ชื่อเรื่อง อาชีพการจักสานฝาชีจากไม้ไผ่
ชุมชน บ้านท่าแร่ หมู่ที่ 3 ตำบลมะขามเฒ่า อำเภอวัดสิงห์ จังหวัดชัยนาท
ผลิตภัณฑ์จักสานฝาชีจากไม้ไผ่ เริ่มต้นจากคนในชุมชนมีการจักสานจากสิ่งง่าย ๆ มีขนาดเล็ก เพื่อไว้ใช้งานในครัวเรือน เช่น ชะลอมไม้ไผ่ พัด กระด้ง และได้พัฒนารูปแบบมาจนถึงฝาชี ซึ่งเป็นภาชนะที่ใช้ครอบอาหาร เพื่อป้องกันแมลงวัน ซึ่งเป็นพาหนะนำโรคท้องร่วง ในปัจจุบันฝาชียังคงมีความจำเป็นสำหรับการใช้งานในครัวเรือนอยู่ เนื่องจากในประเทศไทยนั้นเป็นพื้นที่มีแมลงวันแมลงหวี่ชุกชุม ซึ่งเป็นพาหะนำโรค
วัสดุที่ในการทำฝาชีมีหลายประเภท นอกจากไม้ไผ่ และหวายที่ใช้เป็นวัสดุหลักที่พบได้ทั่วไปแล้ว ยังมีการสานฝาชีด้วยใบตาล ใบลาน ใบมะพร้าวหรือแม้กระทั่งผักตบชวาด้วย ขึ้นอยู่กับว่าในแต่ละพื้นที่มีวัตถุดิบชนิดใดเป็นจำนวนมากก็มักจะใช้วัตถุดิบใกล้ตัวนั้นๆ มาทำฝาชี และมีการพัฒนาวัสดุในการทำฝาชีซึ่งแต่เดิมใช้วัสดุธรรมชาติซึ่งหาได้ตามท้องถิ่นมาเป็นวัสดุอื่นๆ ตามยุคสมัย เช่น พลาสติก อลูมิเนียม ที่มีความทนทานและสะดวกในการหาซื้อ แต่ก็ยังมีอีกหลายชุมชนที่ยังคงใช้วัสดุในธรรมชาติที่หาได้ตามท้องถิ่นนั้นๆ มาทำฝาชีอยู่ แต่ด้วยความเจริญก้าวหน้าทางสังคม และการดำรงชีวิตของคนในชุมชนเปลี่ยนแปลงไป ทำให้งานจักสานหรืออาชีพจักสานลดน้อยลงไปเรื่อยๆ ในชุมชนบ้านท่าแร่ หมู่ที่ 3 ตำบลมะขามเฒ่า อำเภอวัดสิงห์ จังหวัดชัยนาท จะมีความถนัดในการจักสานไม้ไผ่ และไม้ไผ่ก็เป็นวัสดุท้องถิ่น หาง่าย โดยทั่วไปฝาชีมักจะเป็นเครื่องสานธรรมดา ไม่มีลวดลายอะไรมากนัก ต่อมาได้มีการพัฒนากรรมวิธี เทคนิค ลวดลายและความคิดสร้างสรรค์ใส่ลงในฝาชีจนเป็นเอกลักษณ์ของชุมชนเพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับตัวสินค้าในการซื้อหาไปใช้งานหรือเป็นของฝากอีกด้วย
กศน.อำเภอวัดสิงห์ ได้เข้าไปส่งเสริมความรู้ด้านงานจักสานแก่ผู้ที่สนใจในอาชีพการจักสานผลิตภัณฑ์จากไม้ไผ่ โดยมีปราชญ์ชุมชนด้าน จักสานฝาชีจากไม้ไผ่ นางทองหลอม แพ่งกลิ่น บ้านเลขที่ 173 หมู่ที่ 3 ตำบลมะขามเฒ่า อำเภอวัดสิงห์ จังหวัดชัยนาท 17120 เป็นวิทยากรให้ความรู้ให้แก่ประชาชนผู้สนใจ ได้สืบทอดภูมิปัญญาพื้นบ้านงานจักสานให้คงอยู่
เริ่มสอนตั้งแต่ขั้นตอนแรกคือทำการผ่าตอกออกเป็นซีก นำตอกที่ได้มาขูด เพื่อให้ได้เส้นตอกที่เรียบเวลาสานจะทำให้สานได้ง่ายขึ้นและมีความประณีตสวยงาม แล้วนำไปผึ่งแดด และนำตอกไปแช่น้ำ จนถึงทำการขึ้นเป็นฝาชี ตัดแต่งให้ได้รูปทรง ซึ่งแต่ละอันใช้เวลาในการทำประมาณ 3 – 4 วัน ขึ้นอยู่กับความชำนาญของแต่ละบุคคล แหล่งจำหน่ายสินค้าของชุมชน ส่วนใหญ่เป็นตลาดภายในอำเภอ และจังหวัดชัยนาท ขนาดและรูปแบบอยู่ที่ความต้องการของลูกค้า และจะทำตามยอดสั่งจองเท่านั้น รายได้ในการจัดจำหน่ายสินค้าเทียบกับปีที่ผ่านมา เพิ่มขึ้นร้อยละ 25 – 50 เนื่องจากสินค้ามีความคงทน สามารถใช้ได้เป็นเวลานาน และมีทั้งลูกค้าใหม่และลูกค้าเก่าแต่ไม่มีการสั่งซื้ออย่างสม่ำเสมอ