วัดนาบัววราราม
วัดนาบัววราราม
วัดมีความสำคัญต่อคนไทยและสังคมไทยมาตั้งแต่สมัยโบราณ จนถึงปัจจุบัน วัดเป็นศูนย์รวมจิตใจ เป็นสถานที่ประกอบพิธีการทางศาสนา วัดที่เก่าแก่ในตำบลนาบัว หนึ่งในนั้นคือ วัดนาบัววราราม ตั้งอยู่ หมู่
ที่ 3 บ้านโนน ตำบลนาบัว อำเภอนครไทย จังหวัดพิษณุโลก เป็นวัดที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน เป็นวัดเก่าแก่ประจำตำบลนาบัว จุดเด่นของวัดนาบัวที่เห็นได้ชัดเจนคือ โบสถ์ของวัดนาบัว ไม่มีพระประธาน แต่พระประธานกลับไปอยู่หลังโบสถ์และอยู่ด้านนอกโบสถ์ ซึ่งมีความพิเศษแตกต่างจากวัดทั่วๆ ไป พระประธานในโบสถ์ของวัดนาบัว ที่เห็นอยู่ในโบสถ์ถูกสร้างขึ้น เพื่อให้เหมือนกับโบสถ์วัดอื่นๆพระประธานในโบสถ์ ชาวบ้านจะเรียกว่า หลวงพ่อใหญ่ ซึ่งเป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ของวัดนาบัว โบสถ์ของวัดแห่งนี้เป็นโบสถ์ทรงเสากลมมีบัวหัวเสมา ครึ่งบนเป็นไม้
วัดนาบัวปรากฏมีโบราณสถาน เจดีย์โบราณเป็นสถาปัตยกรรมสมัยสุโขทัย มีโบราณวัตถุจำนวนมาก ใบเสมาเป็นใบเสมาคู่แกะสลักจากหินทรายแดง เป็นลวดลายต่างๆ สาเหตุที่มีการสร้างพระพุทธรูปกลางแจ้ง นักวิชาการด้านประวัติศาสตร์และโบราณคดี กล่าวว่าในอดีตกาล พระพุทธรูป ถือเป็นหนึ่งในเจดีย์ (เจติยะ) แห่งพุทธศาสนาประเภท "อุเทสิกะเจดีย์" (หมายถึงสิ่งที่สร้างเพื่ออุทิศให้พระศาสนา) ซึ่งที่เหลือได้แก่ ธาตุเจดีย์ บริโภคเจดีย์ และธรรมเจดีย์ ดังนั้นเวลาเคารพสักการะเจดีย์ต่างๆ เหล่านี้มิใช่ใช้การกราบไหว้หรือถวายดอกไม้ธูปเทียนเช่นในปัจจุบัน แต่ใช้วิธีการเดินเวียนขวาที่เรียกว่าทักษิณาวัฏ ๓ รอบ พระพุทธรูปโบราณที่สร้างตามคติเดิมจึงจัดตั้งอยู่กลางแจ้งเพื่อให้สาธุชนเดินเวียนรอบตามลานที่เรียกว่าลานประทักษิณหรือฐานประทักษิณ ซึ่งเค้าโครงที่สืบทอดมาจะเห็นได้จากการเดินเวียนเทียนรอบโบสถ์ นอกจากนี้ พระพุทธรูปที่สร้างตามคติโบราณยังอาจพบการทำ "ซุ้มเรือนแก้ว" ครอบองค์พระที่อยู่กลางแจ้งเอาไว้ ซึ่งซุ้มเรือนแก้วนี้นอกจากจะสื่อความหมายถึง "ฉัพพรรณรังสี" หรือรังสีที่เปล่งออกจากมหาบุรุษ ๖ ประการแล้ว ยังหมายถึงการสร้างปราสาท หรือศาสนสถานครอบองค์พระเอาไว้อีกประการหนึ่งด้วยหากตรวจดูซากโบราณสถานบริเวณวัดวาอารามเก่าแก่ จะพบว่ามีการสร้างพระพุทธรูปตั้งอยู่กลางแจ้ง และให้สังเกตบริเวณโดยรอบหากขุดลึกลงไปอาจพบแนวอิฐทำเตี้ยๆ ขึ้นเป็นลานสำหรับเดิน
ปัจจุบันทางวัดนาบัววราราม ได้มีการสร้างศาลาครอบองค์พระเอาไว้ ไม่ให้องค์พระพระพุทธรูปตากแดดตากฝน และเพื่อเป็นการอนุรักษ์ ให้อยู่คู่กับตำบลนาบัว และวัดนาบัววรารามต่อไป