ThaiLIS
ภาวะผู้นำเชิงนวัตกรรมของผู้บริหารที่ส่งผลต่อประสิทธิผลของสถานศึกษาในโครงการโรงเรียนประชารัฐ สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสมุทรสงคราม
Title
ภาวะผู้นำเชิงนวัตกรรมของผู้บริหารที่ส่งผลต่อประสิทธิผลของสถานศึกษาในโครงการโรงเรียนประชารัฐ สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสมุทรสงคราม
Creator
Name: วัชรพงศ์ ทัศนบรรจง
Subject
keyword: ภาวะผู้นำเชิงนวัตกรรม
Abstract: บทคัดย่อ การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาระดับภาวะผู้นำเชิงนวัตกรรมของผู้บริหารสถานศึกษาในโครงการโรงเรียนประชารัฐ สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสมุทรสงคราม 2) ศึกษาระดับประสิทธิผลของสถานศึกษาในโครงการโรงเรียนประชารัฐ และ 3) วิเคราะห์ภาวะผู้นำเชิงนวัตกรรมที่ส่งผลต่อประสิทธิผลของสถานศึกษาในโครงการโรงเรียน ประชารัฐ กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย ประกอบด้วย ผู้บริหาร ครู บุคลากรในโรงเรียนประชารัฐ จำนวน 216 คน โดยใช้วิธีการสุ่มตัวอย่างแบบแบ่งชั้น เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แบบสอบถามที่สร้างขึ้นโดยผู้วิจัย มีค่าความตรงด้านเนื้อหา ระหว่าง 0.67-1.00 มีค่าความเที่ยงด้านภาวะผู้นำเชิงนวัตกรรม เท่ากับ 0.96 และด้านประสิทธิผลของสถานศึกษา เท่ากับ 0.98 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การวิเคราะห์สัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ และการวิเคราะห์การถดถอยพหุคูณแบบขั้นตอน ผลการวิจัยพบว่า 1. ระดับภาวะผู้นำเชิงนวัตกรรม อยู่ในระดับมากทั้งภาพรวมและรายด้าน ประกอบด้วย การมีวิสัยทัศน์ การสร้างบรรยากาศในการองค์กร การบริหารจัดการ การมีส่วนร่วม การสร้างเครือข่าย และการสร้างองค์กรนวัตกรรม ตามลำดับ 2. ระดับประสิทธิผลของสถานศึกษาอยู่ในระดับมากทั้งภาพรวมและรายด้าน ประกอบด้วย การสอนคุณธรรมในโรงเรียน การพัฒนาตนเองของครู การจัดการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ความสามารถในการสอนตามแนวทางสะเต็มศึกษา ความสามารถด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และภาษาอังกฤษ ตามลำดับ 3. ภาวะผู้นำเชิงนวัตกรรม ประกอบด้วย การสร้างบรรยากาศในการองค์กร (X5) และการสร้างองค์กรนวัตกรรม (X2) ส่งผลต่อประสิทธิผลของสถานศึกษาในโครงการโรงเรียนประชารัฐ (Ytot) โดยร่วมกันทำนายได้ร้อยละ 63.20 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
วัชรพงศ์ ทัศนบรรจง. (2560). ภาวะผู้นำเชิงนวัตกรรมของผู้บริหารที่ส่งผลต่อประสิทธิผลของสถานศึกษาในโครงการโรงเรียนประชารัฐ สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสมุทรสงคราม (วิทยานิพนธ์ครุศาสตรมหาบัณฑิต, มหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม).
การศึกษาภาวะผู้นำเชิงนวัตกรรมของผู้บริหารสถานศึกษา ตามความคิดเห็นของครูสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาปทุมธานี
Title Alternative
A study of innovaive leadership of school administrators in the opinions of the teachers under the supervision of Pathumthnai primary educational service area office.
Creator
Name: จีราภา ประพันธ์พัฒน์
Address: ปทุมธานี
Organization : มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี. คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรม. สาขาวิชาการบริหารการศึกษา.
Abstract
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ คือ 1) เพื่อศึกษาระดับภาวะผู้นำเชิงนวัตกรรมของผู้บริหารสถานศึกษา ตามความคิดเห็นของครูสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาปทุมธานี 2) เพื่อเปรียบเทียบภาวะผู้นำเชิงนวัตกรรมของผู้บริหารสถานศึกษา ตามความคิดเห็นของครู สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาปทุมธานี จำแนกตามขนาดสถานศึกษา ประชากรที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ คือ ครูผู้สอนในสถานศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาปทุมธานี ปี การศึกษา 2560 จำนวน 351 คน ที่ได้จากการกำหนดขนาดตัวอย่าง โดยใช้ตารางสำเร็จรูปของเครจซี่ และ มอร์แกน เครื่องมือที่ใช้เป็นแบบสอบถามประมาณค่า 5 ระดับ ทำการวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้โปรแกรมสาเร็จรูปเพื่อหาค่าความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานและการทดสอบความแปรปรวนแบบทางเดียว (One – Way ANOVA) และการทดสอบรายคู่ตามวิธีของเชฟเฟ่ (Scheffe) และใช้แบบสัมภาษณ์เป็นเครื่องมือในการสัมภาษณ์กลุ่มตัวอย่าง จำนวน 8 คน โดยการนำความคิดเห็นจากการสัมภาษณ์มาวิเคราะห์ตามขอบเขตด้านเนื้อหา ผลการวิจัยพบว่า 1) ภาวะผู้นำเชิงนวัตกรรมของผู้บริหารสถานศึกษาตามความคิดเห็นของครูสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาปทุมธานีอยู่ในระดับมาก ทั้งโดยรวมและรายด้าน 2) ผลการเปรียบเทียบภาวะผู้นำเชิงนวัตกรรมของผู้บริหารสถานศึกษาตามความคิดเห็นของครูสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาปทุมธานี จำแนกตามขนาดสถานศึกษาโดยรวมและรายด้าน มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ยกเว้นภาวะผู้นำเชิงนวัตกรรมของผู้บริหารในสถานศึกษาขนาดกลางกับขนาดใหญ่ มีความแตกต่างกันอย่างไม่มีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
จีราภา ประพันธ์พัฒน์. (2560). การศึกษาภาวะผู้นำเชิงนวัตกรรมของผู้บริหารสถานศึกษา ตามความคิดเห็นของครูสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาปทุมธานี (วิทยานิพนธ์ครุศาสตรมหาบัณฑิต สาขาการบริหารการศึกษา, มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี).
