ปัญหาภายใน เป็นเรื่องใกล้ตัวของผู้หญิงทุกคน หนึ่งในนั้นคือ โรคเนื้องอกมดลูกที่พบได้บ่อยในผู้หญิง ช่วงอายุ 30-50 ปี และมักแสดงอาการที่รบกวนชีวิตประจำวันคุณสุภาพสตรี อาทิ ปวดประจำเดือนมากกว่าปกติเป็นประจำเดือนมากกว่าปกติ หรืออื่นๆ ด้วยความไม่รู้หรือเข้าใจว่าเป็นเรื่องปกติ กว่าจะรู้ตัวอีกทีขนาดของเนื้องอกอาจขยายตัวขึ้นจนส่งผลกระทบกับอวัยวะที่อยู่ใกล้เคียง จนส่งผลแทรกซ้อนอื่นๆ ต่อร่างกายได้ และทำให้อาการแย่ลงหรือการรักษามีความซับซ้อนมากยิ่งขึ้น หรือหากปล่อยไว้เนื้องอกอาจเป็นเนื้อร้ายก็เป็นได้ แต่หากเราทราบอาการหรือสังเกตอาการผิดปกติตั้งแต่แรกเริ่มของโรคเนื้องอกในมดลูก ก็จะสามารถทำให้สังเกตอาการของตัวเองได้เร็ว และสามารถรักษาได้ทันการได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมสามารถใช้ชีวิตได้อย่างปกติได้เร็วขึ้น
อาการของเนื้องอกมดลูก
ปวดท้องประจำเดือนมากกว่าปกติ
ปวดท้องแบบหน่วงๆ ทั้งที่ไม่มีประจำเดือน
มีเลือดออกมากระหว่างรอบเดือน มีลิ่มเลือดปนเป็นก้อน
ปัสสาวะบ่อยขึ้นแต่ออกไม่มาก
มีอาการท้องผูกผิดปกติ
เนื้องอกธรรมดา (Benign Tumor) เป็นเนื้องอกที่เกิดขึ้นแล้วไม่แพร่กระจายลุกลามไปสร้างความเสียหายยังเซลล์เนื้อเยื่อในบริเวณใกล้เคียงหรือเซลล์เนื้อเยื่อในอวัยวะส่วนอื่น แต่อาจทำให้เกิดความเสียหายหรืออันตรายต่อร่างกายได้ หากเนื้องอกที่เกิดขึ้นไปกดทับอวัยวะสำคัญ เช่น เส้นเลือดหรือเส้นประสาทของผู้ป่วย
เนื้องอกที่เป็นเนื้อร้าย (Malignant หรือ Cancerous Tumor) เนื้อร้าย หรือเซลล์มะเร็ง เป็นเนื้อเยื่อที่เจริญเติบโตอย่างควบคุมไม่ได้ แพร่กระจาย และลุกลามไปเรื่อย ๆ ตามเนื้อเยื่ออื่นในบริเวณใกล้เคียง หรือเนื้อเยื่อที่อวัยวะอื่น ๆ ผ่านทางเลือด โดยเซลล์เนื้อร้ายจะไปทำลายเซลล์ปกติที่มีสุขภาพดี ทำให้ผู้ป่วยมีอาการเจ็บป่วยหรืออาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้หากไม่ได้รับการรักษาที่เหมาะสม หรือกำจัดเซลล์เนื้อร้ายออกไปได้อย่างทันท่วงที
อาการ
เนื้องอกมดลูกส่วนใหญ่จะมาด้วย 3 อาการหลัก ๆ
1. อาการแรกที่เจอเยอะที่สุดคือ คนไข้จะคลำได้ก้อนที่ท้องน้อย
ซึ่งถ้าเกิดผู้หญิงเราคลำก้อนที่ท้องน้อยได้ ส่วนมากจะเป็นเนื้องอกมดลูก สังเกตดูจากคนท้อง กว่าจะเห็นว่าตั้งครรภ์ก็ประมาณ 4-5 เดือนไปแล้ว เช่นเดียวกัน เนื้องอกมดลูกนี้ก็ต้องทำให้มดลูกมีขนาดโตเท่ากับคนท้อง 4-5 เดือนแล้ว ซึ่งประมาณสัก 15 เซนติเมตรขึ้นไปถึงจะคลำเองได้จากหน้าท้อง
