การวางแผนปิดเหมืองแร่อย่างยั่งยืน
พันธุ์ลพ หัตถโกศล
พันธุ์ลพ หัตถโกศล
ในปัจจุบันได้มีความตระหนักในเรื่องของสิ่งแวดล้อม ทั้งระบบนิเวศและชุมชนมากขึ้น ทำให้การปิดเหมืองนั้นไม่ใช่เป็นเพียงการยุติการขุดแร่ รื้อถอนเครื่องจักร อาคารโรงงาน และปลูกพืชเพื่อฟื้นฟูสภาพที่ดินเท่านั้น แต่หมายรวมถึงการพัฒนาพื้นที่ที่ผ่านการทำเหมืองแล้วให้สามารถนำกลับมาใช้ประโยชน์อื่นได้อย่างยั่งยืน มีการจัดสรรทรัพยากรในการจัดการ รวมทั้งให้เจ้าของพื้นที่ที่จะรับมอบดูแลพื้นที่ได้มีส่วนร่วมในการกำหนดแผนการปิดเหมืองด้วย
การวางแผนการปิดเหมือง จะครอบคลุมกระบวนการต่อไปนี้
การรื้อถอน (Decommissioning)
การฟื้นฟูพื้นที่ (Rehabilitation) และ
การติดตามประเมินผล (Monitoring)
โดยมีการวางแผนดำเนินงานในรายละเอียดให้สอดคล้องกันทั้งสามด้าน และมีความจำเป็นจะต้องคาดการณ์และวิเคราะห์ความเสี่ยงที่อาจจะเกิดผลกระทบขึ้นตามสภาพของแต่ละพื้นที่ย่อยที่ถูกใช้ในกิจกรรมทำเหมือง ทั้งนี้เพื่อกำหนดเป็นมาตรการลดผลกระทบภายหลังปิดเหมืองไว้ในแผน
วัตถุประสงค์หลัก คือการทำให้พื้นที่ภายหลังการทำเหมืองมีความปลอดภัยทางกายภาพต่อมนุษย์และสัตว์ มีความมั่นคงทางด้านธรณีเทคนิค มีความปลอดภัยทางด้านธรณีเคมี พื้นที่ไม่มีการปนเปื้อน และสามารถคงอยู่ได้อย่างยั่งยืนของการใช้ประโยชน์พื้นที่ภายหลังการปิดเหมือง รวมทั้งลดผลกระทบด้านเศรษฐกิจสังคมที่จะเกิดขึ้นกับคนงานและชุมชนในท้องถิ่น ดังนั้นการวางแผนและดำเนินการเพื่อปิดเหมือง มีวัตถุประสงค์ดังนี้
สร้างความมั่นใจว่าเหมืองที่ปิดตัวลงจะไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อชุมชน ทั้งด้านสุขอนามัยและความปลอดภัย
ไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมทางกายภาพและชีวภาพในภายหลังจากการปิดเหมือง และพื้นที่มีความเสถียรทางกายภาพและทางเคมี
ทำให้สภาพพื้นที่กลับคืนสู่สถานะเดิมมากที่สุด หรืออยู่ในสภาพของทางเลือกที่เป็นที่ยอมรับของสังคม เพื่อให้เจ้าของพื้นที่สามารถรับมอบและนำกลับมาใช้ประโยชน์ได้อย่างเหมาะสม ลดค่าใช้จ่ายและความต้องการในการบำรุงรักษาพื้นที่ และการติดตามประเมินผลในระยะยาว
ลดผลกระทบด้านเศรษฐกิจสังคมต่อคนงานและชุมชนในท้องถิ่น
ในกรณีสภาพพื้นที่เอื้ออำนวย และสอดคล้องกับความต้องการของผู้มีส่วนได้เสีย พื้นที่ควรได้รับการพัฒนาให้เป็นประโยชน์ทางเศรษฐกิจสังคมได้ดีขึ้นกว่าเดิม และมีความยั่งยืน
กระบวนการจัดทำแผนปิดเหมืองต้องใช้ข้อมูลหลายด้านเพื่อกำหนดทางเลือกการใช้พื้นที่
วัตถุประสงค์ของการปิดเหมืองต้องมาจากปัจจัยทั้งภายในและภายนอก