การศึกษาองค์ประกอบภาวะผู้นำเชิงนวัตกรรมของผู้บริหารสถานศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุบลราชธานีเขต 4
Title Alternative
A study of innovative leadership of school administrators in the office primary educational service area, ubonratchathanee 4
Creator
Name: ปาริฉัตร พรสุวรรณ
Abstract
งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์วิจัยเพื่อศึกษาระดับภาวะผู้นำเชิงนวัตกรรมของผู้บริหารสถานศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุบลราชธานีเขต 4 และการเปรียบเทียบความแตกต่างของค่าเฉลี่ย จำแนกตามปัจจัยส่วนบุคคล โดยใช้แบบสอบถามจำนวน 20 ข้อที่ได้พัฒนาและตรวจสอบคุณภาพมาแล้วไปเก็บข้อมูลจากผู้อำนวยการ หัวหน้างาน และอาจารย์ของโรงเรียน จำนวน 198 คนมาวิเคราะห์ผลด้วยสถิติวิเคราะห์ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบความแตกต่างของค่าเฉลี่ย t-test F-test แล้วพบว่า ภาวะผู้นำเชิงนวัตกรรมของผู้บริหารสถานศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุบลราชธานีเขต 4 มีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมากทั้งภาพรวมและองค์ประกอบรายด้าน รวมถึงพบว่ามีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 จำแนกตามวุฒิการศึกษา ด้านตำแหน่งงานปัจจุบัน และเงินเดือนที่ได้รับในปัจจุบัน ซึ่งด้วยข้อค้นพบนี้ ผู้อำนวยการ รองผู้อำนวยการ และอาจารย์สามารถนำไปใช้ในการกำหนดเป็นหัวข้อด้านการพัฒนาภาวะผู้นำเชิงนวัตกรรมของตนเองที่เน้นด้านการนำสู่การเรียนรู้ โดยเฉพาะการให้ความสำคัญต่อความต้องการเป็นรายบุคคล
ปาริฉัตร พรสุวรรณ. (2563). การศึกษาองค์ประกอบภาวะผู้นำเชิงนวัตกรรมของผู้บริหารสถานศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุบลราชธานีเขต 4 (วิทยานิพนธ์ครุศาสตรมหาบัณฑิต สาขาการบริหารการศึกษา, มหาวิทยาลัยการจัดการและเทคโนโลยีอีสเทิร์น).
ความสัมพันธ์ระหว่างภาวะผู้นำเชิงนวัตกรรมของผู้บริหารสถานศึกษาและความเป็นองค์กรดิจิทัลของสถานศึกษา ในอำเภอท่าชนะ สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่ประถมศึกษาสุราษฏร์ธานี เขต 2
Title Alternative
The relationship between innovative leadership of school administrators and the being digital organization of schools in Tha Chana District under Surat Thani Primary Education service area office 2
Creator
Name: ถนอมวรรณ ช่างทอง
Abstract
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา (1) ระดับภาวะผู้นำเชิงนวัตกรรมของผู้บริหารสถานศึกษาในอำเภอท่าชนะ สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสุราษฎร์ธานี เขต 2 ความเป็นองค์กรดิจิทัลของสถานศึกษา และ (3) ความสัมพันธ์ระหว่างภาวะผู้นำเชิงนวัตกรรมและความเป็นองค์กรดิจิทัลของสถานศึกษา ผลการวิจัยปรากฏว่า (1) ภาวะผู้นำเชิงนวัตกรรมของผู้บริหารสถานศึกษา โดยรวมและรายด้านอยู่ในระดับมาก (2) ความเป็นองค์กรดิจิทัลโดยรวมและรายด้านอยู่ในระดับมาก และ (3) ภาวะผู้นำเชิงนวัตกรรมของผู้บริหารสถานศึกษา มีความสัมพันธ์ทางบวกกับความเป็นองค์กรดิจิทัลของสถานศึกษา ในภาพรวมอยู่ในระดับสูงอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 โดยมีค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ (r) เท่ากับ 0.85
ถนอมวรรณ ช่างทอง. (2562). ความสัมพันธ์ระหว่างภาวะผู้นำเชิงนวัตกรรมของผู้บริหารสถานศึกษาและความเป็นองค์กรดิจิทัลของสถานศึกษาในอำเภอท่าชนะ สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่ประถมศึกษาสุราษฎร์ธานี เขต 2 (วิทยานิพนธ์ศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต, มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช).
ThaiJO
บทคัดย่อ
ปัจจัยสากลที่มีอิทธิพลต่อการศึกษาส่งผลให้การริเริ่มและนวัตกรรมในการบริหารงานของภาคการศึกษาของประเทศไทยมีความจำเป็นมากขึ้น ดังนั้นผู้อำนวยการโรงเรียนจึงควรตอบสนองโดยนำเทคนิคการบริหารและภาวะผู้นำมาใช้เพื่อนำองค์กรไปสู่ความสำเร็จ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการบริหารและจัดการ ผู้อำนวยการโรงเรียนจำเป็นต้องยอมรับและเรียนรู้แนวคิดและวิธีการใหม่ๆ เช่น การแลกเปลี่ยนแนวปฏิบัติที่ดี การคิดเชิงวิสัยทัศน์ การนำแผนงานและกลยุทธ์ใหม่ๆ มาใช้ในการผลักดันสถาบันการศึกษาให้ก้าวไปข้างหน้าเพื่อริเริ่มนวัตกรรม ซึ่งสุดท้ายนี้ถือเป็นคุณลักษณะที่จำเป็นของผู้บริหารอย่างไม่อาจปฏิเสธได้ เพื่อให้ประสบความสำเร็จในฐานะผู้บริหารโรงเรียนในกระแสการเปลี่ยนแปลง การพัฒนาตนเองของผู้นำที่บรรลุหลักการบริหารตนเอง การบริหารคน และการบริหารงานจึงเป็นสิ่งจำเป็น และต้องใช้ศิลปะการบริหารสมัยใหม่ในการดำเนินการอย่างมีประสิทธิภาพในทุกด้าน การพัฒนาทักษะการคิดมีความสำคัญอย่างยิ่งในการส่งเสริมให้บุคลากรพัฒนาผลงานของแต่ละคนไปสู่ความสำเร็จ ซึ่งสิ่งนี้เรียกร้องให้ผู้บริหารโรงเรียนที่มีเทคนิคการบริหารสมัยใหม่ โดยเฉพาะภาวะผู้นำที่สร้างสรรค์ เพื่อนำองค์กรไปสู่ทิศทางที่ตอบสนองต่อสถานการณ์ปัจจุบันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ภาวะผู้นำเชิงนวัตกรรมมีองค์ประกอบหลัก 5 ประการ ได้แก่ 1) วิสัยทัศน์เชิงนวัตกรรม 2) การทำงานเป็นทีมและการมีส่วนร่วมเชิงนวัตกรรม 3) ทักษะการคิดเพื่อนวัตกรรม 4) บทบาทและความรับผิดชอบเชิงนวัตกรรม และ 5) บุคลิกภาพเชิงนวัตกรรม ภาวะผู้นำเชิงนวัตกรรมของผู้บริหารโรงเรียนสามารถเป็นตัวบ่งชี้ความสำเร็จและคุณภาพของการบริหารงาน บุคลากร และสถาบันการศึกษา ซึ่งจะส่งผลต่อการบริหารงานเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่สถาบันการศึกษา