2. อาการที่พบบ่อยที่ทำให้คนไข้ต้องมาพบคุณหมอสูตินรีเวช คือมีประจำเดือนออกเยอะ
เพราะตัวเนื้องอกไปเบียดโพรงมดลูก ทำให้ประจำเดือนออกเยอะ แล้วบางทีออกเยอะมากเป็นลิ่มเลือดเป็นก้อนเลือด บางคนให้ประวัติว่า เป็นประจำเดือนแล้วเป็นลม แล้วก็ต้องไปรับเลือดที่โรงพยาบาลทุกครั้งที่เป็นประจำเดือน อันนี้จะมีบ้างประปราย
3. อาการที่สามมักจะเกี่ยวข้องกับการมีบุตรยาก
จะตรวจพบเมื่อคนไข้ไปตรวจกับหมอผู้เชี่ยวชาญด้านมีบุตรยาก พออัลตราซาวนด์ถึงจะเจอ อันนี้มักจะเป็นลักษณะก้อนเล็ก ๆ ไม่บ่งอาการอะไร บางทีอาจจะมีก้อนแค่ 1-2 เซนติเมตรอยู่ในโพรงมดลูก ไปขวางการฝังตัวของทารกทำให้มีบุตรยาก
อาการที่รุนแรง
บางคนมีเลือกออกเยอะ ก็มีอาการโลหิตจางได้ หรือบางคนที่ลักษณะก้อนมันยื่นออกไปข้างนอก หมายถึงไม่ได้ยื่นเข้าไปในโพรงมดลูก ก็จะทำให้ไม่มีประจำเดือนออกเยอะ แต่มันจะยื่นเข้าไปในอุ้งเชิงกรานหรือว่าในท้องน้อยของเรา อันนี้ก็จะไปกดเบียดลำไส้ กระเพาะปัสสาวะ ที่เจอบ่อยก็คือ มันเบียดมาข้างหน้า ก็จะกดกระเพาะปัสสาวะ ทำให้คนไข้ปัสสาวะบ่อย คนไข้อาจจะเข้าห้องน้ำทุกชั่วโมง นอนหลับไปแล้วก็ต้องตื่นมาเข้าห้องน้ำทุก 2-3 ชั่วโมง นอนไม่เต็มอิ่ม อันนี้ก็จะส่งผลถึงคุณภาพชีวิตคนไข้
แนวทางการรักษา
กรณีที่พบก้อนเนื้อขนาด 0.5-2 เซนติเมตร ไม่ได้มีอาการอะไร รักษาโดยการเฝ้าสังเกตอาการและนัดตรวจติดตาม อัลตราซาวนด์ทุก 6 เดือนหรือทุก 1 ปี
การใช้ยาในการรักษา โดยเป็นยาคุมกำเนิดเพื่อลดอาการ ประจำเดือนที่เคยออกเยอะแต่ถ้าเนื้องอกเป็นไม่เยอะมาก การกินยาคุมกำเนิดจะทำให้ปริมาณประจำเดือนออกน้อยลงได้ และมียาฉีดบางตัวเป็นฮอร์โมนที่กดการทำงานของฮอร์โมนเพศ ทำให้ไม่มีฮอร์โมนเพศในตัวเลย ก็จะเป็นวัยทอง อันนี้ก็จะมีผลทำให้ก้อนยุบลงและไม่มีประจำเดือน
การใช้ยาอีกประเภทที่เพิ่งออกมาใหม่คือ เป็นยาที่ผ่าน อย. และองค์การอาหารและยาของประเทศสหรัฐอเมริกา หรือ USFDA ให้การรับรองแล้วว่าสามารถกินเพื่อรักษาอาการของเนื้องอกในมดลูกได้
ถ้ากินยาแล้วไม่ได้ผล หรือว่าอาการยังเป็นเยอะอยู่ เราก็ต้องไปผ่าตัด ซึ่งการผ่าตัดมี 2 แบบ คือแบบเก็บมดลูกไว้ คือเอาเฉพาะเนื้องอกออก กับแบบผ่าตัดเอามดลูกออกไป ซึ่งวิธีการผ่าตัดก็แล้วแต่ ก็มีทั้งเปิดหน้าท้อง ส่องกล้อง หรืออาจจะผ่าตัดทางช่องคลอด ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของคุณหมอที่ให้การดูแลรักษา