกว่า 1 แสนบาท โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ไปถึงเทศกาลสงกรานต์ จะมีประชาชน นักท่องเที่ยว เดินทางไปมาจำนวนมากได้แวะซื้อไม่ขาดสาย แต่ขายดีที่สุดคือในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี ที่ตรงกับงานนมัสการองค์พระธาตุพนม เพราะจะมีประชาชนและนักท่องเที่ยวจากทั่วสารทิศเดินทางมาท่องเที่ยวกราบไหว้องค์พระธาตุพนม 9 วัน 9 คืน จึงแวะซื้อชิมและนำกลับไปเป็นของฝากจนไม่พอขาย สร้างรายได้ให้กับเกษตรกรเป็นอย่างดี บางรายสามารถขายได้ปีละ 2-3 แสนบาททีเดียว เป็นอาชีพที่สร้างรายได้ให้แก่คนท้องถิ่นมานานกว่า 30 ปี แต่ละปีมีเงินหมุนเวียนจากการปลูกมันแกวขายปีละกว่า 50 ล้านบาท
“มันแกว” หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า “มันเพา” เป็นพืชเศรษฐกิจที่ปลูกได้ง่าย เหมาะปลูกในพื้นที่ดินร่วนปนทราย แถบริมฝั่งแม่น้ำโขง โดยเฉพาะตามแนวตลิ่งที่น้ำโขงลดฤดูแล้ง เนื่องจากมีความชื้น ไม่ต้องรดน้ำ ไม่ต้องดูแลยุ่งยาก แต่หากปีไหนน้ำไม่ท่วมริมตลิ่ง ชาวบ้านก็จะปลูกหมุนเวียนตลอดปี
มันแกวหวาน หรือมันเพา สามารถรับประทานได้แบบสดๆ เหมือนผลไม้ทั่วไป หรือนำไปเป็นส่วนประกอบของอาหารประเภท ยำ หรือสลัดก็ได้ ถือเป็นพืชการเกษตรภูมิปัญญาชาวบ้าน ที่ทำเงินให้กับเกษตรกรได้เป็นอย่างดี ไม่แพ้พืชการเกษตรอีกหลายชนิด
นางสาวณปภัช เหลื่อมใส ครู ผู้ช่วย กศน.อำเภอธาตุพนม
อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม 0615298576
e-mail : napaphattan1677@gmail.com
id line : tannapaphat
ผู้บันทึกข้อมูล