ฐิตินันท์ นันทะศรีม,วาโร เพ็งสวัสดิ์,วัลนิกา ฉลากบาง และพรเทพ เสถียรนพเก้า (2563). ภาวะผู้นำเชิงนวัตกรรมของผู้บริหารสถานศึกษา. วารสารบัณฑิตศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร. ปีที่ 17. ฉบับที่ 79 ตุลาคม-ธันวาคม 2563 ; หน้า 11-20
ฐิตินันท์ นันทะศรี และคณะ
สาขาวิชาการบริหารและพัฒนาการศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร
การวิจัยครั้งนี้มีความมุ่งหมายเพื่อ 1) พัฒนาตัวบ่งชี้ภาวะผู้นำเชิงนวัตกรรมของผู้บริหารสถานศึกษา 2) ตรวจสอบความสอดคล้องของโมเดลโครงสร้างตัวบ่งชี้ภาวะผู้นำเชิงนวัตกรรมของผู้บริหารสถานศึกษาที่พัฒนาขึ้นกับข้อมูลเชิงประจักษ์ และ 3) สร้างคู่มือการใช้ตัวบ่งชี้ภาวะผู้นำเชิงนวัตกรรมของผู้บริหารสถานศึกษา ในการวิจัยแบบผสานวิธี (Mixed Methods) โดยดำเนินการเป็น 3 ระยะ ประกอบด้วย ระยะที่ 1 การสร้างและพัฒนาตัวบ่งชี้ภาวะผู้นำเชิงนวัตกรรมของผู้บริหารสถานศึกษา ระยะที่ 2 การตรวจสอบสมมติฐานการวิจัยกับข้อมูลเชิงประจักษ์ เก็บข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่าง ซึ่งเป็นผู้บริหารสถานศึกษา จำนวน 721 คน วิเคราะห์ข้อมูลด้วยโปรแกรมสำเร็จรูปทางสถิติและโปรแกรมลิสเรล เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บข้อมูลเป็น แบบสอบถาม เป็นแบบมาตราส่วนประมาณค่า (Rating Scale) 5 ระดับ มีค่าดัชนีความสอดคล้อง ระหว่าง 0.55 – 1.00 ค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับ โดยวิธีสัมประสิทธิ์แอลฟาของ Cronbach เท่ากับ 0.82 ระยะที่ 3 การสร้างคู่มือการใช้ตัวบ่งชี้ภาวะผู้นำเชิงนวัตกรรมของผู้บริหารสถานศึกษา โดยให้ผู้เชี่ยวชาญ จำนวน 5 คน ประเมินคุณภาพโดยใช้แบบมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ ตามแบบของลิเคอร์ท (Likert scale)
ผลการวิจัย พบว่า
1. ภาวะผู้นำเชิงนวัตกรรมของผู้บริหารสถานศึกษามี 5 องค์ประกอบหลัก 20 องค์ประกอบย่อย 96 ตัวบ่งชี้ จำแนกเป็น การมีวิสัยทัศน์เชิงนวัตกรรม จำนวน 19 ตัวบ่งชี้ การทำงานเป็นทีมและการมีส่วนร่วมเชิงนวัตกรรม จำนวน 26 ตัวบ่งชี้ การมีทักษะการคิดสร้างสรรค์นวัตกรรม จำนวน 13 ตัวบ่งชี้ การแสดงบทบาทหน้าที่เชิงนวัตกรรม จำนวน 18 ตัวบ่งชี้ และการมีบุคลิกภาพเชิงนวัตกรรม จำนวน 20 ตัวบ่งชี้
2. โมเดลโครงสร้างภาวะผู้นำเชิงนวัตกรรมของผู้บริหารสถานศึกษา มีความสอดคล้องกับข้อมูลเชิงประจักษ์ โดยมีค่าไค-สแควร์ (Chi-Square : c2) เท่ากับ 37.41 ไม่มีนัยสำคัญทางสถิติ df เท่ากับ 54 ค่าดัชนีวัดระดับความกลมกลืน (GFI) เท่ากับ 0.99 ค่าดัชนีวัดระดับความกลมกลืนที่ปรับแก้แล้ว (AGFI) เท่ากับ 0.98 และค่าความคลาดเคลื่อนในการประมาณค่าพารามิเตอร์ (RMSEA) เท่ากับ 0.00
3. คู่มือการใช้ตัวบ่งชี้ภาวะผู้นำเชิงนวัตกรรมของผู้บริหารสถานศึกษา มีความเหมาะสมอยู่ในระดับมาก สามารถนำไปใช้สร้างเกณฑ์ประเมินภาวะผู้นำเชิงนวัตกรรมของผู้บริหารสถานศึกษาได้
ฐิตินันท์ นันทะศรีม,วาโร เพ็งสวัสดิ์,วัลนิกา ฉลากบาง และพรเทพ เสถียรนพเก้า (2562). การพัฒนาตัวบ่งชี้ภาวะผู้นำเชิงนวัตกรรมของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ. วารสารวิชาการและวิจัยสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร. ปีที่ 14. ฉบับที่ 3 กันยายน-ธันวาคม 2562 ; หน้า 93-106
เชิดพงศ์ งอกนาวัง, เอกราช โฆษิตพิมานเวช และ ยิ่งสรรค์ หาพา
มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น
บทความวิชาการนี้เป็นเนื้อหาเกี่ยวกับภาวะผู้นำเชิงนวัตกรรมของผู้บริหารสถานศึกษา ผู้เขียนมีวัตถุประสงค์เพื่อนำเสนอองค์ประกอบภาวะผู้นำเชิงนวัตกรรมของผู้บริหารสถานศึกษา พบว่ามีองค์ประกอบ 4 ประการคือ 1) วิสัยทัศน์เชิงนวัตกรรม 2) การสร้างเครือข่ายเชิงนวัตกรรม 3) การสร้างบรรยากาศเชิงนวัตกรรม 4)การคิดสร้างสรรค์นวัตกรรม ซึ่งผู้เขียนบทความวิชาการได้สังเคราะห์จากแนวคิด หลักการ ทฤษฎี ผลงานวิชาการของนักศึกษา นักวิชาการมาพิจารณาความสำคัญ และสอดคล้องกับบริบทของภาวะผู้นำเชิงนวัตกรรมของผู้บริหารสถานศึกษา ซึ่งเป็นองค์กรหลักที่หน่วยงานที่มีส่วนสำคัญในการจัดการศึกษาให้กับเด็กเยาวชนและกลุ่มประชาชน รัฐบาลได้มีการกำหนดยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนากำลังคนสู่ยุคดิจิทัลหรือยุคของการนำนวัตกรรมใหม่ๆมาใช้ เพื่อเพิ่มศักยภาพกำลังคนให้ก้าวกันกับยุคสมัยใหม่ และให้มีทักษะการนำนวัตกรรมมาใช้เบื้องต้น ผู้บริหารสถานศึกษา จึงจำเป็นอย่างยิ่งในการปรับเปลี่ยนบทบาทหน้าที่ เพื่อบริหารรูปแบบใหม่ จึงต้องอาศัยภาวะผู้นำเชิงนวัตกรรม เพื่อให้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากขึ้นก้าวทันโลกยุค 4.0 ได้มากยิ่งขึ้น
เชิดพงศ์ งอกนาวัง, เอกราช โฆษิตพิมานเวช และ ยิ่งสรรค์ หาพา.(2567). ภาวะผู้นำเชิงนวัตกรรมของผู้บริหารโรงเรียน. Journal of Modern Learning Development. ปีที่ 9. ฉบับที่ 6 มิถุนายน 2567 ; หน้า 482–493.