จัดทำแผนปิดเหมืองไปพร้อมกับการวางแผนทำเหมือง เริ่มตั้งแต่การสำรวจแร่และวิเคราะห์โครงการ
การจัดการสิ่งแวดล้อมในแผนปิดเหมืองจะจำแนกตามพื้นที่กิจกรรมทำเหมืองและการใช้พื้นที่ภายหลัง
คู่มือการวางแผนปิดเหมืองเล่มนี้ได้จัดทำขึ้นตาม "โครงการออกแบบการใช้ประโยชน์พื้นที่กลุ่มเหมืองตามหลักภูมิสถาปัตย์และการมีส่วนร่วม" ของกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ ที่ดำเนินงานโดยคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ในระหว่างปี พ.ศ. 2563-2564
การเรียบเรียงเนื้อหาในคู่มือได้อ้างอิงจากวิธีปฎิบัติที่ดีในการปิดเหมือง และจากประสบการณ์ในการวางแผนปิดเหมืองในประเทศที่ผ่านมา ซึ่งจะต้องมีการจัดการระบบนิเวศตามธรรมชาติและที่มนุษย์สร้างขึ้นใหม่ โดยยึดหลักของการฟื้นฟูเป็นพื้นฐานในขั้นแรกก่อน เพื่อทำให้คุณภาพสิ่งแวดล้อมดีขึ้นและไม่มีผลกระทบตกค้างจากการทำเหมืองแร่ จากนั้นในขั้นต่อไปจะใช้หลักการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมด้วยการพัฒนาความหลากหลายของป่าไม้และสัตว์ป่าในระบบนิเวศ และป้องกันรักษาไม่ให้ถูกทำลายหรือเสื่อมสลายลงไปเมื่อนำทรัพยากรที่ฟื้นฟูแล้วมาใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อชุมชน โดยควบคุมการใช้ทรัพยากรให้อยู่ในวิสัยที่ธรรมชาติฟื้นฟูด้วยตัวเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่เกินขีดความสามารถของระบบนิเวศจนมีปัญหาสิ่งแวดล้อมตามมาภายหลัง
แผนปิดเหมืองที่ดีจะต้องจัดทำขึ้นโดยเฉพาะเจาะจงสำหรับเหมืองนั้นๆ มีการรับฟังข้อคิดเห็นจากผู้มีส่วนได้เสีย มีการสื่อสารให้และรับข้อมูลระหว่างกัน และควรเริ่มต้นจัดทำแผนตั้งแต่ขั้นตอนการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการ เพื่อให้แผนปิดเหมืองบูรณาการไปพร้อมกับแผนการทำเหมือง มีการฟื้นฟูปิดเหมืองในบางพื้นที่เป็นระยะๆ จะช่วยให้ไม่ต้องทุ่มเททรัพยากรปัจจัยและค่าใช้จ่ายในการปิดเหมืองครั้งเดียวในระยะสุดท้าย และได้สะสมประสบการณ์หรือองค์ความรู้นำมาปรับปรุงแผนต่อเนื่องไปตลอดโครงการหรืออายุเหมือง
นอกจากนี้จะช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ดีในขณะทำเหมือง เมื่อได้เห็นตัวอย่างพื้นที่สีเขียวที่ธรรมชาติค่อยๆ ฟื้นตัวอันเป็นผลจากการฟื้นฟูตามลำดับ และสุดท้ายได้เห็นการใช้ประโยชน์จากการฟื้นฟูพื้นที่ที่ผ่านการทำเหมืองให้เป็นป่าชุมชน ใช้ขุมเหมืองเก่าเป็นอ่างเก็บน้ำช่วยภัยแล้ง และใช้ภูมิทัศน์ที่สวยงามแปลกตาเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศที่ช่วยสร้างอาชีพและรายได้ให้กับชุมชนที่อยู่อาศัยโดยรอบพื้นที่เหมืองแร่อย่างยั่งยืน