1.ช่วยดูแลและปกป้องดวงตา
ในดอกดาวเรืองมีสารให้สีในกลุ่มแคโรทีนอยด์ คือ ลูทีน (Lutein) และซีแซนทีน (Zeaxanthin) ซึ่งเป็นสารที่พบมากในดอกดาวเรือง พริก โกจิเบอร์รี่ และไข่แดง โดยสารทั้ง 2 ชนิดมีฤทธิ์ดูดซับแสงสีน้ำเงินก่อนที่จะส่งผลเสียต่อดวงตา ซึ่งแสงสีน้ำเงินคือแสงที่ส่งผ่านมาจากหน้าจอโทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์ ทีวี และไฟจากหลอดไฟต่างๆ ซึ่งเป็นต้นเหตุให้จอประสาทตาเสื่อม ที่ลดทอนการมองเห็น
2.ดีต่อผิวหนัง
น้ำมันหอมระเหยที่สกัดได้จากดอกดาวเรือง เมื่อนำไปผสมกับครีมทาผิวสามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการกันแดดได้ และยังช่วยบรรเทาอาการผิดไหม้จากแสงแดดลงได้อีกด้วย นอกจากนี้ดอกดาวเรืองยังมีสารเอทานอล ที่ช่วยป้องกันผิวหนังเหี่ยวย่นและการเกิดริ้วรอย โดยมีงานวิจัยที่พบว่าสารเมทานอลที่สกัดจากดอกดาวเรืองอาจมีฤทธิ์ยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ย่อยโปรตีนบางชนิดที่ทำให้ผิวหนังแห้งกร้าน เหี่ยวย่น และเกิดริ้วรอยได้ เช่น เอนไซม์ไฮยาลูโรนิเดส (Hyaluronidase) และเอนไซม์อีลาสเตส (Elastase)
3.แก้ไขปัญหาในช่องปาก
มีงานวิจัยบางส่วนพบว่าสารสกัดจากดอกดาวเรืองสามารถช่วยรักษาปัญหาในช่องปากบางชนิดได้ สารสกัดแอลกอฮอล์จากพืชตระกูลดาวเรืองเจือจางกับน้ำ นำมาบ้วนปากเช้า-เย็น หรือก่อนนอน โดยทำก่อนแปรงฟันจะสามารถช่วยป้องกันฟันผุ ขจัดคราบแบคทีเรีย ลดอาการอักเสบที่มาจากโรคเหงือก และช่วยให้ฟันขาวขึ้นได้
4.บรรเทาอาการอักเสบ
จากผลงานวิจัยที่ได้รับการตีพิมพ์ลงในวารสาร Experimental Biology ของประเทศอินเดีย ได้ระบุว่า ในดาวเรืองมีสารสกัดที่สามารถช่วยลดไซโตไคเนสอันเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการอักเสบภายในร่างกายลงได้ ดังนั้น หากร่างกายมีการอักเสบหรือปวดบวม ก็สามารถบรรเทาอาการดังกล่าวได้ง่ายๆ ด้วยการดื่มชาจากดอกดาวเรืองนั่นเอง
5.รักษาบาดแผล
ทางด้านวิทยาศาสตร์ได้ให้การพิสูจน์แล้วว่า สารสกัดจากดอกดาวเรืองนั้นมีสรรพคุณช่วยในการรักษาบาดแผลและยังช่วยสมานแผลให้หายไปโดยเร็วได้เป็นอย่างดี