ขวัญชนก โตนาค
สุกัญญา แช่มช้อย
อนุชา กอนพ่วง
บทคัดย่อ
จุดมุ่งหมายของการวิจัยครั้งนี้เพื่อ 1) เพื่อศึกษาองค์ประกอบภาวะผู้นำเชิงนวัตกรรมของผู้บริหารสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ภาคเหนือตอนล่าง 2) เพื่อวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงยืนยันภาวะผู้นำเชิงนวัตกรรมของผู้บริหารสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ 1) กลุ่มตัวอย่างสำหรับการสัมภาษณ์ประกอบด้วย ผู้เชี่ยวชาญจำนวน 9 คน 2) กลุ่มตัวอย่างสำหรับการตอบแบบสอบถามประกอบด้วย ผู้บริหารสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน จำนวน 419 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยเป็นแบบสัมภาษณ์และแบบสอบถาม การวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้โปรแกรม SPSS for windows สำหรับการวิเคราะห์ค่าสถิติพื้นฐาน และใช้โปรแกรม LISREL สำหรับการวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงยืนยัน
ผลการวิจัยพบว่า
1. องค์ประกอบภาวะผู้นำเชิงนวัตกรรมของผู้บริหารสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ภาคเหนือตอนล่างจากการสัมภาษณ์ผู้เชี่ยวชาญ พบว่า ภาวะผู้นำเชิงนวัตกรรมของผู้บริหารสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา จำนวน 4 องค์ประกอบ 40 ตัวแปรสังเกตได้ คือ 1) องค์ประกอบบุคลิกภาพภายใน ประกอบด้วย 9 ตัวแปรสังเกตได้ 2) องค์ประกอบบุคลิกภายนอก ประกอบด้วย 4 ตัวแปรสังเกตได้ 3) องค์ประกอบการปฏิบัติงาน ประกอบด้วย 15 ตัวแปรสังเกตได้ และ 4) องค์ประกอบมิตรสัมพันธ์ ประกอบด้วย 12 ตัวแปรสังเกตได้
2. การตรวจสอบความสอดคล้องกลมกลืนของโมเดลการวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงยืนยันภาวะผู้นำเชิงนวัตกรรมของผู้บริหารสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาสอดคล้องกับข้อมูลเชิงประจักษ์ โดยมี ค่าไค – สแควร์ เท่ากับ 256.403 ที่องศาอิสระเท่ากับ 230 ค่าดัชนีวัดระดับความกลมกลืน (GFI) เท่ากับ .970 ค่าดัชนีวัดระดับความกลมกลืนที่ปรับแก้แล้ว (AGFI) เท่ากับ 0.894 และค่ารากของค่าเฉลี่ยกำลังสองของความคลาดเคลื่อนโดยประมาณ (RMSEA) เท่ากับ .0166
ขวัญชนก โตนาค, สุกัญญา แช่มช้อย, และอนุชา กอนพ่วง. (2557). การวิเคราะห์องค์ประกอบภาวะผู้นำเชิงนวัตกรรมสำหรับผู้บริหารสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน. วารสารศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร, 16(4), 131–140.
ThaiEd Research
ความสัมพันธ์ระหว่างภาวะผู้นำที่ยั่งยืนกับประสิทธิภาพการบริหารงานวิชาการโรงเรียนของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษานนทบุรี
บทคัดย่อ (Abstract)
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาระดับภาวะผู้นำที่ยั่งยืนของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษานนทบุรี 2) เพื่อศึกษาระดับประสิทธิภาพการบริหารงานวิชาการโรงเรียนของผู้บริหารสถานศึกษา 3) เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างภาวะผู้นำที่ยั่งยืนกับประสิทธิภาพการบริหารงานวิชาการโรงเรียนของผู้บริหารสถานศึกษา และ 4) เพื่อนำเสนอแนวทางการพัฒนาภาวะผู้นำที่ยั่งยืนกับประสิทธิภาพการบริหารงานวิชาการโรงเรียนของผู้บริหารสถานศึกษา กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ ข้าราชการครู จำนวน 332 คน คัดเลือกโดยใช้สูตรของทาโร ยามาเน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย 1) แบบสอบถามระดับภาวะผู้นำที่ยั่งยืนของผู้บริหารสถานศึกษาและระดับประสิทธิภาพการบริหารงานวิชาการโรงเรียนของผู้บริหารสถานศึกษา ที่มีค่าความเชื่อมั่น .98 2) แบบสัมภาษณ์แนวทางการพัฒนาภาวะผู้นำที่ยั่งยืนกับประสิทธิภาพการบริหารงานวิชาการโรงเรียนของผู้บริหารสถานศึกษา สถิติที่ใช้ ได้แก่ ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ของเพียร์สัน
ผลการวิจัยพบว่า 1) ระดับภาวะผู้นำที่ยั่งยืนของผู้บริหารสถานศึกษา โดยรวมและรายด้านมีค่าเฉลี่ย อยู่ในระดับมาก 2) ระดับประสิทธิภาพการบริหารงานวิชาการโรงเรียนของผู้บริหารสถานศึกษา โดยรวมและรายด้านมีค่าเฉลี่ย อยู่ในระดับมาก 3) ความสัมพันธ์ระหว่างภาวะผู้นำที่ยั่งยืนกับประสิทธิภาพการบริหารงานวิชาการโรงเรียนของผู้บริหารสถานศึกษา พบว่า มีความสัมพันธ์ทางบวก ในระดับสูง (r = .862**) อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 และ 4) แนวทางการพัฒนาภาวะผู้นำที่ยั่งยืนกับประสิทธิภาพการบริหารงานวิชาการโรงเรียนของผู้บริหารสถานศึกษา ได้แก่ ผู้บริหารต้องพัฒนาตนเองให้เป็นผู้นำแห่งการเรียนรู้ พัฒนาบุคลากรให้มีศาสตร์ทางวิชาชีพ
สร้างวิสัยทัศน์ กระจายอำนาจให้บุคลากรอย่างเหมาะสม คำนึงถึงความแตกต่างระหว่างบุคคล ผลประโยชน์ของทุกภาคส่วน สร้างความสมดุลของทรัพยากรทางการศึกษา และให้ความสำคัญกับความรู้ ประสบการณ์ที่เคยเกิดขึ้นในอดีต
วสันต์ ศักดาศักดิ์ (2565). ความสัมพันธ์ระหว่างภาวะผู้นำที่ยั่งยืนกับประสิทธิภาพการบริหารงานวิชาการโรงเรียนของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษานนทบุรี. การบริหารการศึกษา ครุศาสตรมหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร.
บทคัดย่อ (Abstract)
การวิจัยนี้ใช้วิธีวิจัยเชิงคุณภาพและเชิงปริมาณ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา วิเคราะห์และตรวจสอบความเที่ยงตรงตามสภาพองค์ประกอบและตัวบ่งชี้ และศึกษาแนวทางการนำองค์ประกอบและตัวบ่งชี้ภาวะผู้นำเชิงสร้างสรรค์ของหัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้ โรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษา ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ไปใช้ ขั้นตอนการวิจัยมี 4 ระยะ คือ 1) การกำหนดองค์ประกอบและตัวบ่งชี้ จากการศึกษาเอกสารและสัมภาษณ์เชิงลึกกับกลุ่มผู้รู้ ผู้มีประสบการณ์ จำนวน 7 คน 2) ตรวจสอบเครื่องมือวิจัยจากผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวน 7 คน ได้ค่าดัชนีความเที่ยงตรงเชิงเนื้อหาทั้งฉบับ (S-CVI) เท่ากับ .96 นำเครื่องมือการวิจัยไปทดลองใช้กับกลุ่มที่มีลักษณะเหมือนกลุ่มตัวอย่าง จำนวน 30 คน ได้ค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับ เท่ากับ .95 ใช้แบบสอบถามไปเก็บข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่างที่เป็นหัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้ โรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษา ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ปีการศึกษา 2560 จำนวน 200 คน นำข้อมูลมาวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงสำรวจ (EFA) 3) นำองค์ประกอบและตัวบ่งชี้ที่ได้มาสร้างเป็นแบบสอบถามเพื่อเก็บข้อมูลกับกลุ่มผู้รู้แจ้งชัด จำนวน 30 คน 4) สัมภาษณ์เชิงลึกกับกลุ่มผู้รู้ ผู้มีประสบการณ์ ใช้แบบสัมภาษณ์กึ่งโครงสร้าง โดยวิธีการสัมภาษณ์แบบปฏิสัมพันธ์ จำนวน 7 คน แล้ววิเคราะห์ข้อมูลเชิงเนื้อหา
ผลการศึกษา พบว่า
1. องค์ประกอบและตัวบ่งชี้เชิงสร้างสรรค์ของหัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้ โรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษา ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ประกอบด้วย 10 องค์ประกอบ 61 ตัวบ่งชี้ ได้แก่ ด้านการปรับตัว 6 ตัวบ่งชี้ ด้านผู้นำการเปลี่ยนแปลง 5 ตัวบ่งชี้ ด้านความฉลาดทางอารมณ์ 5 ตัวบ่งชี้ ด้านการสร้างวิสัยทัศน์ 8 ตัวบ่งชี้ ด้านการสื่อสารและปฏิบัติตามวิสัยทัศน์ 10 ตัวบ่งชี้ ด้านความคิดริเริ่ม 6 ตัวบ่งชี้ ด้านการคิดนอกกรอบ 6 ตัวบ่งชี้ ด้านความต้องการความสำเร็จ 6 ตัวบ่งชี้ ด้านทิศทางและเป้าหมาย 4 ตัวบ่งชี้ และด้านความพึงพอใจในงาน 5 ตัวบ่งชี้
2. ผลตรวจสอบความเที่ยงตรงตามสภาพ พบว่า ตัวบ่งชี้ทุกตัวมีความเที่ยงตรงตามสภาพ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .001
3. แนวทางนำองค์ประกอบและตัวบ่งชี้ภาวะผู้นำเชิงสร้างสรรค์ของหัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้ โรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษา ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ไปใช้ มีแนวทางในการนำไปใช้ที่สำคัญ 5 แนวทาง ได้แก่ แนวทางการปรับตัว แนวทางการสื่อสาร แนวทางการพัฒนากระบวนการคิด แนวทางการพัฒนาศักยภาพหัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้ และแนวทางการสร้างความพึงพอใจในการทำงาน
ชนภรณ์ อือตระกูล (2560). องค์ประกอบและตัวบ่งชี้ภาวะผู้นำเชิงสร้างสรรค์ของหัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้ โรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษาในจังหวัดชายแดนภาคใต้.
บทคัดย่อ (Abstract)
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาองค์ประกอบภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงของผู้บริหารสถานศึกษา 2) เพื่อศึกษาความต้องการจำเป็นที่เกี่ยวกับภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครราชสีมา เขต 6 3) เพื่อสร้างกลยุทธ์การพัฒนาภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครราชสีมา เขต 6 และ 4) เพื่อประเมินกลยุทธ์การพัฒนาภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครราชสีมา เขต 6 ผู้วิจัยใช้วิธีการวิจัยแบบผสมผสานประกอบด้วย การวิจัยเชิงคุณภาพ ได้แก่ การวิเคราะห์เอกสารและการสัมภาษณ์ และการวิจัยเชิงปริมาณ ใช้แบบสอบถามในการเก็บข้อมูลกับประชากรและกลุ่มตัวอย่าง คือ สถานศึกษาในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครราชสีมา เขต 6 จำนวน 125 แห่ง ผู้ให้ข้อมูล ได้แก่ ผู้อำนวยการโรงเรียนหรือผู้รักษาราชการแทน ครู กรรมการสถานศึกษาและผู้ปกครอง นักเรียน รวมทั้งหมด 500 คน สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบน มาตรฐาน และวิเคราะห์จุดแข็ง จุดอ่อน จากค่าดัชนีความต้องการจำเป็น วิเคราะห์โอกาส ภาวะคุกคามและกำหนดกลยุทธ์โดยใช้รูปแบบของ SWOT Matrix และประเมินความเหมาะสม และความเป็นไปได้ของกลยุทธ์จากผู้ทรงคุณวุฒิผลการวิจัยพบว่า
1. องค์ประกอบภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงของผู้บริหารสถานศึกษา มี 5 องค์ประกอบ คือ การมีอิทธิพลเชิงอุดมการณ์ การคำนึงถึงปัจเจกบุคคล การกระตุ้นทางปัญญา การสร้างแรงบันดาลใจ และการมีพฤติกรรมทางจริยธรรม
2. ผลการวิเคราะห์ความต้องการจำเป็นในการพัฒนามากเป็นลำดับที่หนึ่ง คือ การมีพฤติกรรมทางจริยธรรม โดยมีค่าดัชนีความต้องการจำเป็น เท่ากับ 0.27 รองลงมา คือ การกระตุ้นทางปัญญา การสร้างแรงบันดาลใจ การคำนึงถึงปัจเจกบุคคล และการมีอิทธิพลเชิงอุดมการณ์ โดยมีค่าดัชนีความต้องการจำเป็น เท่ากับ 0.26, 0.25, 0.20 และ 0.19 ตามลำดับ
3. กลยุทธ์การพัฒนาภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครราชสีมา เขต 6 มี 5 กลยุทธ์หลัก คือ กลยุทธ์กระตุ้นพฤติกรรมทางจริยธรรม กลยุทธ์ส่งเสริมการกระตุ้นทางปัญญา กลยุทธ์ส่งเสริมการสร้างแรงบันดาลใจ กลยุทธ์มุ่งเน้นความสำคัญของปัจเจกบุคคล และกลยุทธ์เสริมสร้างอิทธิพลเชิงอุดมการณ์ โดยมี 19
กลยุทธ์รองและ 92 แนวทางปฏิบัติ
4. การประเมินกลยุทธ์ ความเหมาะสมและความเป็นไปได้ในภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด ซึ่งความเหมาะสม มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.84 และความเป็นไปได้ มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.75
ทัพพ์นิธิศ ปิ่นภัคพูลลดา (2560). กลยุทธ์การพัฒนาภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครราชสีมา เขต 6
บทคัดย่อ (Abstract)
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) สร้างและพัฒนารูปแบบภาวะผู้นำเชิงสร้างสรรค์สำหรับผู้บริหารสถานศึกษา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง 2) ตรวจสอบและยืนยันความเป็นไปได้ของรูปแบบภาวะผู้นำเชิงสร้างสรรค์สำหรับผู้บริหารสถานศึกษา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ขั้นตอนการวิจัยประกอบด้วย 4 ขั้นตอน 1) ศึกษาเอกสารงานวิจัยที่เกี่ยวข้องภาวะผู้นำเชิงสร้างสรรค์และนำแนวคิดมาจัดทำเป็นแบบสัมภาษณ์ผู้ทรงคุณวุฒิ 2) การร่างรูปแบบภาวะผู้นำเชิงสร้างสรรค์สำหรับผู้บริหารสถานศึกษา 3) ประเมินความเหมาะสมของร่างรูปแบบการภาวะผู้นำเชิงสร้างสรรค์สำหรับผู้บริหารสถานศึกษาโดยการจัดประชุมกลุ่มสนทนา (Focus Group) โดยเป็นผู้ทรงวุฒิด้านบริหารการศึกษา ด้านการบริหารสถานศึกษา และด้านภาวะผู้นำเชิงสร้างสรรค์ จำนวน 7 คน เพื่อให้ความคิดเห็นเกี่ยวกับข้อเสนอแนะการปรับรูปแบบการพัฒนาภาวะผู้นำเชิงสร้างสรรค์สำหรับผู้บริหารสถานศึกษา 4) ยืนยันความเป็นไปได้ของรูปแบบการพัฒนาภาวะผู้นำเชิงสร้างสรรค์สำหรับผู้บริหารสถานศึกษาจากผู้ทรงวุฒิภายนอกโดยการจัดประชุมยืนยัน (Connoisseurship) ผู้ทรงวุฒิอีก 7 คน ผลการวิจัยพบว่า จากการสังเคราะห์เอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง ได้กรอบแนวคิดในการวิจัย 5 ด้าน ดังนี้ 1) ด้านวิสัยทัศน์ 2) ด้านความคิดสร้างสรรค์ 3) ด้านการทำงานเป็นทีม 4) ด้านการแก้ไขปัญหา และ 5) ด้านความรับผิดชอบในการทำงาน การประเมินความเหมาะสมของร่างรูปแบบภาวะผู้นำเชิงสร้างสรรค์สำหรับผู้บริหารสถานศึกษา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง พบว่า มีความเหมาะสมอยู่ในระดับมาก ลำดับแรกคือ ด้านการทำงานเป็นทีม ลำดับที่สองคือ ด้านการแก้ปัญหา ลำดับที่สามคือ ด้านการมีวิสัยทัศน์ และลำดับสุดท้ายคือ ด้านความคิดสร้างสรรค์ และด้านความรับผิดชอบในการทำงานการยืนยันรูปแบบของผู้ทรงคุณวุฒิเห็นว่ารูปแบบภาวะผู้นำเชิงสร้างสรรค์สำหรับผู้บริหารสถานศึกษา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง มีความเป็นไปได้ในการปฏิบัติร้อยละ 100
ศักดา ทองดี (2559). การพัฒนารูปแบบภาวะผู้นำเชิงสร้างสรรค์สำหรับผู้บริหารสถานศึกษา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง
ERIC
Innovative Leadership Factors and Leader Characteristics That Affecting Professional Learning Community of Primary Schools in Bangkok and Its Vicinity
Khanthap, Juladi
World Journal of Education, v12 n4 p50-58 2022
This research aimed to investigate the innovative leadership factors and leader characteristics of school administrators in affecting teachers' involvement in the professional learning community of primary education schools in Bangkok and its vicinity of Thailand. Hence, the researcher would shed light on a linear structural relationship model to examine the impacts of innovative leadership factors and leader characteristics of primary school administrators on teachers' involvement in the professional learning community. A quantitative approach survey design was employed in this research. A total of 840 respondents responded to questionnaires in a proportional of two teachers to one school administrator from 280 primary schools. The respondents participated in a survey utilizing a multi-stage sampling technique. The researcher planned to test whether the identified innovative leadership factors and leader characteristics are fitting with empirical data as the key research output. The findings indicated that there was a total of five innovative leadership factors and three leader characteristics in a professional learning community model. The linear structural relationship model was supported to the empirical data, with X[superscript 2] = 42.321, df = 31, X[superscript 2]/df = 1.3652, CFI = 0.998, TLI = 0.997, RMSEA = 0.021, and SRMR = 0.01, p = 0.0845. In conclusion, the linear structural relationship model for primary school administrators has a goodness of fit with the attained data. Finally, the findings of this research have successfully proposed a linear structural relationship model that would be guidelines for a primary school administrator to develop his capabilities to promote a professional learning community.
Khanthap, J. (2022). Innovative leadership factors and leader characteristics that affecting professional learning community of primary schools in Bangkok and its vicinity. World Journal of Education, 12(4), 50–58. https://doi.org/10.5430/wje.v12n4p50
ปัจจัยภาวะผู้นำเชิงนวัตกรรมและคุณลักษณะผู้นำที่ส่งผลต่อการเรียนรู้เชิงวิชาชีพของชุมชนโรงเรียนประถมศึกษาในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล
ขันธ์ทับ จุลดี
วารสารการศึกษาโลก ปีที่ 12 ฉบับที่ 4 หน้า 50-58 2022
งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปัจจัยความเป็นผู้นำเชิงนวัตกรรมและลักษณะผู้นำของผู้บริหารโรงเรียนที่ส่งผลต่อการมีส่วนร่วมของครูในชุมชนการเรียนรู้ระดับมืออาชีพของโรงเรียนประถมศึกษาในกรุงเทพมหานครและปริมณฑลของประเทศไทย ดังนั้น นักวิจัยจะนำเสนอแบบจำลองความสัมพันธ์เชิงโครงสร้างเชิงเส้นเพื่อตรวจสอบผลกระทบของปัจจัยความเป็นผู้นำเชิงนวัตกรรมและลักษณะผู้นำของผู้บริหารโรงเรียนประถมศึกษาต่อการมีส่วนร่วมของครูในชุมชนการเรียนรู้ระดับมืออาชีพ การวิจัยครั้งนี้ใช้การออกแบบการสำรวจเชิงปริมาณ ผู้ตอบแบบสอบถามทั้งหมด 840 คนตอบแบบสอบถามในสัดส่วนครู 2 คนต่อผู้บริหารโรงเรียน 1 คนจากโรงเรียนประถมศึกษา 280 แห่ง ผู้ตอบแบบสอบถามเข้าร่วมการสำรวจโดยใช้เทคนิคการสุ่มตัวอย่างหลายขั้นตอน นักวิจัยวางแผนที่จะทดสอบว่าปัจจัยความเป็นผู้นำเชิงนวัตกรรมและลักษณะผู้นำที่ระบุนั้นเหมาะสมกับข้อมูลเชิงประจักษ์ซึ่งเป็นผลลัพธ์หลักของการวิจัยหรือไม่ ผลการวิจัยระบุว่ามีปัจจัยความเป็นผู้นำเชิงนวัตกรรมทั้งหมด 5 ปัจจัยและลักษณะผู้นำ 3 ประการในแบบจำลองชุมชนการเรียนรู้ระดับมืออาชีพ แบบจำลองความสัมพันธ์เชิงโครงสร้างเชิงเส้นได้รับการสนับสนุนจากข้อมูลเชิงประจักษ์ โดย X[superscript 2] = 42.321, df = 31, X[superscript 2]/df = 1.3652, CFI = 0.998, TLI = 0.997, RMSEA = 0.021 และ SRMR = 0.01, p = 0.0845 สรุปได้ว่าแบบจำลองความสัมพันธ์เชิงโครงสร้างเชิงเส้นสำหรับผู้บริหารโรงเรียนประถมศึกษามีความสอดคล้องกับข้อมูลที่ได้รับ ในที่สุด ผลการวิจัยนี้ได้เสนอแบบจำลองความสัมพันธ์เชิงโครงสร้างเชิงเส้นสำเร็จ ซึ่งจะเป็นแนวทางให้ผู้บริหารโรงเรียนประถมศึกษาพัฒนาศักยภาพในการส่งเสริมชุมชนการเรียนรู้ระดับมืออาชีพ
ขันธ์ทับ จุลดี. (2565). ปัจจัยภาวะผู้นำเชิงนวัตกรรมและคุณลักษณะผู้นำที่ส่งผลต่อการเรียนรู้เชิงวิชาชีพของชุมชนโรงเรียนประถมศึกษาในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล. วารสารการศึกษาโลก. ปีที่ 12. ฉบับที่ 4 ; หน้า 50-58
Guidelines for Innovative Leadership Development of Private Vocational College Administrators in the Northeastern Region
Noat Chanprasert; Prayuth Chusorn; Chalard Chantarasombat
World Journal of Education, v13 n4 p25-33 2023
Innovative leadership development can assist administrators of private vocational colleges in identifying and capitalizing on new opportunities within the educational administration network by fostering creative thinking and openness to new ideas. Such administrators can discover novel approaches to efficiently and effectively address the needs of students, faculty members, and stakeholders. Therefore, the research objectives are as follows: to examine the components and indicators of innovative leadership among administrators of private vocational colleges in the northeastern region, to assess the consistency of the innovative leadership measurement model, and to develop guidelines based on the study findings for implementation. To develop the innovative leadership of private vocational college administrators, a mixed-method research approach was employed, consisting of four phases. The collected data were analyzed using descriptive statistics and statistical packages for further reference. The results revealed that Innovative Leadership comprises five main components and fifteen indicators. These indicators were found to be appropriate based on the specified criteria. The developed measurement model for innovative leadership indicators demonstrated consistency with the empirical data, with statistically significant values (P-value = 0.73, RMSEA = 0.023, SRMR = 0.019, CFI = 1.00, TLI = 1.00). Furthermore, all main components exhibited factor loadings higher than the criterion of 0.70, while sub-components and indicators displayed factor loadings higher than the criterion of 0.30. Finally, the implementation of the guidelines yielded positive results, as they were deemed suitable, feasible, and highly beneficial across all aspects.
Chanprasert, N., Chusorn, P., & Chantarasombat, C. (2023). Guidelines for innovative leadership development of private vocational college administrators in the northeastern region. World Journal of Education, 13(4), 25–33. https://doi.org/10.5430/wje.v13n4p25
แนวทางการพัฒนาความเป็นผู้นําเชิงนวัตกรรมของผู้บริหารวิทยาลัยอาชีวศึกษาเอกชนในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
โนท จันประเสริฐ; ประยุทธ์ ชูสรณ์; ชาลาร์ด จันทราสมบัติ
วารสารการศึกษาโลก v13 n4 p25-33 2023
การพัฒนาความเป็นผู้นําที่เป็นนวัตกรรมสามารถช่วยผู้บริหารของวิทยาลัยอาชีวศึกษาเอกชนในการระบุและใช้ประโยชน์จากโอกาสใหม่ ๆ ภายในเครือข่ายการบริหารการศึกษาโดยการส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์และการเปิดกว้างต่อแนวคิดใหม่ ๆ ผู้ดูแลระบบดังกล่าวสามารถค้นพบแนวทางใหม่ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของนักศึกษา คณาจารย์ และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล ดังนั้นวัตถุประสงค์การวิจัยจึงมีอยู่ดังนี้ เพื่อตรวจสอบองค์ประกอบและตัวชี้วัดความเป็นผู้นําด้านนวัตกรรมของผู้บริหารวิทยาลัยอาชีวศึกษาเอกชนในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เพื่อประเมินความสอดคล้องของรูปแบบการวัดความเป็นผู้นําที่เป็นนวัตกรรม และเพื่อพัฒนาแนวทางตามผลการศึกษาเพื่อการนําไปใช้ เพื่อพัฒนาความเป็นผู้นําที่เป็นนวัตกรรมของผู้บริหารวิทยาลัยอาชีวศึกษาเอกชนได้ใช้แนวทางการวิจัยแบบผสมผสานซึ่งประกอบด้วยสี่ขั้นตอน ข้อมูลที่รวบรวมได้ถูกวิเคราะห์โดยใช้สถิติเชิงพรรณนาและแพ็คเกจสถิติเพื่อการอ้างอิงเพิ่มเติม ผลการวิจัยพบว่า Innovative Leadership ประกอบด้วยองค์ประกอบหลัก 5 องค์ประกอบ และตัวชี้วัด 15 ตัว พบว่าตัวบ่งชี้เหล่านี้มีความเหมาะสมตามเกณฑ์ที่ระบุ แบบจําลองการวัดที่พัฒนาขึ้นสําหรับตัวบ่งชี้ความเป็นผู้นําที่เป็นนวัตกรรมแสดงให้เห็นถึงความสอดคล้องกับข้อมูลเชิงประจักษ์ โดยมีค่าที่มีนัยสําคัญทางสถิติ (P-value = 0.73, RMSEA = 0.023, SRMR = 0.019, CFI = 1.00, TLI = 1.00) นอกจากนี้ ส่วนประกอบหลักทั้งหมดแสดงการโหลดปัจจัยที่สูงกว่าเกณฑ์ 0.70 ในขณะที่ส่วนประกอบย่อยและตัวบ่งชี้แสดงการโหลดปัจจัยที่สูงกว่าเกณฑ์ 0.30 ในที่สุดการดําเนินการตามแนวทางให้ผลลัพธ์ในเชิงบวกเนื่องจากถือว่าเหมาะสมเป็นไปได้และเป็นประโยชน์อย่างมากในทุกด้าน
Chanprasert, N., Chusorn, P., & Chantarasombat, C. (2023). Guidelines for innovative leadership development of private vocational college administrators in the northeastern region [แนวทางการพัฒนาความเป็นผู้นำเชิงนวัตกรรมของผู้บริหารวิทยาลัยอาชีวศึกษาเอกชนในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ]. World Journal of Education [วารสารการศึกษาโลก], 13(4), 25–33. https://doi.org/10.5430/wje.v13n4p25
"So Hard, but so Rewarding:" How School System Leaders Are Scaling up Strategic School Staffing Models
Lisa Chu; Lydia Rainey; Steven Weiner
Center on Reinventing Public Education
Innovative staffing models are promising, but challenging to scale up. What does the work of leading strategic staffing involve, and what could make scaling up easier? This report digs deep into the many challenges system leaders face when scaling up innovative staffing solutions. These leaders are trying to address longstanding teacher shortages and retention challenges by rethinking everything, including who they hire and how they design the job, provide support, build trust, and uproot old assumptions about the teaching role. The early results are promising: these leaders report fewer vacancies, higher staff satisfaction, and improved student learning experiences. This work is "so hard, but so rewarding"--and it could be much more manageable if policymakers, technical assistance providers, and researchers stepped up to share the load.
hu, L., Rainey, L., & Weiner, S. (n.d.). “So hard, but so rewarding:” How school system leaders are scaling up strategic school staffing models. Center on Reinventing Public Education. https://www.crpe.org/
“ยากมาก แต่คุ้มค่ามาก: ผู้นำระบบโรงเรียนขยายรูปแบบการจัดหาบุคลากรในโรงเรียนเชิงกลยุทธ์อย่างไร
ลิซ่า ชู, ลิเดีย เรนีย์, สตีเวน ไวเนอร์
ศูนย์ปฏิรูปการศึกษาสาธารณะ
รูปแบบการจัดหาพนักงานที่สร้างสรรค์นั้นดูมีแนวโน้มดี แต่การขยายขนาดนั้นทำได้ยาก การทำงานของผู้นำด้านการจัดหาพนักงานเชิงกลยุทธ์เกี่ยวข้องกับอะไรบ้าง และอะไรจะทำให้การขยายขนาดทำได้ง่ายขึ้น รายงานนี้เจาะลึกถึงความท้าทายมากมายที่ผู้นำระบบต้องเผชิญเมื่อขยายขนาดโซลูชันการจัดหาพนักงานที่สร้างสรรค์ ผู้นำเหล่านี้พยายามแก้ไขปัญหาการขาดแคลนครูและความท้าทายในการรักษาพนักงานมายาวนานด้วยการคิดใหม่ทุกอย่าง รวมถึงคนที่พวกเขาจ้างและวิธีที่พวกเขาออกแบบงาน ให้การสนับสนุน สร้างความไว้วางใจ และล้มล้างสมมติฐานเก่าๆ เกี่ยวกับบทบาทการสอน ผลลัพธ์เบื้องต้นนั้นดูมีแนวโน้มดี ผู้นำเหล่านี้รายงานว่ามีตำแหน่งงานว่างน้อยลง พนักงานมีความพึงพอใจมากขึ้น และประสบการณ์การเรียนรู้ของนักเรียนดีขึ้น งานนี้ "ยากมากแต่คุ้มค่า" และจะจัดการได้ง่ายขึ้นมากหากผู้กำหนดนโยบาย ผู้ให้ความช่วยเหลือด้านเทคนิค และนักวิจัยเข้ามาช่วยแบ่งเบาภาระ
Chu, L., Rainey, L., & Weiner, S. (n.d.). “So hard, but so rewarding:” How school system leaders are scaling up strategic school staffing models [“ยากมาก แต่คุ้มค่ามาก”: ผู้นำระบบโรงเรียนขยายรูปแบบการจัดหาบุคลากรในโรงเรียนเชิงกลยุทธ์อย่างไร]. Center on Reinventing Public Education [ศูนย์ปฏิรูปการศึกษาสาธารณะ]. https://www.crpe.org/
The Characteristics of Efficacious Leader in Higher Education: A Literature Review
Siswanto, Ibnu; Wu, Mingchang; Ma, Hongbo; Arifin, Zainal; Solikin, Moch; Widyianto, Agus
Journal of Education and Learning (EduLearn), n17 n1 p145-157 Feb 2023
University is a remarkable institution which is always expected to change the world through its constantly innovative technology and science advancement and civilization promotion. Academic institution relies on its efficacious leader with vision and implementation to fully accomplish its missions. However, limited attention goes to this crucial leader's requirements and characteristics, even faculty members in the higher education institutions studiously conduct research for external organizations. This paper presents a comprehensive analysis addressing innovative academic leader's characteristics based on the current global situation, university mission, and unique culture. Finally, this article concluds the competencies and characteristics of efficacious academic leader demands in this changing era: envisioning the institutional future, integrating social resources with reciprocity, modeling the way with morality and integrity, executing university missions with professions and humanity, empowering team members with full support, and inspiring students with humanity. Those integrated characters could effectively guide faculty members for their future self-development, and contribute to achieving university mission on science development, producing high-quality human resources, and contributing of the human civilization promotion. This conclusion retrospectively raises further suggestions for future study, how faculty members build these characters considering the unique and complex situation of interpersonal and external factors within the university.
Siswanto, I., Wu, M., Ma, H., Arifin, Z., Solikin, M., & Widyianto, A. (2023). The characteristics of efficacious leader in higher education: A literature review. Journal of Education and Learning (EduLearn), 17(1), 145–157.
คุณลักษณะของผู้นำที่มีประสิทธิภาพในระดับอุดมศึกษา: การทบทวนวรรณกรรม
Siswanto, อิบนุ ; Wu, หมิงชาง ; หม่า, ฮองโป ; อาริฟิน, Zainal ; โซลิคิน, โมช ; วิเดียนโต, อากัส
วารสารการศึกษาและการเรียนรู้ (EduLearn) , n17 n1 p145-157 กุมภาพันธ์ 2023
มหาวิทยาลัยเป็นสถาบันที่โดดเด่นซึ่งคาดว่าจะเปลี่ยนแปลงโลกอยู่เสมอด้วยเทคโนโลยีที่สร้างสรรค์และความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และการส่งเสริมอารยธรรมอย่างต่อเนื่อง สถาบันการศึกษาต้องอาศัยผู้นำที่มีประสิทธิภาพพร้อมวิสัยทัศน์และการนำไปปฏิบัติเพื่อบรรลุภารกิจให้สำเร็จ อย่างไรก็ตาม ความสนใจที่จำกัดจะมุ่งไปที่ความต้องการและลักษณะเฉพาะของผู้นำที่สำคัญนี้ แม้แต่คณาจารย์ในสถาบันอุดมศึกษาก็ทำการวิจัยให้กับองค์กรภายนอกอย่างตั้งใจ บทความนี้เสนอการวิเคราะห์ที่ครอบคลุมเกี่ยวกับลักษณะเฉพาะของผู้นำทางวิชาการที่มีนวัตกรรมโดยอิงจากสถานการณ์โลกปัจจุบัน ภารกิจของมหาวิทยาลัย และวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ สุดท้าย บทความนี้สรุปความสามารถและลักษณะเฉพาะของความต้องการผู้นำทางวิชาการที่มีประสิทธิภาพในยุคที่เปลี่ยนแปลงนี้ ได้แก่ การจินตนาการถึงอนาคตของสถาบัน การบูรณาการทรัพยากรทางสังคมด้วยความเท่าเทียมกัน การเป็นแบบอย่างด้วยคุณธรรมและความซื่อสัตย์ การปฏิบัติตามภารกิจของมหาวิทยาลัยด้วยวิชาชีพและมนุษยธรรม การเสริมพลังให้สมาชิกในทีมด้วยการสนับสนุนอย่างเต็มที่ และการสร้างแรงบันดาลใจให้นักศึกษาด้วยมนุษยธรรม ลักษณะที่บูรณาการเหล่านี้สามารถชี้นำสมาชิกคณาจารย์ได้อย่างมีประสิทธิภาพสำหรับการพัฒนาตนเองในอนาคต และมีส่วนสนับสนุนในการบรรลุภารกิจของมหาวิทยาลัยในการพัฒนาวิทยาศาสตร์ การผลิตทรัพยากรบุคคลที่มีคุณภาพสูง และการมีส่วนสนับสนุนในการส่งเสริมอารยธรรมของมนุษย์ ข้อสรุปนี้เมื่อมองย้อนกลับไปจะเสนอแนะเพิ่มเติมสำหรับการศึกษาในอนาคตว่าคณาจารย์สร้างตัวละครเหล่านี้อย่างไรโดยพิจารณาจากสถานการณ์ที่เป็นเอกลักษณ์และซับซ้อนของปัจจัยระหว่างบุคคลและปัจจัยภายนอกภายในมหาวิทยาลัย
Siswanto, I., Wu, M., Ma, H., Arifin, Z., Solikin, M., & Widyianto, A. (2023). The characteristics of efficacious leader in higher education: A literature review [คุณลักษณะของผู้นำที่มีประสิทธิภาพในระดับอุดมศึกษา: การทบทวนวรรณกรรม]. Journal of Education and Learning (EduLearn) [วารสารการศึกษาและการเรียนรู้], 17(1), 145–157.